การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่อยากเพิ่มความมั่นใจ เปลี่ยนรูปทรง แก้ปัญหา หรืออัพขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นเป็นไปตามที่ต้องการ แต่เนื่องจากวิธีการนี้เป็นการใส่วัสดุทางการแพทย์เข้าไปในร่างกายทำให้หลายคนมีความกังวลหรือยังสงสัยว่าเต้านมเทียมคืออะไร มีด้วยกันกี่ประเภท วิธีการเสริมหน้าอกมีอะไรบ้าง ซิลิโคนมีให้เลือกกี่ทรง ศัลยกรรมหน้าอกด้วยซิลิโคนกับไขมันต่างกันอย่างไร สามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความต่อไปนี้
Key Takeaways
- การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียมหรือซิลิโคน คือการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดหรือปรับรูปทรงหน้าอก โดยใช้วัสดุซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และอยู่ได้นานกว่า 10–20 ปี
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกมี 2 ชนิดหลัก ได้แก่ ซิลิโคนถุงน้ำเกลือ (นิยมลดลง) และซิลิโคนแบบเจล (นิยมสูงสุดในปัจจุบัน เพราะให้สัมผัสและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ)
- ผิวสัมผัสของซิลิโคนมี 3 ประเภท คือ ผิวเรียบ ผิวทราย และผิวนาโน ซึ่งส่งผลต่อการยึดเกาะและโอกาสเกิดพังผืดที่แตกต่างกัน
- ซิลิโคนมีให้เลือก 2 รูปทรงหลัก คือ ทรงกลม ที่เน้นความอวบอิ่ม ชัดเจน และทรงหยดน้ำ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ คล้อยสวย
- ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ได้แก่ ความมั่นใจเพิ่มขึ้น รูปร่างสมส่วน ปรับบุคลิก และสามารถเลือกรูปทรงให้เหมาะกับแต่ละคนได้
- เปรียบเทียบกับการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ซิลิโคนอยู่ได้นาน เพิ่มขนาดได้ชัดเจน แต่เป็นวัสดุเทียม ไขมัน ธรรมชาติ ไม่แพ้ แต่ขนาดเพิ่มจำกัด และอาจต้องฉีดซ้ำ
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม คืออะไร?
เสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหา จัดรูปทรง หรือเพิ่มขนาดหน้าอก ด้วยการใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป ช่วยทำให้หน้าอกได้สัดส่วนรับกับสรีระ ปรับบุคลิกให้ดูดีขึ้น สามารถเลือกทรงและขนาดได้ตามต้องการ โดยแพทย์จะประเมินจากปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างสรีระ เลือกเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม และออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด
เต้านมเทียม หรือ ซิลิโคนหน้าอก คืออะไร?
สำหรับ เต้านมเทียม หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ซิลิโคนหน้าอก มีทั้งแบบถุงน้ำเกลือและแบบถุงเจลชนิดพิเศษ ซึ่งในปัจจุบันนิยมเลือกใช้แบบถุงเจลมากกว่าเพราะถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและพัฒนาคุณสมบัติออกมาด้วยกันหลากหลายรุ่น มีความยืดหยุ่น เนื้อหนืด ทนทาน ปลอดภัย และมีความเป็นธรรมชาติเหมือนเต้านมจริง ทั้งยังมีให้เลือกหลายรูปทรง หลายขนาด หลายผิวสัมผัส สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการให้เหมาะกับสรีระของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ซิลิโคนเสริมหน้าอก มีกี่ชนิด?
สำหรับ ซิลิโคน ที่ถูกใช้ในการ เสริมหน้าอก มีด้วยกันหลัก ๆ อยู่ 2 ชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปทั้งเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการผลิต คุณสมบัติ และผลลัพธ์หลังทำ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ซิลิโคนถุงน้ำเกลือ
สำหรับเต้านมเทียมหรือซิลิโคนเสริมหน้าอกประเภทนี้จะเป็นถุงที่หุ้มด้วยซิลิโคน ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดเพื่อใส่ถุงชนิดนี้เข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นจะเติมน้ำเกลือบริสุทธิ์ปลอดเชื้อเข้าไปจนถุงพองตัวได้ขนาดและปริมาตรตามที่กำหนดไว้แล้วจึงปิดถุงให้เรียบร้อย แต่ถุงซิลิโคนชนิดนี้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วซึมหรือฉีดขาดได้ง่าย ส่งผลทำให้ หน้าอกมีขนาดที่ไม่เท่ากัน อย่างเห็นได้ชัด เกิดรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าอกได้ง่าย สำหรับกรณีที่เกิดรั่วซึมร่างกายจะดูดซึมน้ำเกลือไปได้เองและกำจัดออกไปตามธรรมชาติโดยไม่เกิดอันตราย
ซิลิโคนแบบเจล
สำหรับเต้านมเทียมประเภทนี้ เป็นถุงซิลิโคนเจลชนิดพิเศษเกรดทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะมีความนิ่ม เนื้อหนืด ทนทาน ยืดหยุ่น ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สามารถคืนทรงได้ดีเมื่อถูกแรงบีบหรือแรงกด ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อเต้านมได้ดี มีให้เลือกหลายรูปทรง หลายขนาด หลายรุ่น และหลายผิวสัมผัส เลือกใช้ได้ตามความต้องการและความเหมาะสมของสรีระแต่ละคน ลดความเสี่ยงที่จะเกิดรอยเหี่ยวย่นหรือเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ ผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจาก อย. หากเกิดการแตกหรือฉีดขาดตัวเนื้อเจลจะเกาะกันเป็นก้อนไม่ไหลไปในร่างกาย ช่วยให้แพทย์แก้ไขได้ง่าย
ผิวสัมผัสของ ซิลิโคนหน้าอก มีกี่ประเภท?
ในส่วนของ เต้านมเทียม ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของรูปทรงและขนาดเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของผิวสัมผัสที่ต้องคำนึงถึงด้วย เนื่องจากแต่ละประเภทของผิวสัมผัสที่มีความแตกต่างกันออกไปสามารถส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้
ซิลิโคนผิวเรียบ
ผิวสัมผัสภายนอกจะมีความเรียบลื่น ผิวเนียน มีความใส เคลื่อนที่ได้ง่ายเมื่อใส่เข้าไปในร่างกาย บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวได้ไว ซิลิโคนเคลื่อนไหวได้เหมือนธรรมชาติ แต่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดพังผืดได้สูง ต้นเหตุของหน้าอกแข็งหรือเสียรูปทรง อาจต้องนวดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อลดโอกาสเกิดพังผืดให้น้อยลง
ซิลิโคนผิวทราย
ผิวสัมผัสภายนอกจะมีลักษณะที่ขรุขระ ผิวหยาบเหมือนทราย สามารถยึดเกาะเนื้อเยื่อเต้านมได้ดีจึงทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ สามารถคงรูปทรงอยู่ได้นาน นอกจากนั้นยังช่วยลดการเกิดพังผืดให้น้อยลงได้อีกด้วย ความรู้สึกเมื่อสัมผัสอาจจะไม่นิ่มเหมือนกับผิวเรียบมากนัก
ซิลิโคนผิวนาโน หรือผิวกำมะหยี่
เป็นซิลิโคนที่ถูกพัฒนาต่อยอดโดยการรวมเอาผิวเรียบและผิวทรายเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ถุงซิลิโคนไม่เรียบหรือสากเกินไป ผิวมีความละเอียด มีความยืดหยุ่นสามารถยึดเกาะกับเนื้อเยื่อบริเวณเต้านมได้ดี ไม่เกิดการเคลื่อนตัวไปในตำแหน่งอื่น ลดโอกาสเกิดพังผืดให้น้อยลง มีความนิ่ม ไม่แข็ง เป็นธรรมชาติ
ซิลิโคนหน้าอก มีทั้งหมดกี่ทรง?
สำหรับทรงของซิลิโคนเสริมหน้าอก มีด้วยกันหลัก ๆ 2 รูปทรง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหา ฐานหน้าอกเดิม และความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะช่วยประเมินเพื่อเลือกทรงที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด โดยมีรายละเอียดของเต้านมเทียมทั้ง 2 รูปทรง ดังนี้
ซิลิโคนทรงหยดน้ำ
ลักษณะของซิลิโคนทรงหยดน้ำ ส่วนบนจะราบลงมานิดหน่อยแต่เนื้อส่วนล่างเต็มและคล้อยลงเล็กน้อยเหมือนกับหยดน้ำ ช่วยให้หน้าอกมีรูปทรงและการเคลื่อนไหวที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่แข็งหรือเป็นบล็อก
ซิลิโคนทรงกลม
ส่วนซิลิโคนทรงหยดน้ำ มีลักษณะที่สมมาตรทุกส่วน ช่วยให้หน้าอกดูเต็มและกระชับขึ้น เนินหน้าอกอวบอิ่มสวยได้รูป ทำให้หน้าอกดูใหญ่ชัดเจน มีความโดดเด่น
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม มีข้อดีและข้อควรรู้ อะไรบ้าง?
ข้อดีของ การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม มีด้วยกันหลายประการ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีข้อควรรู้ที่พึงพิจารณาร่วมด้วย โดยมีรายละเอียดของข้อดีและข้อควรรู้ของการใช้ซิลิโคนในการเสริมหน้าอก ดังนี้
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม
- ผลลัพธ์หลังทำสามารถอยู่ได้ตลอดจนกว่าจะต้องการแก้ไขหรือเกิดปัญหา
- ช่วยให้หน้าอกสวยงามได้สัดส่วนรับกับสรีระมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
- มีขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย เลือกใช้ได้ตามความต้องการและความเหมาะสมของสรีระที่แตกต่างกัน
ข้อควรรู้ของการเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม
- หากไม่ดูแลตามคำแนะนำของแพทย์อาจเกิดพังผืดหรือผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาได้
- มีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อหรืออักเสบ หากดูแลตัวเองไม่ดี
- มีโอกาสที่ร่างกายอาจต่อต้านสิ่งแปลกปลอมได้
- อาจเกิดพังผืดรอบซิลิโคนขึ้นได้ จนทำให้หน้าอกดูแข็งหรือหน้าอกผิดรูปทรง
เสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม กับ เสริมหน้าอกด้วยไขมัน ต่างกันไหม?
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม และ เสริมหน้าอกด้วยไขมัน มีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของวิธีการและผลลัพธ์ที่ได้ โดยมีรายละเอียดความแตกต่างของทั้งสองวิธีดังนี้
เสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดเพื่อใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปในบริเวณหน้าอกตามตำแหน่งที่กำหนด
- ซิลิโคนสามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดจนกว่าจะต้องการแก้ไขหรือเกิดปัญหา
- เลือกขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีไม่เคลื่อนไปในตำแหน่งอื่น
- ทนต่อแรงกดหรือบีบอัดได้ดี สามารถคืนตัวได้ มีความยืดหยุ่น ถุงซิลิโคนมีความทนทานและปลอดภัย
- มีโอกาสที่ร่างกายจะเกิดการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมหรือเกิดปัญหาพังผืดรอบซิลิโคนขึ้นได้
เสริมหน้าอกด้วยไขมัน
- เป็นการดูดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนำไปเข้ากระบวนการเพื่อคัดแยกเอาไขมันที่มีคุณภาพเพื่อนำไปฉีดที่บริเวณหน้าอก
- ไม่เกิดปัญหาแพ้หรือร่างกายต่อต้านเพราะเป็นไขมันจากตัวคนไข้เองไม่ใช่วัสดุสังเคราะห์
- หน้าอกมีความนิ่ม เป็นธรรมชาติ
- อาจจะต้องฉีดซ้ำเพราะไขมันมีโอกาสสลายไปได้
- เนื่องจากไขมันสามารถสลายไปได้ อาจส่งผลทำให้หน้าอกเสียทรง ไม่เท่ากัน หรือผิวไม่เรียบเนียน
- ไม่สามารถเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ได้เท่ากับการเสริมด้วยซิลิโคน
- ไม่สามารถทำได้กับคนที่มีไขมันน้อยหรือแทบจะไม่มีไขมันพอให้ดูดออกมาใช้งาน
สรุปข้อแตกต่างระหว่างการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน vs ไขมัน
หัวข้อเปรียบเทียบ |
เสริมหน้าอกด้วย ซิลิโคน |
เสริมหน้าอกด้วย ไขมันตัวเอง |
วัสดุ | ถุงซิลิโคนทางการแพทย์ | ไขมันจากร่างกายตัวเอง |
ขนาดที่เสริมได้ | เพิ่มขนาดได้มาก เห็นชัด | เพิ่มได้เล็กน้อยตามปริมาณไขมัน |
รูปทรง / การคืนตัว | ชัดเจน ยืดหยุ่น ทนแรงกด | ธรรมชาติ แต่อาจผิดรูปได้เมื่อไขมันสลาย |
ความรู้สึกสัมผัส | แน่นกระชับ | นุ่มเป็นธรรมชาติ |
ผลลัพธ์ระยะยาว | อยู่ได้นาน 10–20 ปี | ไขมันบางส่วนสลาย ต้องฉีดซ้ำได้ |
โอกาสแพ้ / พังผืด | มีโอกาสเกิดพังผืดหรือการต่อต้าน | ไม่มีการแพ้ เพราะใช้ไขมันตัวเอง |
ข้อจำกัด | ต้องผ่าตัด มีแผล | คนไข้ต้องมีไขมันเพียงพอ |
ราคาโดยเฉลี่ย | สูงกว่าไขมัน | มักต่ำกว่า (หากทำจุดเดียว) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
แม้การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจะได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน แต่หลายคนยังมีข้อสงสัยและคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัย วิธีการดูแล ผลลัพธ์ รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเข้าใจในทุกขั้นตอน เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบจากมุมมองของแพทย์ผู้มีประสบการณ์มาให้ทุกคนได้รู้
Q : เสริมหน้าอกเจ็บไหม? ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
A : การเสริมหน้าอกมักใช้การดมยาสลบ จึงไม่รู้สึกเจ็บระหว่างผ่าตัด หลังจากฟื้นอาจมีอาการตึง เจ็บ หรือปวดเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วง 3–7 วันแรก แต่สามารถควบคุมได้ด้วยยาและการพักผ่อนอย่างเหมาะสม โดยทั่วไปจะสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 7–14 วัน และกลับไปออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังจาก 1 เดือน
Q : ซิลิโคนเสริมหน้าอกอยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่?
A : ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่ได้มาตรฐานสามารถอยู่ในร่างกายได้อย่างปลอดภัย 10–20 ปี หรือมากกว่านั้นโดยไม่ต้องเปลี่ยน หากไม่มีปัญหา เช่น แตก รั่ว หรือเกิดพังผืดผิดปกติ แพทย์มักแนะนำให้ติดตามประเมินเป็นระยะทุก 1–2 ปี
Q : หลังเสริมหน้าอกควรดูแลตัวเองอย่างไร?
A : ควรสวม ซัพพอร์ตบรา ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรก
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ยกแขนสูง หรือนอนตะแคง
ห้ามออกกำลังกายหรือมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4 สัปดาห์แรก และทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำ และเข้าตรวจติดตามกับแพทย์ตามนัด
Q : สามารถให้นมบุตรได้หลังเสริมหน้าอกหรือไม่?
A : สามารถให้นมบุตรได้ หากซิลิโคนวางไว้ใต้กล้ามเนื้อหรือในชั้นที่ไม่รบกวนต่อมน้ำนม แพทย์มักวางแผนผ่าตัดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในอนาคตหากมีแผนตั้งครรภ์
Q : ซิลิโคนจะเคลื่อนหรือผิดรูปได้มั้ย?
A : หากใช้ซิลิโคนคุณภาพดีและผ่าตัดโดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์ โอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนหรือผิดรูปจะน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเลือกผิวสัมผัสและตำแหน่งวางที่เหมาะสม ร่วมกับการดูแลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
Q : มีใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการเสริมหน้าอก?
A : ผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ เช่น หัวใจ ไต เบาหวานรุนแรง, ผู้ที่มีภูมิแพ้ซิลิโคนหรือวัสดุทางการแพทย์, ผู้ที่มีสุขภาพจิตไม่มั่นคงหรือมีอาการ Body Dysmorphic Disorder (BDD), ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่เกินจริงจนไม่สามารถบรรลุได้ในทางการแพทย์
Q : เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองดีกว่าซิลิโคนหรือไม่?
A : ซิลิโคน เพิ่มขนาดได้มาก เห็นผลชัดเจน ไม่สลาย ส่วนไขมันตัวเอง ดูเป็นธรรมชาติ แต่ผลอาจไม่ถาวรและต้องมีไขมันเพียงพอ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าคนไข้เหมาะกับวิธีใดมากกว่า หรืออาจทำแบบ Hybrid Breast Augmentation (ซิลิโคน + ไขมัน) ได้ด้วย
Q : ราคาการเสริมหน้าอกอยู่ที่เท่าไร?
A : ราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดและแบรนด์ของซิลิโคน เทคนิคการผ่าตัด และมาตรฐานของคลินิก จะอยู่ในช่วงประมาณ 80,000 – 150,000 บาท ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตและแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
Q : หลังผ่าตัดจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่?
A : แผลผ่าตัดมักซ่อนในตำแหน่งที่มองไม่เห็นชัด เช่น ใต้ราวนม รอบปานนมหรือใต้รักแร้ โดยแพทย์จะเลือกตำแหน่งให้เหมาะกับโครงสร้างร่างกายและความต้องการของคนไข้ หากดูแลแผลดี รอยแผลมักจางลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 6 เดือน
สรุป
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเลือกรูปทรงหรือขนาดได้ตามต้องการ ทั้งยังมีเทคนิคในการผ่าตัดที่ถูกพัฒนามาให้มีความปลอดภัยและช่วยลดผลข้างเคียงให้น้อยลงได้ สามารถเสริมหน้าอกไปพร้อมกับการ ยกกระชับทรวงอก แก้ปัญหาหน้าอกความหย่อนคล้อย ได้อีกด้วย สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าอก อยากเสริมหน้าอกครั้งแรก หรืออยากแก้ไขหน้าอกที่เคยทำมาแล้วไม่พึงพอใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery ได้เลย