อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการมีหน้าอกสวยได้ทรง คือ การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง นอกเหนือจากการใส่ซิลิโคน ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าการฉีดไขมันเพื่อ เสริมหน้าอก นั้นคืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เป็นวิธีที่เหมาะกับใคร มีข้อดีหรือข้อจำกัดอย่างไรบ้าง แตกต่างจากการใช้ซิลิโคนอย่างไร ติดตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้ของ Vincent Clinic Plastic Surgery
Key Takeaways
- เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง คือการดูดไขมันจากร่างกายมาฉีดปรับรูปทรงหน้าอก โดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน
- ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองคือผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสนิ่ม ไม่เกิดอาการแพ้ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย และช่วยลดไขมันเฉพาะจุด
- ข้อจำกัดของการฉีดไขมันหน้าอกคือเพิ่มขนาดได้จำกัด ไขมันบางส่วนอาจถูกดูดซึมหายไปใน 3-6 เดือน และไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันน้อย
- เมื่อเปรียบเทียบเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองกับเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ซิลิโคนจะเพิ่มขนาดได้มากกว่า ทรงชัดเจนกว่า แต่เสี่ยงแพ้และมีวัสดุแปลกปลอมในร่างกาย
- นอกจากการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ยังมีการเสริมแบบไฮบริด คือทางเลือกผสมระหว่างใส่ซิลิโคนและฉีดไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขนาดและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติไปพร้อมกัน
- การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการหน้าอกสวยแบบธรรมชาติ ไม่อยากใช้สิ่งแปลกปลอม และมีไขมันเพียงพอให้ดูด
- การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น ดูดไขมันเฉพาะจุด หรือฉีดไขมันใบหน้าในครั้งเดียวกันได้
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี หากดูแลตัวเองดี และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ไขมันสลาย เช่น การลดน้ำหนักเร็ว สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ราคาเฉลี่ยของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองอยู่ที่ 40,000-70,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและเทคนิคที่ใช้
- หากต้องการเพิ่มความแนบเนียนและลดการสลายของไขมัน อาจใช้เทคนิคเสริม เช่น PRP หรือ Nano Fat ร่วมด้วย
อยากหน้าอกสวยธรรมชาติ โดยไม่ใส่ซิลิโคน ทำได้ไหม?
สำหรับคนที่ต้องการได้หน้าอกทรงสวยโดยไม่อยากใส่ซิลิโคน เพราะมีความกังวลเรื่องของการใช้สิ่งแปลกปลอมใส่เข้าไปในร่างกาย สามารถเลือกใช้เทคนิคอื่น ๆ อย่างเช่น การฉีดไขมันตัวเองเข้าไปที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถปรับรูปทรงให้สวยได้ตามต้องการมากขึ้น ทั้งยังเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัยเพราะเป็นการใช้ไขมันจากตัวของคนไข้เอง
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง คืออะไร?
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Breast Augmentation / Breast Fat Grafting) คือ การดูดไขมันตามร่างกายของคนไข้ออกมาเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเอาเซลล์ไขมันดี เพื่อฉีดเข้าสู่ตำแหน่งหน้าอกที่ต้องการปรับรูปทรง ป้องกันอาการแพ้จากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ไม่เกิดการต่อต้าน ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เหมาะกับใคร?
สำหรับการฉีดไขมันหน้าอก แม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เนื่องจากมีข้อจำกัดในหลายด้าน จึงเหมาะกับคนที่มีความต้องการและปัญหาดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่ต้องการให้หน้าอกเป็นธรรมชาติ
- เหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการเสริมขนาดให้ใหญ่มากนัก
- เหมาะกับคนที่อยากเพิ่มเนื้อเนินหน้าอกให้อวบอิ่ม เต่งตึง
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับให้หน้าอกสองข้างมีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากขึ้น
- เหมาะกับคนที่ใส่ซิลิโคนมาแล้วต้องการลบขอบให้เนียนไปกับผิว ปรับรูปทรงให้ธรรมชาติมากขึ้น
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากใส่ซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย
- เหมาะกับคนที่มีไขมันเพียงพอสำหรับการดูดออกมาใช้ฉีดเสริมหน้าอก
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
เทคนิคการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง มีข้อดีด้วยกันหลายอย่าง สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกันได้ โดยมีข้อดีดังนี้
- ผลลัพธ์หน้าอกเป็นธรรมชาติ ให้สัมผัสที่นิ่มเหมือนเนื้อนมจริง
- ไม่เกิดอาการแพ้ เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง ร่างกายจึงไม่เกิดการต่อต้าน
- ดูแลรูปร่าง ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดเนื่องจากต้องดูดเอาไขมันตามร่างกายออกมาใช้ในการฉีดหน้าอก
- ไม่มีแผลผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น มีเพียงรอยเข็มขนาดเล็ก
ข้อจำกัดในการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ถึงแม้การฉีดไขมันหน้าอกจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้เอาไว้ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะเลือกทำ โดยมีรายละเอียดของข้อจำกัดดังนี้
- เมื่อผ่านไปประมาณ 6 เดือน ไขมันที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายอาจถูกดูดซึมไปได้บางส่วน ทำให้หน้าอกไม่เท่ากันหรือลดขนาดลงจากตอนแรกที่ฉีด
- มีโอกาสทำให้เกิดซีสต์จากการสะสมของไขมัน
- ไม่สามารถเสริมให้หน้าอกใช้มาก ๆ ได้
- หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพออาจทำให้ไขมันกระจุกตัวเป็นก้อน
- ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของหน้าอกได้
- ไขมันที่สามารถดูดออกมาเพื่อฉีดเข้าสู่หน้าอกมีปริมาณจำกัด
- หากต้องการให้ไขมันติดมากขึ้นสามารถเลือกฉีด PRP เพื่อเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดโอกาสที่ไขมันจะถูกดูดซึมให้น้อยลง
เสริมหน้าอกแบบไฮบริด (Hybrid) คืออะไร?
สำหรับการเสริมหน้าอกแบบไฮบริด คือ เทคนิคการศัลยกรรมหน้าอกด้วยซิลิโคนและฉีดไขมันเสริมผลลัพธ์ให้ออกมาดียิ่งขึ้น เป็นการฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มเนินหน้าอก ปรับทรงหน้าอกสวยเต่งตึง ลบขอบซิลิโคนให้กลืนไปกับผิว ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดการเกิดริ้วรอยหรือผิวเป็นคลื่น ป้องกันไม่ให้ซิลิโคนชิดกับผิวหนังจนเกิดการเสียดสีจนอาจกลายเป็นปัญหาตามมาในอนาคต
เปรียบเทียบ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง vs เสริมด้วยซิลิโคน vs เสริมแบบไฮบริด
ใครที่ยังไม่แน่ใจว่า เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เสริมด้วยซิลิโคน และเสริมแบบไฮบริด มีความแตกต่างกันหรือไม่ สามารถดูรายละเอียดได้จากข้อมูลต่อไปนี้
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง VS เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
การเลือกวิธีเสริมหน้าอกที่เหมาะสมกับตนเองขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โดยการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองจะเน้นความเป็นธรรมชาติ ใช้ไขมันของคนไข้เองซึ่งร่างกายไม่ต่อต้านหรือเกิดอาการแพ้ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีสัมผัสนุ่ม ใกล้เคียงกับหน้าอกจริง และไม่มีวัสดุแปลกปลอมใส่เข้าไปในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ขนาดที่สามารถเพิ่มได้มีข้อจำกัด และอาจมีบางส่วนของไขมันที่สลายไปภายใน 6 เดือน ในขณะที่ เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน สามารถเลือกขนาดและรูปทรงได้หลากหลาย ให้ทรงสวยคมชัด และเพิ่มขนาดหน้าอกได้มากตามต้องการ ซิลิโคนเสริมหน้าอก สมัยใหม่ยังถูกออกแบบให้มีความนิ่มใกล้เคียงกับของจริง แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องพังผืดหรือการแพ้วัสดุแปลกปลอมได้บ้าง รวมถึงมีแผลผ่าตัดบริเวณใต้ราวนมหรือรักแร้ ซึ่งจำเป็นต้องดูแลให้ดีในระยะยาว ทั้งนี้คนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่อยากใส่วัสดุแปลกปลอม อาจเหมาะกับการฉีดไขมันมากกว่า แต่หากต้องการขนาดที่ใหญ่ชัดเจน การเสริมซิลิโคนจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง VS เสริมหน้าอกแบบไฮบริด
เสริมหน้าอกแบบไฮบริด เป็นทางเลือกใหม่ที่รวมข้อดีของทั้งสองเทคนิคเข้าไว้ด้วยกัน โดยเป็นการผสมผสานระหว่างการเสริมซิลิโคนเพื่อเพิ่มขนาดให้ได้ตามต้องการ และการฉีดไขมันของตัวเองเพื่อปรับรูปทรงให้เนียนเรียบมากขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหน้าอกทรงสวย ขนาดชัด แต่ยังต้องการสัมผัสที่นุ่มและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยการฉีดไขมันจะช่วยกลบขอบซิลิโคน ลดการเสียดสีกับผิวหนัง ป้องกันการเกิดคลื่นหรือริ้วผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยเพิ่มความเต่งตึงของเนินอกให้ดูอวบอิ่มมากขึ้น ในขณะที่ การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองเพียงอย่างเดียว แม้จะมีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ แต่ไม่สามารถเพิ่มขนาดได้มากนัก และมีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีไขมันน้อย การเสริมแบบไฮบริดจึงเหมาะกับผู้ที่อยากได้ผลลัพธ์ทั้งด้านขนาดและความเนียนธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยต้องทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้สัดส่วนของซิลิโคนและไขมันเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
ขั้นตอนการทำและการดูแลหลังเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ขั้นตอนในการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองและการดูแลหลังทำ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากมีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ โดยมีรายละเอียดของขั้นตอนการทำและการดูแลหลังทำดังนี้
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าอก
- แพทย์จะประเมินความเหมาะสมของขนาดและรูปทรงหน้าอก เพื่อนำไปคำนวนหาปริมาณไขมันที่ต้องดูดออกมาอย่างเหมาะสม
- เลือกตำแหน่งในร่างกายที่เหมาะกับการดูดไขมัน ฉีดยาชาเฉพาะจุด รอออกฤทธิ์แล้วจึงใช้เครื่องมือสอดเข้าใต้ชั้นผิวเพื่อเริ่มกระบวนการดูดไขมัน ในกรณีที่คนไข้กังวลแพทย์อาจจะพิจารณาใช้ยาสลบแทน
- นำไขมันที่ได้เข้าสู่เครื่องคัดแยกไขมันดี ฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณหน้าอก หลังจากนั้นนำเอาไขมันดีที่ได้จากการคัดแยกมาฉีดเข้าในตำแหน่งที่กำหนดไว้ โดยแพทย์จะเน้นฉีดหลายจุดเพื่อไม่ให้เกิดการรวมตัวเป็นก้อนของไขมัน
ดูแลหลังฉีดไขมันหน้าอก
- ในช่วง 3-5 วันแรกหลังทำ งดใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่รัดแน่นช่วงหน้าอก
- อย่าให้แผลดูดไขมันโดนน้ำในช่วง 5-7 วันแรก หรือก่อนที่จะตัดไหม
- งดยกของหนัก ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะ ๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์
- 3 เดือนแรกหลังทำ ห้ามกด บีบ นวด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณหน้าอก เพราะอาจทำให้เสียรูปทรงและไขมันไหลไปในตำแหน่งอื่น
- สามารถใส่ชุดชั้นในที่ไม่รัดแน่นหรือคับเกินไป แต่สามารถช่วยพยุงหน้าอกให้อยู่ในรูปทรงและตำแหน่งที่เหมาะสม ในช่วง 3 เดือนหลังทำ
- งดออกกำลังกายหรือการลดน้ำหนักในช่วง 1 เดือน เพราะอาจทำให้ไขมันที่ฉีดไปถูกเผาผลาญและถูกดูดซึมหายไปได้
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความร้อนจัดหรือเย็นจัดในช่วง 1 เดือนหลังทำ เพราะอุณหภูมิมีผลกับการสลายตัวของไขมัน
- งดนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าอกถูกกดทับจนไขมันไหลไปในตำแหน่งอื่นจนหน้าอกเสียรูปทรง ควรนอนหงายและยกศีรษะสูง
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพื่อลกโอกาสการติดเชื้อให้น้อยลง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ประมาณ 1 เดือนหลังทำ เพราะมีผลกับเรื่องของการฟื้นตัวและแผลหายช้า
- ควรใส่ชุดรัดกระชับในตำแหน่งที่ดูดไขมันออกมาอย่างน้อยประมาณ 2 เดือน เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ผิวกระชับไวขึ้น
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองอยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์หลังเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง สามารถอยู่ได้นานหลายปีแต่ระยะเวลาในแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย การลดน้ำหนัก และกระบวนการดูดซึมไขมันของร่างกายแต่ละรายบุคคลที่แตกต่างกันออกไป
ฉีดไขมันหน้าอกต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
หลังการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ในกรณีของคนที่หลังทำไปแล้วไขมันสลายไปเยอะหรือไม่พอใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ อาจจะต้องเข้ามาฉีดเติมอีกเพื่อให้ได้รูปทรงตามต้องการ หากใครที่อยากได้ขนาดที่ใช้ขึ้นอาจจะต้องให้แพทย์วางแผนการฉีดซ้ำให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
ฉีดไขมันหน้าอกเจ็บไหม? พักฟื้นนานหรือเปล่า?
ระหว่างการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดจึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ ซึ่งการพักฟื้นนั้นปกติทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ซึ่งบริเวณที่ดูดไขมันออกมาอาจจะใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าบริเวณหน้าอก
ทำอย่างไรให้ไขมันที่ฉีดหน้าอกติดได้นาน?
เพื่อให้การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองคงอยู่ได้นานและไขมันติดเยอะขึ้น สามารถใช้เทคนิคเสริมอื่น ๆ เข้ามาช่วยเสริมผลลัพธ์ได้เช่นกัน ดังนี้
- ฉีด PRP เป็นการนำเลือดของคนไข้มาเข้าสู่กระบวนการปั่นเพื่อคัดแยกเอาเกล็ดเลือดเข้มข้นซึ่งมีสารอาหาร ออกซิเจน และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย สามารถเข้าไปช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ต่างในร่างกายได้ เป็นอีกตัวช่วยในการทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดดียิ่งขึ้นได้
- ฉีดไขมัน Nano Fat เป็นการฉีดไขมันที่มีเซลล์ขนาดเล็กและละเอียดมาก เข้าไปช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมตัวเองของเนื้อเยื่อให้ดีขึ้น เน้นเรื่องของความเรียบเนียนเต่งตึง เป็นการฉีดเสริมเพื่อให้ไขมันติดดียิ่งขึ้น
- งดพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ลดน้ำหนักอย่างผิดวิธี เผชิญความร้อนหรือความเย็นจัด เป็นต้น
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หลายประเภท ซึ่งช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ได้รูปร่างและความงามโดยรวมที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ที่ต้องการดูแลทั้งหน้าอกและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไปพร้อมกัน ตัวอย่างหัตถการที่สามารถทำร่วมกันได้อย่างปลอดภัย ได้แก่
- ดูดไขมันเฉพาะส่วน เนื่องจากการฉีดไขมันหน้าอกต้องอาศัยไขมันจากร่างกายอยู่แล้ว จึงสามารถออกแบบให้ ดูดไขมัน ในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ช่วยปรับรูปร่างโดยรวมให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น
- ฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปฉีดเติมจุดอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น ฉีดไขมันแก้มตอบ ขมับยุบ หน้าผากแบน หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัด เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้ในคราวเดียว
- เสริมหน้าอกแบบไฮบริด ในกรณีที่คนไข้ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้มากขึ้นกว่าที่ไขมันอย่างเดียวจะทำได้ อาจเลือกผสมการใส่ซิลิโคนร่วมกับการฉีดไขมันเพื่อช่วยกลบขอบซิลิโคนให้ดูเป็นธรรมชาติ และลดโอกาสการเกิดผิวไม่เรียบหรือเป็นคลื่น
การทำหัตถการร่วมเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้การวางแผนโดยแพทย์ผู้เฉพาะทาง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุล ปลอดภัย และเข้ากับสรีระของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
หากใครที่ยังสงสัยเกี่ยวกับการฉีดไขมันหน้าอก ในบทความนี้เราได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสิน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Q : ถ้าผอมมาก ๆ สามารถทำเทคนิคนี้ได้ไหม?
A : ในกรณีของคนที่ผอมมาก ๆ แต่ยังมีไขมันที่ต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง ในปริมาณที่เพียงพอต่อการดูดออกมาฉีดหน้าอก สามารถทำได้ แต่อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการเนื่องจากคนที่ผอมมาก ๆ จะมีไขมันน้อยจึงอาจทำให้ปริมาณไขมันที่ดูดออกมาได้น้อยตามไปด้วย แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมหน้าอกแบบไฮบริดแทน ในส่วนของคนที่ผอมมากและแพทย์ประเมินแล้วว่าไม่มีไขมันมากพอให้ดูดออกมาใช้งาน อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นแทน เช่น เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เป็นต้น
Q : ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะหายหมดหรือเปล่า?
A : เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปมีโอกาสที่จะสลายไปได้ประมาณ 30-50 % ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน โดยไขมันที่ไม่สลายไปจะติดอยู่กับชั้นผิวที่ฉีดไว้ตั้งแต่แรกจะไม่หายไปหากไม่ถูกกระเทือนกระเทือนจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ หรือน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
Q : ถ้าฉีดแล้วไม่พอใจขนาดหน้าอก ต้องทำซ้ำไหม?
A : สำหรับคนที่ฉีดไขมันหน้าอกไปแล้วไม่พอใจในรูปทรงหรือขนาด สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้อีกโดยแนะนำให้เว้นระยะประมาณ 4-6 เดือน เพื่อให้หน้าอกเข้าที่และไขมันอยู่ตัวก่อน หากคนไข้ยังมีไขมันพอให้ดูดหรือมีการเก็บไขมันจากรอบก่อนไว้ก็สามารถให้แพทย์ฉีดเติมได้อีก
Q : ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะกลายเป็นก้อนหรือไม่?
A : หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และแพทย์ฉีดกระจายไปในตำแหน่งที่เหมาะสม จะไม่ทำให้เกิดการกระจุกตัวหรือรวมตัวกันของไขมันจนกลายเป็นก้อนได้
Q : เสริมหน้าอกด้วยไขมันดูเป็นธรรมชาติกว่าซิลิโคนจริงไหม?
A : การฉีดไขมันหน้าอกให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถฉีดหน้าอกให้มีขนาดที่ใหญ่มากเหมือนการเสริมซิลิโคนได้ เซลล์ไขมันมีความนิ่มสามารถกลืนเข้ากับชั้นผิวได้อย่างดีจึงให้สัมผัสที่นุ่มนวล แต่ซิลิโคนในปัจจุบันมีการพัฒนาและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับธรรมชาติมากเช่นกัน
Q : ราคาแพงกว่าซิลิโคนหรือไม่?
A : ราคาเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ ปริมาณไขมันที่ดูดออกมา เทคนิคเสริมอื่น ๆ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-70,000 บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนเพียงเล็กน้อย
สรุป
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ทางเลือกของคนที่ต้องการดูแลรูปร่างเฉพาะส่วนและต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกไปพร้อมกัน ให้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เพราะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป นอกจากนั้นร่างกายยังไม่เกิดการต่อต้านเพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง จึงเหมาะกับคนที่ไม่กล้าเสริมซิลิโคนหรือไม่อยากใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ได้อยากให้หน้าอกใหญ่เกินไป ต้องการแค่ความเต่งตึง อวบอิ่มมากขึ้นเท่านั้น สำหรับใครที่อยากเสริมหน้าอกครั้งแรก อยากปรึกษาเรื่องฉีดไขมันหน้าอก หรือต้องการแก้ไขหน้าอกที่เคยทำมาแล้วให้ดีขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้แพทย์ผู้มีประสบการณ์ช่วยประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด