vincent.jpg.png
vc_3.png
Vincent Clinic Bangkok Plastic Surgery
คลินิกศัลยกรรมความงาม ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit
บทความ
เหลาคาง คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงไหม?
แชร์ :

เหลาคาง คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงไหม?

เหลาคางคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง? มีผลข้างเคียงอะไรไหม?
อยากรู้เรื่องอะไร? คลิกที่หัวข้อได้เลย!

Key takeaway

  • เหลาคาง คือเทคนิคในการปรับลดขนาดและแก้ไขรูปทรงให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ถาวร
  • ศัลยกรรมเหลาคางสามารถทำร่วมกับศัลยกรรมอื่น ๆ ได้ เช่น เสริมคาง ผ่าตัดเลื่อนกราม เป็นต้น
  • เทคนิคสามารถช่วยแก้ปัญหาคนที่มีขนาดคางใหญ่ คางเหลี่ยม หรือโครงสร้างกระดูกคางไม่ได้สัดส่วน

สำหรับการเหลาคาง เป็นอีกวิธีในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน แก้ปัญหาคางเหลี่ยม คางใหญ่ ช่วยให้ใบหน้ามีความละมุนสวย หน้าเรียวได้รูป โดยไม่ต้องเสริมซิลิโคน เนื่องจากคางเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่สามารถส่งผลกับโครงหน้าโดยรวมได้อย่างชัดเจน สำหรับใครที่มีความสงสัยว่าวิธีการนี้คืออะไร แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง เหมาะกับใครบ้าง ใช้เทคนิคอะไร มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงอะไรไหม ทำร่วมกับการเสริมคางได้ไหม สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้

เหลาคาง คืออะไร?

เหลาคาง คือ เทคนิคในการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งกระดูกคางให้ได้ขนาดและรูปทรงที่ได้สัดส่วนมากขึ้น แก้ปัญหาคางใหญ่ คางเหลี่ยม หน้าละมุนสวย ในกรณีของคนที่กระดูกคางค่อนข้างดีสามารถใช้การเหลากระดูกคางเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอโดยไม่ต้องใส่ซิลิโคน แต่ในกรณีของคนที่มีคางสั้นหลังปรับแต่งกระดูกคางแล้วไม่ได้สัดส่วนตามต้องการ แพทย์อาจพิจารณาเสริมคางร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี คางรับกับใบหน้ามากขึ้น

ปัญหาที่ทำให้ต้องเหลาคาง มีอะไรบ้าง?

สำหรับปัญหาที่ทำให้ต้องเหลาคางมีด้วยกันหลายประการ ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการแก้ปัญหาคางยื่น คางใหญ่ คางตัด หรือคางบานไม่ได้สัดส่วน เพื่อปรับให้หน้าละมุนไม่แข็ง หน้าเรียวสวยได้รูปมากขึ้น

การเหลาคางช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างไร?

สาเหตุที่การเหลาคางสามารถช่วยปรับรูปหน้าได้ เนื่องจากใบหน้าสามส่วนสำคัญที่เรียกว่าสัดส่วนทองคำ ได้แก่ ใบหน้าส่วนบน (Upper Face), ใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) และ ใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) ในส่วนของใบหน้าส่วนล่างนั้นจะมีขอบเขตตั้งแต่บริเวณช่วงปลายจมูกไปจนถึงปลายคาง ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่บริเวณคางจะสามารถทำให้โครงหน้าโดยรวมเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย 

เทคนิคการเหลาคางมีอะไรบ้าง?

เทคนิคการเหลาคางมีอะไรบ้าง?

สำหรับเทคนิคการเหลาคางสามารถทำได้หลัก ๆ 2 วิธี โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละรายบุคคลมากที่สุด โดยเทคนิคที่นิยมใช้มีดังนี้

เหลาคางแผลใน 

การเหลาคางแผลใน เป็นการเปิดแผลภายในช่องปากบริเวณซอกเหงือกในส่วนฟันล่างด้านหน้า เพื่อเข้าไปกรอเนื้อกระดูกที่ไม่ได้รูปทรงให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ไม่มีรอยแผลที่สามารถสังเกตเห็นได้จากภายนอก เนื่องจากเป็นการเปิดแผลภายใน การดูแลรักษาค่อนข้างต้องใส่ใจมากกว่าแผลนอก เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าเพราะมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำลาย อาหาร เป็นต้น เป็นการผ่าตัดเปิดแผลเหมือนกับการเสริมคางแผลใน

เหลาคางแผลนอก 

วิธีการนี้แพทย์จะเปิดแผลบริเวณใต้คางและเข้าไปกรอเนื้อกระดูกคางให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น โดยจะมีรอยแผลผ่าตัดอยู่ภายนอก หากดูแลอย่างถูกต้องและเคร่งครัดตามแพทย์แนะนำ รอยแผลจะจางลงจนแทบมองไม่เห็น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติเคยเป็นคีลอยด์หรือเคยเป็นแผลนูน เป็นการผ่าตัดเปิดแผลเหมือนกับการเสริมคางแผลนอก

เหลาคาง เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับการเหลาคาง เป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าที่สามารถทำได้กับคนที่รูปทรงคางมีปัญหา ต้องการให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้

  • เหมาะกับคนที่ทรงคางค่อนข้างใหญ่ไม่สมส่วนและคางไม่ได้สั้น
  • เหมาะกับคนที่มีคางยื่นมากเกินไป
  • เหมาะกับคนที่มีคางทรงเหลี่ยมไม่รับกับใบหน้า
  • เหมาะกับคนที่ต้องการปรับให้หน้าเรียวสวยมากขึ้น

การเหลาคาง ไม่เหมาะกับใคร?

แม้ว่าการเหลาคางจะช่วยแก้ปัญหารูปได้อย่างเห็นผล แต่วิธีการนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน จึงมีกลุ่มคนที่ไม่ควรปรับรูปหน้าด้วยการเหลากระดูกคาง ดังนี้

  • ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้หรือส่งผลกับการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีคางสั้น เพราะการเหลาไม่ได้ช่วยเพิ่มความยาว อาจจะต้องเสริมคางร่วมด้วย
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีโครงสร้างกระดูกไม่เอื้อต่อการเหลา
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางยื่นจากโครงสร้างกระดูกกรามที่เลื่อนออกมาด้านหน้ามากเกินไปอาจใช้เทคนิคการผ่าตัดปรับตำแหน่งกรามจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ขั้นตอนการผ่าตัดเหลาคาง

ในส่วนของการเหลาคาง จะมีขั้นตอนคล้ายคลึงกับการเสริมคางในหลาย ๆ ขั้นตอน จะต่างออกไปในเรื่องของวิธีการแก้ปัญหา โดยมีรายละเอียดของขั้นตอนในการผ่าตัดดังนี้

  • เข้ารับการประเมินกับแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและออกแบบรูปทรงคางที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด
  • แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะจุดหรือยาสลบ เพื่อช่วยให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บและมีความผ่อนคลายมากขึ้น โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมของคนไข้แต่ละคน 
  • เมื่อยาชา/ยาสลบออกฤทธิ์ แพทย์จะเปิดแผลบริเวณคางตามเทคนิคที่เลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้ เพื่อเข้าไปทำการกรอกระดูกคางให้ได้สัดส่วนมากขึ้น เสร็จแล้วจึงเย็บแผลปิดไว้
  • คนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย

การเหลาคางมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

หลังเหลาคางอาจมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงบางอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยมีปัจจัยจากหลายอย่างประกอบกัน เช่น การดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ แพทย์มีประสบการณ์น้อยจึงวางแผนการรักษาไม่แม่นยำ เป็นต้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • บวมช้ำ เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ และจะหายไปได้เอง ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูร่างกายและการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ที่แตกต่างกัน
  • อักเสบติดเชื้อ สามารถเกิดขึ้นได้จากการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ การรักษาความสะอาดแผลผ่าตัดไม่สม่ำเสมอ
  • คางผิดรูปทรง เกิดขึ้นได้จากแพทย์ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์น้อย ทำให้การเหลากระดูกคางคลาดเคลื่อนไม่แม่นยำ

อ่านเพิ่มเติม: ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง เกิดจากอะไร ป้องกันได้ไหม?

เตรียมตัวก่อนผ่าตัดเหลาคาง

เมื่อคนไข้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการเหลาคางอย่างครบถ้วนถูกต้อง ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงให้น้อยลง โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • เข้ารับการประเมินและวางแผนการรักษากับแพทย์ เพื่อให้เห็นภาพการรักษา สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเห็นถึงภาพรวมของผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจนมากขึ้น 
  • หากมีประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการทุกครั้ง
  • คนไข้รับการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองความสมบูรณ์ของร่างกาย ว่าพร้อมรับการผ่าตัดหรือไม่ 
  • งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  • พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับบริการ

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเหลาคาง

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเหลาคาง

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเหลาคางออกมาดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถปฏิบัติตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • หากมีอาการบวมสามารถประคบเย็นในช่วง 1 – 3 วันหลังทำ เพื่อช่วยให้อาการบวมบรรเทาลงและยุบไวขึ้น
  • หากเข้าสู่วันที่หลังผ่าตัดแล้วมีอาการช้ำสามารถประคบอุ่นเพื่อลดรอยเขียวช้ำได้
  • แนะนำให้นอนหงายและหนุนหมอนสูงเพื่อยกศีรษะขึ้น จะช่วยลดอาการบวมให้น้อยลงได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวรแผลผ่าตัดเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อให้น้อยลง
  • งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ ในช่วงแรกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนกับแผลผ่าตัด
  • งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่มีผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือด จนกว่าแผลจะหายดีหรือไม่มีเลือดซึมออกมาจากแผล
  • สำหรับคนที่ทำเทคนิคแผลในปากควรบ้วนปากหรือทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อลดโอกาสการอักเสบติดเชื้อให้น้อยลง
  • รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย และหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที

ข้อดี–ข้อเสียของการเหลาคาง

สำหรับการเหลาคางนั้นมีทั้งข้อดีและข้อควรรู้ที่ควรนำไปพิจารณาร่วมกันก่อนตัดสินใจทำ เพื่อประเมินว่าวิธีการนี้ตรงตามความต้องการและปัญหาของคนไข้มากน้อยแค่ไหน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ข้อดีของการเหลาคาง

  • ปรับรูปทรงคางได้ถาวร เพราะกระดูกส่วนเกินถูกกรอออกไป
  • ช่วยปรับรูปหน้าได้สัดส่วน เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
  • สามารถทำเพียงแค่การเหลากระดูกคางอย่างเดียว หรือ ทำร่วมกับการเสริมคางด้วยซิลิโคนได้

ข้อควรรู้ของการเหลาคาง

  • ไม่สามารถนำกระดูกที่กรอไปแล้วกลับมาได้ หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์อาจเกิดปัญหาคางไม่ได้สัดส่วน จึงอาจต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
  • อาจเกิดอาการบวมช้ำขึ้นได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ปกติ และหายไปได้เองประมาณ 3 – 7 วันหลังทำ ขึ้นอยู่กับร่างกายและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน

เหลาคาง vs. หัตถการปรับรูปคางอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างของการเหลาคางกับเทคนิคปรับรูปคางอื่น ๆ มีด้วยกันหลายประการ ทั้งเรื่องของเทคนิคที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ ความเหมาะสมกับปัญหาที่ไม่เหมือนกัน เป็นต้น โดยมีรายละเอียดของความแตกต่าง ดังนี้

  • เหลาคาง เป็นผ่าตัดเพื่อเข้าไปปรับโครงสร้างกระดูกคางให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ปรับขนาดให้เล็กลง กรอรูปร่างคางให้เรียวสวยขึ้น ให้ผลลัพธ์ถาวร โดยสามารถทำร่วมกับการเสริมคางหรือหัตถการอื่น ๆ ได้
  • เสริมคาง เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปช่วยปรับขนาดและรูปทรงคางให้รับกับใบหน้ามากขึ้น โดยมีขนาดและรูปทรงให้เลือกหลากหลาย สามารถเสริมคางให้คางยาวได้มากกว่า 1 ซม. แก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกคางได้ละเอียดครบถ้วน ทั้งยังทำร่วมกับการเหลาคางได้อีกด้วย
  • ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณคางเพื่อช่วยปรับรูปทรงและขนาดให้ได้สัดส่วนมากขึ้น แต่ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างกระดูกภายในได้ นอกจากนั้นผลลัพธ์ไม่ถาวรเพราะฟิลเลอร์สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ต้องกลับมาฉีดเติมเรื่อย ๆ

อ่านเพิ่มเติม: ฉีดฟิลเลอร์คางกับเสริมซิลิโคนคาง ต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่ากัน?

เหลาคาง ราคาเท่าไหร่?

สำหรับราคาในการเหลาคางนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระกับความซับซ้อนของปัญหา เทคนิคเสริมที่ต้องใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 90,000 บาท

เหลาคางที่ไหนดี?

ก่อนจะตัดสินใจเหลาคาง แนะนำให้ศึกษารายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา โดยสามารถพิจารณาเบื้องต้นได้ดังนี้

  • คลินิกที่น่าเชื่อถือ ต้องเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาตติดไว้ชัดเจน
  • แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจในเทคนิคการเหลาคาง สามารถประเมิน ออกแบบทรงคาง และวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
  • ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน มีความสะอาด ปลอดภัย
  • มีเคสรีวิว เพื่อให้สามารถเห็นภาพของผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจน เห็นฝีมือของแพทย์ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเหลาคาง

เนื่องจากการเหลาคางเป็นการศัลยกรรม ทำให้หลายคนยังมีข้อสงสัยต่าง ๆ มากมาย ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาคำถามและปัญหาที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ ช่วยให้เข้าใจวิธีการนี้มากขึ้น

Q: ต้องพักฟื้นกี่วันถึงจะกลับไปทำงานได้?
A: หลังเหลาคางแนะนำให้พักฟื้นประมาณ 3 – 7 วัน ก่อนที่จะเริ่มกลับไปทำงานได้ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเต็มที่ก่อน รอยแผลเริ่มสมานกัน หากใครกังวลก็สามารถที่จะพักฟื้นประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิท อาการบวมหรืออาการปวดต่าง ๆ ดีมากขึ้น ก่อนที่จะกลับไปทำงานตามปกติก็สามารถทำได้เช่นกัน

Q: หลังเหลาคางสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติหรือไม่?
A: แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่เคี้ยวยาก อาหารแข็ง หรือการอ้าปากกว้าง ๆ ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณแผลผ่าตัด

Q: แผลผ่าตัดเหลาคางจะอยู่ตรงไหน? เห็นชัดหรือไม่?
A: สำหรับรอยแผลผ่าตัดจะขึ้นกับเทคนิคที่ใช้ซึ่งมีทั้งรอยแผลในปากและรอยแผลใต้คาง ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด

Q: หลังผ่าตัดเหลาคางสามารถออกกำลังกายได้เมื่อไหร่?
A: หลังผ่าตัดแนะนำให้งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ ในช่วงแรกประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณแผลผ่าตัด

Q: การเหลาคางสามารถทำร่วมกับการศัลยกรรมอื่นได้หรือไม่?
 A: ในกรณีของคนที่ปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณคางใช้เพียงการเหลาคางไม่เพียงพอ แพทย์อาจจะพิจารณาเลือกเทคนิคอื่นร่วมด้วย เช่น ในกรณีของคนที่กระดูกคางใหญ่มากกว่าปกติและค่อนข้างสั้น แพทย์อาจใช้เทคนิคใส่ซิลิโคนคางเพื่อยืดให้คางยาวขึ้นรับกับใบหน้าร่วมกับการเหลาเพื่อลดขนาดคางลง เป็นต้น

Q: ผลลัพธ์การเหลาคางอยู่ได้นานแค่ไหน?
 A: ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ถาวร เนื่องจากเป็นเหลาเอากระดูกส่วนเกินออกไป จึงทำให้โครงสร้างกระดูกคางเปลี่ยนแปลงไปถาวร

สรุป

เหลาคาง อีกหนึ่งเทคนิคเสริมที่จะเข้ามาช่วยปรับแต่งรูปทรงและขนาดของคางให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ทั้งยังทำร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เช่น เสริมซิลิโคนคาง ผ่าตัดขยับตำแหน่งกราม เป็นต้น ช่วยแก้ปัญหาคางใหญ่ คางเหลี่ยม กระดูกคางไม่ได้สัดส่วน เพื่อปรับให้ใบหน้ามีความละมุนสวย หน้าไม่แข็ง ปรับหน้าเรียวได้รูปมากขึ้น สำหรับใครที่ใบหน้าไม่ได้รูปตามต้องการ รูปทรงคางไม่ได้สัดส่วน อยากปรับโครงหน้าให้เข้าที่มากขึ้น แนะนให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทาง วิเคราะห์โครงหน้า วางแผนการรักษา และออกแบบทรงคางที่รับกับใบหน้ามากขึ้น 

Scroll to Top
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit