โครงหน้าหน้าเหลี่ยม ทำให้หน้าดูแข็ง ขาดความสมดุล หลายคนจึงเลือก เสริมคางหน้าเหลี่ยม เพื่อช่วยแก้ปัญหาใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน ขาดความละมุน ทำให้บั่นทอนความมั่นใจให้ลดลง การศัลยกรรมคางจึงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโครงหน้าเหลี่ยมให้ซอฟท์มากขึ้นได้อย่างเห็นผลชัดเจน ผลลัพธ์คงอยู่ถาวร สำหรับใครที่มีความสงสัยว่าวิธีการนี้ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร แตกต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร หน้าเหลี่ยมแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีไหนบ้างนอกจากการผ่าตัด สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้
Key Takeaways
- คางเหลี่ยม เกิดจากโครงสร้างคางและกรามที่ชัด ทำให้หน้าดูแข็ง ไม่ละมุน
- การเสริมคางหน้าเหลี่ยม ช่วยให้ใบหน้าเรียว ได้สัดส่วน และดูอ่อนหวานขึ้น
- วิธีการเสริมคางแก้เหลี่ยม มีทั้งแบบ ฉีดฟิลเลอร์ (ไม่ผ่าตัด) และ ผ่าตัดซิลิโคน (ผลลัพธ์ถาวร)
- ฟิลเลอร์เหมาะกับเคสเล็ก ๆ (เหลี่ยมไม่มาก) แต่ต้องเติมซ้ำ / ซิลิโคนแก้ปัญหาโครงสร้างได้ชัด เหมาะกับเคสใหญ่
- กลุ่มที่เหมาะสมกับการเสริมคางเหลี่ยม ได้แก่ คนคางสั้น หน้าเหลี่ยม กรามกว้าง ต้องการปรับใบหน้าให้ละมุน
- หลังแก้คางเหลี่ยม ควรดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการกดคางและออกแรง
- ราคาเสริมคางที่เหลี่ยมแตกต่างตามเทคนิคและประสบการณ์แพทย์ อยู่ที่ 15,000 – 150,000 บาท
คางเหลี่ยม คืออะไร?
คางเหลี่ยม คือ ลักษณะของทางคางที่เห็นมุมชัด มีความเหลี่ยม ไม่โค้งมน ซึ่งเกิดขึ้นกับโครงสร้างของกระดูก ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ขาดมิติ ส่วนใหญ่มักพบได้ในคนที่มีโครงสร้างกรามที่กว้าง คางไม่เรียว รวมไปถึงคนที่ทรงหน้าเป็นรูปตัว U มีโอกาสที่จะทำให้โครงหน้ามีความเหลี่ยมได้มากกว่าคนที่มีใบหน้ารูปไข่หรือวีเชพ หน้าดูแข็งไม่มีความละมุน
เสริมคางหน้าเหลี่ยม ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?
สำหรับวิธีแก้คางเหลี่ยม สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็เหมาะกับความต้องการและปัญหาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล โดยมีวิธีเสริมคางที่ได้รับความนิยมหลัก ๆ ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปที่บริเวณคางเพื่อช่วยปรับรูปทรงหรือเพิ่มขนาดให้ได้ตามสัดส่วนที่ต้องการและรับกับใบหน้ามากที่สุด เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่มาก ไม่ต้องแก้ปัญหาโครงสร้างเยอะ ไม่สามารถทำทรงคางที่ยาวมากได้ นอกจากนั้นฟิลเลอร์ยังสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร ต้องฉีดเติมบ่อย ๆ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ทันที
- ช่วยปรับรูปหน้าให้มีมิติ ละมุนมากขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ช่วยให้มองเห็นทรงคางที่เหมาะกับใบหน้าได้ก่อนที่จะตัดสินใจผ่าตัดเสริมซิลิโคนคาง
- ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ใช้เวลาในการฉีดน้อย ไม่มีรอยแผล มีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ ซึ่จะหายไปได้เองในไม่กี่วัน
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกคางได้
- ไม่สามารถเสริมคางที่มีขนาดยาวเกิน 1 ซม.
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร ต้องฉีดเติมเรื่อย ๆ
ผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน
การ เสริมคาง ด้วยซิลิโคน เป็นการใช้เทคนิคทางการแพทย์ในการผ่าตัดใส่ซิลิโคนเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ โดยแพทย์สามารถเข้าไปแก้ไขโครงสร้างกระดูกให้ดีขึ้นได้ เหมาะกับคนค่อนข้างมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ทำทรงคางที่มีขนาดยาวเกิน 1 ซม. ได้ แพทย์สามารถเหลาซิลิโคนให้ได้ทรงตามต้องการและรับใบหน้าได้ ผลลัพธ์คงอยู่ถาวรหรือจนกว่าจะทำการแก้ไข
ข้อดีการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน
- ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ถาวร
- สามารถเหลาซิลิโคนคาง ให้ได้ทรงที่รับกับใบหน้าของแต่ละคนได้
- แพทย์สามารถเข้าไปปรับแก้โครงสร้างกระดูกคางและกรามให้ได้สัดส่วนตามต้องการได้
- สามารถทำทรงคางที่มีความยาวมากกว่า 1 ซม. ได้
- แพทย์สามารถใช้เทคนิคในการเย็บล็อกซิลิโคนไม่ให้เคลื่อนไปในตำแหน่งอื่น
ข้อเสียการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน
- ต้องดูแลแผลผ่าตัดให้ดีเพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ
- หากเสริมคางแบบแผลนอกอาจมองเห็นรอยแผลผ่าตัดได้ ในกรณีของคนที่มีประวัติเป็นคีลอยด์อาจมีโอกาสสูงที่จะมีแผลเป็นนูน
- ต้องพักฟื้นและระวังการใช้ชีวิตประจำวันในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ เพราะซิลิโคนยังไม่เข้าที่
- ต้องรอให้ซิลิโคนเข้าที่ประมาณ 1 – 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์จริง ๆ ของการเสริมคาง
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์คางกับเสริมซิลิโคนคาง ต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่ากัน?
เสริมคางเหลี่ยม เหมาะกับใครบ้าง?
สำหรับการเสริมคางหน้าเหลี่ยม ไม่ได้เหมาะกับทุกคน จะต้องให้แพทย์ประเมินใบหน้าเพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับวิธีการนี้ได้แก่
- เหมาะกับคนที่มีปัญหา คางสั้น หน้าเหลี่ยม ช่วงกรามดูกว้างเกินไป
- เหมาะกับคนที่โครงหน้าชัด กรามชัด แต่ไม่สมดุลกับรูปทรงคาง
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับแก้ทรงคางแบบถาวร
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับลุคให้หน้าเรียว มีวีเชพมากขึ้น
วิธีดูแลตัวเองแก้คางเหลี่ยม
สำหรับคนที่ต้องการเสริมคางเพื่อแก้คางเหลี่ยมด้วยการเสริมซิลิโคน แนะนำให้ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้
- ในช่วง 1 – 3 วันแรกหลังทำ อาจเกิดอาการบวมขึ้นได้ สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ยุบบวมไวขึ้น
- หลังจากวันที่ 4 ของการผ่าตัด หากเกิดอาการช้ำขึ้นแนะนำให้ใช้การประคบอุ่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการช้ำให้ลดลงและหายไวมากขึ้น
- ควรนอนหมอนสูง ยกศีรษะขึ้นด้วยหมอนรองคอ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ เพื่อลดอาการบวมให้น้อยลง
- ควรนอนหงายและงดนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนคางกระทบกระเทือนหรือคลื่อนจากตำแหน่งที่วางไว้
- 1 เดือนแรกหลังทำ งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนัก ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะได้รับการกระทบกระเทือน
- งดบีบ กด นวด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณคาง ในช่วง 1 เดือนหลังทำ
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้น แผลหายเร็ว ในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็ง เหนียว หรือเคี้ยวยาก และงดอ้าปากกว้าง ๆ ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ
- กินยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
เสริมคางหน้าเหลี่ยม ราคาเท่าไร?
เสริมคางหน้าเหลี่ยม ด้วยซิลิโคนคางมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ซิลิโคนที่ใช้ เทคนิคในการผ่าตัด ความซับซ้อนของปัญหา การปรับแก้โครงสร้างกระดูก ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น ซึ่งราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 150,000 บาท
ดูโปรโมชั่นเพิ่มเติม : อยากมีรูปหน้าเรียวสวย สร้างได้ด้วยการ เสริมคาง Triple V Lock
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเสริมคางเหลี่ยม
สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแก้คางเหลี่ยม ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยมีรายละเอียดดังนี้
Q : รู้ได้อย่างไรว่าคางของเราจัดว่าเป็น “คางเหลี่ยม”?
A : หากปลายคางของคุณมีลักษณะเป็นมุมเหลี่ยมชัดเจน ไม่โค้งมน ทำให้หน้าดูแข็ง กว้าง หรือตัดตรง โดยเฉพาะหากมีกรามกว้างหรือรูปหน้าเป็นตัว U (U-shape) มักเข้าข่ายคางเหลี่ยม ซึ่งแตกต่างจากคางวีเชพที่ดูละมุนและสมดุลกว่า
Q : เสริมคางช่วยแก้ปัญหาคางเหลี่ยมได้ทุกกรณีไหม?
A : ไม่ทุกกรณี วิธีการที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาโครงสร้าง หากเป็นเพียงปลายคางเหลี่ยมโดยไม่เกี่ยวกับกระดูกกราม อาจใช้ฟิลเลอร์ได้ แต่ถ้ามีปัญหาโครงสร้างกระดูก หรืออยากแก้ไขให้เห็นผลชัดเจน แนะนำเสริมซิลิโคนร่วมกับการปรับโครงสร้าง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน
Q : คางเหลี่ยมต้องตัดกระดูกหรือผ่ากรามก่อนเสริมคางหรือไม่?
A : ไม่จำเป็นเสมอไป หากเป็นปัญหาที่ปลายคางหรือความสมดุลของใบหน้าเพียงเล็กน้อย การเสริมซิลิโคนสามารถปรับให้ได้รูปโดยไม่ต้องตัดกระดูก แต่บางรายอาจต้องกรอกระดูกเพียงเล็กน้อยเพื่อความสมดุล
Q : ถ้าไม่อยากผ่าตัด สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้คางเหลี่ยมได้ไหม?
A : ได้ในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ชั่วคราว หรือมีปัญหาเล็กน้อย ฟิลเลอร์ช่วยปรับมุมคางให้ดูมนขึ้น ลดความแข็งของใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ผลลัพธ์อยู่ไม่นาน และไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างมาก
Q : ฟิลเลอร์เสริมคางอยู่ได้นานแค่ไหน?
A : อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสัมผัส การเคี้ยว หรือการนอนตะแคง
Q : เสริมคางเหลี่ยมแบบผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน?
A : ปกติแล้วควรพักฟื้นประมาณ 7–14 วันเพื่อให้แผลสมาน และงดกิจกรรมหนัก 1 เดือน ซิลิโคนจะเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 1–3 เดือน
Q : เสริมคางเหลี่่ยมแล้วเจ็บมากไหม?
A : ระหว่างผ่าตัดจะใช้ยาชาหรือยานอนหลับ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ หลังทำอาจมีอาการตึงหรือบวมเล็กน้อยใน 2–3 วันแรก ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาและการประคบ
Q : เสริมคางที่เหลี่ยมแล้วคางจะเคลื่อนหรือเบี้ยวได้ไหม?
A : หากแพทย์ใช้เทคนิคเย็บล็อกซิลิโคนอย่างถูกต้อง โอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำอย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง กดทับ หรือเคี้ยวอาหารแข็ง
Q : คางเหลี่ยมเสริมแล้วคางดูเรียวขึ้นจริงไหม?
A : จริง การเสริมคางช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า โดยเฉพาะในคนที่คางสั้นหรือกรามชัด จะทำให้รูปหน้าเรียวยาวขึ้น ดูซอฟต์และมีวีเชพมากขึ้น
Q : คางเหลี่ยมในผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันไหม?
A : ต่างกัน โดยผู้หญิงที่มีคางเหลี่ยมมักดูแข็งและไม่ละมุน ในขณะที่การ เสริมคางผู้ชาย จะดูคมเข้มมากกว่า เทคนิคการเสริมคางจึงต้องออกแบบให้เข้ากับเพศและความสมดุลของโครงหน้า เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
Q : เสริมคางหน้าเหลี่ยม ราคาเท่าไร? และขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
A : ราคาการเสริมคางหน้าเหลี่ยมมีตั้งแต่ 15,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับซิลิโคนที่เลือก เทคนิคการผ่าตัด ความซับซ้อนของโครงสร้างคาง และประสบการณ์ของแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบให้เหมาะสมเฉพาะรายบุคคล
สรุป
การเสริมคางหน้าเหลี่ยม เป็นอีกทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาใบหน้าแข็ง ขาดสมดุล ดูแก่กว่าวัย ช่วยให้ใบหน้ามีมิติ หน้าละมุน ใบหน้าเรียวมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินร่วมกับความต้องการของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครที่มีปัญหาหน้าเหลี่ยมหรือมีทรงคางที่ไม่ได้สัดส่วน แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินปัญหา เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม และออกแบบทรงคางให้รับกับใบหน้าของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด