ใบหน้าที่ได้รูป หน้าวีเชฟ ปรับทรงหน้าให้ดูเรียวยาวมากขึ้น ช่วยส่งเสริมให้โครงหน้าโดยรวมดูดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องแก้ไข ตำแหน่งที่ต้องทำ ระดับความรุนแรง ความต้องการของคนไข้ ซึ่งแพทย์จะช่วยประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะกับคนไข้มากที่สุด สำหรับใครที่อยากรู้ว่าหน้าทรง V-Shape คืออะไร มีวิธีแก้ไขได้อย่างไรบ้าง ความแตกต่างระหว่างเทคนิคแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด สามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากข้อมูลต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Plastic Surgery ได้เลย
Key Takeaways
- หน้าวีเชฟ (V-Shape) คือรูปหน้าเรียวยาวได้สัดส่วน โดยช่วงคางแคบ หน้าผากกว้างเล็กน้อย ทำให้หน้าดูละมุนและมีมิติมากขึ้น
- วิธีทำหน้าวีเชฟมีทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อก ร้อยไหม ฟิลเลอร์ เครื่องยกกระชับ และศัลยกรรมเสริมคาง
- การเสริมคางด้วยซิลิโคนคือวิธีที่ให้ผลถาวรที่สุด สำหรับคนที่อยากมีหน้าวีเชฟ เพราะเหมาะกับคนที่มีปัญหาโครงสร้างคางหรือโครงหน้าที่ต้องการปรับระยะยาว
- การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัญหาใบหน้าและเป้าหมายของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุด
- การดูแลหลังทำหัตถการ โดยเฉพาะหลังเสริมคาง มีความสำคัญต่อผลลัพธ์ เช่น หลีกเลี่ยงแรงกระแทก นอนหงาย และงดอาหารบางประเภท
- ราคาทำหน้าวีเชฟมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ วัสดุ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000-50,000 บาทสำหรับการเสริมคาง
- หน้าวีเชฟช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลงและมีเสน่ห์มากขึ้น เพราะช่วยให้โครงหน้าเข้ารูป ส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม
หน้าวีเชฟ คืออะไร?
หน้าวีเชฟ คือ ลักษณะของใบหน้าที่มีความเรียวสมส่วน ใบหน้ารูปไข่ มีสัดส่วนความยาวของใบหน้าที่เยอะกว่าสัดส่วนความกว้าง ช่วงหน้าผากจะกว้างกว่าช่วงกราม รูปทรงคางได้รูป สามารถช่วยแก้ปัญหารูปหน้าได้หลายรูปแบบ เช่น หน้าเหลี่ยม หน้ากลม หน้าสั้น เป็นต้น ใบหน้ามีเสน่ห์ เพิ่มมิติมากขึ้น
วิธีทำให้หน้าวีเชฟมีอะไรบ้าง?
สำหรับคนที่อยากมีหน้าวีเชฟ (V-shape) สามารถทำได้ด้วยกันหลายวิธีทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับปัญหา โครงสร้างใบหน้าเดิมของแต่ละคน และความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
วิธีทำให้หน้าวีเชฟแบบไม่ผ่าตัด
- ฉีดโบท็อก (Botox) วิธีการฉีดโบท็อก เป็นการใช้โบทูลินัม ท็อกซินฉีดเข้าไปเพื่อระงับการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกรามและกรอบหน้าชั่วคราว ช่วยให้กล้ามเนื้อเล็กลง ใบหน้าดูเรียวมากขึ้น ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ กล้ามเนื้อของแต่ละคน พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นต้น หากต้องการคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้ตลอดอาจจะต้องฉีดซ้ำ
- ร้อยไหมปรับรูปหน้า การร้อยไหมปรับรูปหน้า เป็นเทคนิคปรับรูปหน้าเรียวด้วยการใช้เส้นไหมสำหรับการยกกระชับร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อดึงหน้าให้ยกขึ้น ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย หน้าเรียบตึงกระชับ เก็บกรอบหน้าชัด สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน ไปจนถึงประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของไหมที่ใช้ สภาพผิวของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน การดูแลตัวเองหลังทำ เป็นต้น
- ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการใช้สารเติมเต็มฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่ช่วยสร้างโครงหน้าให้มีมิติเรียวยาวมากขึ้น กรอบหน้าชัด ได้แก่
1. ฟิลเลอร์กรอบหน้า เป็นการเน้นเส้นกรอบหน้าบริเวณกรามให้มีความชัดมากขึ้น แก้ปัญหาหน้ากลมให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
2. ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วน ช่วยให้โครงหน้ายาวขึ้น แก้ปัญหาหน้าสั้นได้ดี
วิธีการนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่ค่อยเยอะ ไม่ต้องปรับโครงสร้างมากมาย นอกจากนั้นผลลัพธ์ไม่ถาวร อาจจะต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ หากต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน
- เครื่องยกกระชับเป็นการใช้เทคโนโลยีปรับรูปหน้าด้วยพลังงานที่ปล่อยลงสู่ชั้นผิวลึกเพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียว ช่วยให้ผิวเรียบตึงจนเห็นวีเชพชัดเจนมากขึ้น โดยมีเครื่องยกกระชับที่ได้รับความนิยมดังนี้
1. Ulthera SPT เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ปล่อยลงลึกได้ถึงผิวชั้น SMAS ชั้นเดียวกับการดึงหน้า เก็บกรอบหน้าเรียวสวย ช่วยยกกระชับหน้าได้รูปอย่างเห็นผล
2. Ultraformer MPT นวัตกรรมยกกระชับด้วยเทคโนโลยี MMFU (Micro&Macro Fused Ultrasound) ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ลงสู่ชั้นผิวลึก ช่วยปรับรูปหน้าเรียวสวย
3. Thermage FLX เป็นการใช้คลื่นวิทยุ RF ปล่อยลงสู่ชั้นผิวลึก สามารถช่วยสลายไขมัน ลดแก้ม ลดเหนียง หน้าเรียวขึ้น
4. Volnewmer อีกหนึ่งนวัตกรรมดูแลผิวพรรณและปรับรูปหน้า ด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นหนังแท้ ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวเด้งอิ่มฟู สลายไขมัน ปรับผิวเรียบเนียนเต่งตึง หน้าเรียวสวย
5. Morpheus8 นวัตกรรมดูแลผิวพรรณที่สามารถช่วยปรับหน้าเรียวได้ด้วยการใช้คลื่นวิทยุ RF ผสานกับ เข็มเคลือบทอง Microneedling ช่วยให้พลังงานลงสู่ชั้นผิวได้แม่นยำ มีความเสถียร ช่วยปรับผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น
วิธีทำให้หน้าวีเชฟแบบผ่าตัด
- การผ่าตัดกรามและเหลากระดูกใบหน้า สำหรับบางคนที่มีโครงหน้ากว้างจากกระดูก การผ่าตัดเป็นทางเลือกเดียวที่จะเห็นผลชัดเจนและถาวร เช่น การผ่าตัดลดกราม เหลากระดูกขากรรไกรล่างให้เรียวลง การผ่าตัดวีไลน์ (V-line Surgery) ปรับกระดูกคางและกรามให้ได้รูป ข้อดีคือปรับโครงหน้าได้ถาวร เหมาะกับกรณีที่ไม่สามารถแก้ด้วยหัตถการทั่วไป ข้อเสียคือต้องพักฟื้นนาน และราคาสูง
- ศัลยกรรมเสริมคาง เสริมคาง อีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากผลลัพธ์คงอยู่ได้ถาวร สามารถปรับแก้โครงสร้างกระดูกคางหรือกระดูกกรามได้ดี แก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเสริมคางให้ยาวกว่า 1 ซม. ได้ โดยแพทย์จะผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เข้าไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้ ทำได้ทั้งเสริมคางแผลใน และ เสริมคางแผลนอก สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังทำ ช่วยปรับโครงหน้าให้เรียวยาวมากขึ้นได้อย่างเห็นผลชัดเจน
ตารางเปรียบเทียบวิธีทำหน้าวีเชฟ
วิธีการทำหน้าวีเชฟ | อยู่ได้นานแค่ไหน | ระดับความเจ็บขณะทำ | เหมาะกับใคร |
ฉีดโบท็อก | 4–6 เดือน | เจ็บเล็กน้อย (ทายาชาได้) | ผู้ที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ต้องการหน้าเรียวไว ไม่อยากผ่าตัด |
ร้อยไหม | 4 เดือน – 1 ปี | เจ็บปานกลาง (มีเข็มและร้อยไหม) | ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย–ปานกลาง ต้องการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด |
ฉีดฟิลเลอร์ (คาง/กรอบหน้า) | 12–18 เดือน | เจ็บเล็กน้อย (ทายาชาได้) | ผู้ที่คางสั้น หน้ากลม อยากปรับรูปหน้าให้ได้วีเชฟทันทีโดยไม่ศัลยกรรม |
เครื่องยกกระชับ (Ulthera, Thermage, MPT, Morpheus8) | 6 เดือน – 1 ปี+ | เจ็บน้อย–ปานกลาง (ขึ้นกับเครื่อง) | ผู้ที่ต้องการยกกระชับ เก็บกรอบหน้า โดยไม่ใช้เข็ม ไม่มีแผล |
ผ่าตัดกราม / เหลากระดูก V-line | ถาวร | เจ็บหลังผ่าตัด (ยาชา/ยาสลบ) | ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกระดูก หน้าเหลี่ยม |
ศัลยกรรมเสริมคาง | ถาวร | เจ็บหลังผ่าตัด (ยาชา/ยาสลบ) | ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างคาง ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวหรือปรับรูปหน้าแบบถาวร |
การทำให้ใบหน้าเป็นทรงวีเชฟสามารถเลือกวิธีได้หลากหลาย ทั้งแบบไม่ผ่าตัด เช่น ฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เครื่องยกกระชับ รวมถึงแบบผ่าตัดสำหรับกรณีที่โครงหน้ากว้างจากกระดูก และการศัลยกรรมเสริมคาง หากมีปัญหาเล็กน้อยหรือเน้นปรับรูปหน้าแบบชั่วคราว สามารถเริ่มจากหัตถการเบา ๆ แต่หากมีปัญหาโครงสร้างใบหน้าชัดเจน อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนผ่าตัดร่วมด้วย
หน้าวีเชฟด้วยการผ่าตัดเสริมคาง เหมาะกับใคร?
สำหรับการมีหน้าวีเชฟด้วยการผ่าตัดเสริมคาง เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ถาวร สามารถแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้ดี ปรับแก้โครงสร้างกระดูกคางหรือกรามด้วย ซิลิโคนเสริมคาง ได้ จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางตัด คางบุ๋ม คางสั้น
- เหมาะกับคนที่หน้ากลม หน้าสั้น โครงหน้าไม่สมส่วน
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับลุค เปลี่ยนรูปหน้าให้ดูดีขึ้น
- เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างบริเวณกระดูกคางและกราม
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมคางหน้าวีเชฟ
หลังเสริมคางปรับหน้าวีเชฟแล้ว ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยบรรเทาอาการหลังทำให้น้อยลง ช่วยให้ฟื้นตัวไวขึ้น แผลหายเร็ว เข้าที่เร็วขึ้น โดยสามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ดังนี้
- ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ แนะนำให้ประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมให้ยุบไวขึ้น
- หลังจากอาการบวมยุบไปแล้วสามารถใช้การประคบอุ่นช่วยลดอาการเขียวช้ำได้
- ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ ควรนอนยกศีรษะสูง เพื่อลดอาการบวมให้น้อยลง
- งดนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ แนะนำให้นอนหงายในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ เพื่อให้ซิลิโคนเข้าที่ ไม่ถูกกระทบกระเทือน จนเกิดการเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ
- งดออกกำลังกาย ยกของหนัก หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ๆ ในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนที่อาจเกิดขึ้นกับบริเวณคาง
- งดบีบ นวด กด สัมผัสแรง ๆ หรือเท้าคาง ในช่วง 1 เดือนแรกหลังเสริมคาง
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังทำ เพื่อลดการอักเสบติดเชื้อให้น้อยลง
- 1 เดือนแรกหลังทำ ควรงดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น แผลหายไว
- ในกรณีของคนที่เสริมคางแบบแผลใน ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังทานอาหารในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ ในช่วงวันที่ 4 หลังทำควรแปรงฟันด้วยยาสีฟันสูตรอ่อนโยนด้วยความเบามือ
- รับประทานยาให้ครบกำหนดตามแพทย์สั่ง
ทำหน้าวีเชฟด้วยการเสริมคาง ราคาเท่าไหร่?
สำหรับการเสริมคางหน้าวีเชฟ ราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ระดับปัญหาที่ต้องแก้ไข เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด เทคนิคเสริมที่ใช้ ซิลิโคนที่ใช้ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 50,000 บาท
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำหน้าวีเชฟ (FAQ)
สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำหน้าวีเชฟ ในบทความนี้ได้รวบรวมส่วนหนึ่งของคำถามที่พบบ่อยเอาไว้ตอบข้อสงสัยของใครหลายคนให้กระจ่างยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
Q : วิธีไหนทำหน้าวีเชฟแล้วอยู่ได้นานที่สุด?
A : สำหรับการทำหน้าวีเชฟที่สามารถอยู่ได้นานคือการเสริมคางด้วยซิลิโคน ช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ถาวรไปตลอดจนกว่าจะอยากแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง
Q : หน้าใหญ่แต่ไม่อยากผ่าตัด ควรเริ่มจากอะไร?
A : หากใครที่ยังไม่พร้อมผ่าตัด แต่อยากเริ่มปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก มีวีเชพมากขึ้น สามารถเลือกเป็นหัตถการต่าง ๆ เช่น ฉีดโบท็อก ร้อยไหม หรือเครื่องยกกระชับ เป็นต้น
Q : อายุเท่าไรควรเริ่มทำหน้าวีเชฟ?
A : สำหรับใครที่อยากทำหน้าวีเชฟ สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากร่างกายเติบโตได้เต็มที่ สามารถมองเห็นถึงความบกพร่องของโครงสร้างใบหน้าได้ชัดเจน ว่าควรต้องแก้ไขที่จุดไหน
Q : ทำหน้าวีเชฟช่วยให้ดูหน้าเด็กจริงไหม?
A : หน้าเรียวยาวมีวีเชพสามารถทำให้หน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้ เนื่องจากใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น ทรงคางรับกับใบหน้ามากขึ้น เพิ่มความละมุนให้กับใบหน้า นอกจากนั้นหลาย ๆ หัตถการยังสามารถช่วยพยุงผิวหรือยกกระชับใบหน้าไปพร้อมกันได้อีกด้วย ใบหน้าจึงดูเด็กลงได้ในหลากหลายระดับซึ่งแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้
สรุป
หน้าวีเชฟ ช่วยให้ใบหน้าเข้ารูปได้สัดส่วนมากขึ้น เป็นรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ช่วยให้หน้าเรียวยาวมากขึ้น สามารถแก้ไขได้ด้วยหลายวิธีซึ่งการผ่าตัดเสริมคางเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ถูกเลือกใช้กันมากเนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ถาวร สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกคางและกรามได้ดี สำหรับใครที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวยาว เสริมคางให้ได้รูปทรงที่ต้องการรับกับใบหน้า แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินปัญหา ออกแบบรูปทรงคาง เลือกวิธีการแก้ปัญหา และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด