

ตัดถุงใต้ตา คืออะไร มีกี่เทคนิค เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงไหม?
คนที่มีปัญหาใต้ตาบวมเป็นถุง หน้าโทรม ไม่สดใส การตัดถุงใต้ตา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถจัดการเอาต้นตอของปัญหาออกไปได้อย่างตรงจุดและถาวรด้วยการผ่าตัด สำหรับใครที่มีความกังวลหรือสงสัยว่าการผ่าตัดเพื่อจัดการกับถุงใต้ตานั้นจะช่วยได้จริงไหม มีกี่เทคนิคในการผ่าตัด เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดี–ข้อเสียอย่างไร สามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข้อมูลต่อไปนี้

Key Takeaways
- ตัดถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดทางการแพทย์เพื่อลดอาการบวม นูน และความหย่อนคล้อยใต้ตา คืนความสดใสและอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
- โปรแกรมตัดถุงใต้ตามีให้เลือก 2 เทคนิคหลัก ผ่าตัดแบบแผลนอก (เหมาะกับผู้สูงอายุ ผิวหย่อน) และ ผ่าตัดแบบแผลใน (เหมาะกับคนอายุน้อยที่มีไขมันแต่ผิวยังตึง)
- ดูดไขมันใต้ตา เป็นทางเลือกเสริมสำหรับบางราย ใช้แผลเล็ก ไม่ต้องเย็บแผล แต่ไม่ได้แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตา ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน และสามารถทำแบบใช้ยาชาหรือยานอนหลับชนิดอ่อน
- การดูแลหลังผ่าตัดถุงใต้ตา เช่น ประคบเย็น งดโดนน้ำ 3 วัน และตัดไหมตามแพทย์นัด จะช่วยให้แผลหายไวและได้ผลลัพธ์สวย
- ผลข้างเคียงหลังตัดถุงใต้ตา มีทั้งแบบปกติ (บวม ช้ำ ตาแห้ง) และแบบพบได้น้อย (เปลือกตาปลิ้น แผลเป็น รอยบุ๋ม)
- ราคาผ่าตัดถุงใต้ตา อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิค ปัญหาของแต่ละคน และประสบการณ์ของแพทย์
- การผ่าตัดถุงใต้ตาเหมาะกับ คนที่มีถุงใต้ตาเด่นชัด หน้าโทรม ดูแก่กว่าวัย และต้องการผลลัพธ์ถาวร
ตัดถุงใต้ตา คืออะไร?
สำหรับการผ่าตัดถุงใต้ตา คือ การใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้ามาแก้ปัญหาบริเวณใต้ตาด้วยการผ่าตัด โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณขอบตาล่างเพื่อเข้าไปตัดถุงไขมันและผิวหนังส่วนเกินบริเวณใต้ตาออก หรือบางกรณีอาจใช้เป็นการดูดไขมันได้เช่นกัน ตำแหน่งของการผ่าตัดนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ซึ่งมีด้วยกันหลายเทคนิค แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละรายมากที่สุด

ผ่าตัดถุงใต้ตามีกี่เทคนิค?
สำหรับการตัดถุงใต้ตานั้น มีด้วยกันหลัก ๆ อยู่ 2 เทคนิค ซึ่งแต่ละเทคนิคมีความเหมาะสมกับปัญหา สภาพผิว และอายุของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคลให้เหมาะกับคนไข้มากที่สุด โดยรายละเอียดของทั้งสองเทคนิคในการผ่าตัดมีดังนี้
- ผ่าตัดถุงใต้ตาแบบแผลนอก วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีอายุค่อนข้างมากหรือคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเยอะ ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดบริเวณขอบตาล่างด้านนอก เข้าไปตัดแต่งกล้ามเนื้อ ไขมัน และผิวหนังส่วนเกินออก ทั้งยังช่วยลดรอยย่นใต้ตาช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
- ผ่าตัดถุงใต้ตาแบบแผลใน วิธีนี้เหมาะกับคนที่อายุยังน้อย ไม่มีปัญหาผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยมากนัก โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณขอบตาล่างด้านในเพื่อเข้าไปตัดไขมันส่วนเกินออกไป ช่วยลดอาการของถุงใต้ตาให้น้อยลง
ข้อดีของการผ่าตัดถุงใต้ตา มีอะไรบ้าง?
ผ่าตัดใต้ตาเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาถุงใต้ตาได้อย่างเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า โดยข้อดีของการผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงบริเวณใต้ตามีดังนี้
- ช่วยปรับให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน เต่งตึง แก้ปัญหาริ้วรอยและรอยยับใต้ตาได้เล็กน้อย
- ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ผิวใต้ตากระชับขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมแลดูอ่อนเยาว์
- ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุได้อย่างครอบคลุม
ดูดไขมันใต้ตา ต่างจากการผ่าตัดอย่างไร?
ผ่าถุงใต้ตาด้วยการดูดไขมัน เป็นอีกเทคนิคในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา ด้วยการเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณด้านในของขอบตาล่างแล้วดูดเอาไขมันส่วนเกินออก จึงไม่ต้องเย็บแผล ไม่มีการตัดไหม ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องรอการพักฟื้นนาน ๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนัง มีเพียงเรื่องของไขมันส่วนเกินที่ทำให้ถุงใต้ตานูนออกมาเท่านั้น หากมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างชั้นผิว ชั้นไขมัน หรือชั้นกล้ามเนื้อ อาจจะต้องเลือกการผ่าตัด
ขั้นตอนของการผ่าตัดถุงใต้ตา
สำหรับการผ่าตัดใต้ตามีขั้นตอนการทำไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กจึงใช้เวลาในการทำไม่นาน โดยมีขั้นตอนการผ่าตัดดังนี้
- แพทย์ประเมินปัญหาและสภาพผิว เพื่อนำข้อมูลมาออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
- แพทย์จะกำหนดจุดที่จะทำการผ่าตัด เพื่อให้เป็นไปตามแผนการรักษาที่วางไว้
- ก่อนเริ่มผ่าตัดจะมีการใช้ยาชาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บและช่วยให้คนไข้ผ่อนคลายมากขึ้น หรือในบางรายอาจใช้ยานอนหลับแบบอ่อนร่วมด้วยได้ตามดุลยพินิจของแพทย์ แล้วจึงใส่ที่ป้องกันดวงตา
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์จะเริ่มเปิดแผลบริเวณขอบตาล่างชิดกับขอบขนตา เพื่อเข้าไปจัดการตัดไขมัน กล้ามเนื้อ หรือผิวหนังส่วนเกินออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกเทคนิคที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละคน
- จัดเรียงและเย็บชั้นกล้ามเนื้อ ไขมัน และผิวหนังบริเวณเปลือกตาล่างให้เรียบตึง
- เย็บปิดแผลผ่าตัดโดยซ่อนไว้ให้ชิดกับขอบขนตาล่างมากที่สุด

หลังตัดถุงใต้ตา ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
หลังผ่าตัดถุงใต้ตา ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงให้น้อยลง แผลหายไวขึ้น ผลลัพธ์เข้าที่ไวขึ้น โดยสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้
- หลังทำในช่วงแรกควรนอนหมอนสูงเพื่อยกศีรษะไว้ ช่วยลดอาการบวมให้น้อยลงและยุบตัวเร็วขึ้น
- สามารถใช้วิธีการประคบเย็นในช่วง 3 – 5 วันแรกหลังทำ เพื่อช่วยลดอาการบวม
- ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ เพื่อป้องกันอาการอักเสบติดเชื้อ
- หลังผ่าตัดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้
- จนกว่าแผลผ่าตัดจะหายดี ควรงดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา
- ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ประมาณ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด สามารถเข้ามาตัดไหมตามแพทย์นัดได้
ตัดถุงใต้ตา ราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคาของการผ่าถุงใต้ตามีด้วยกันหลากหลาย ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ ระดับปัญหาที่ต้องแก้ไข ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรงเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยจากปัญหาจริงและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล
ตัดถุงใต้ตา มีผลข้างเคียงอะไรไหม?
ผลข้างเคียงหลังตัดถุงใต้ตามีทั้งแบบที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติสามารถหายได้เองในไม่กี่วันและแบบที่ผิดปกติซึ่งอาจต้องเข้ามาทำการรักษากับแพทย์โดยเร็ว โดยอาการต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น เทคนิคที่ใช้ สภาพผิวของคนไข้ ประสบการณ์ของแพทย์ การเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ เป็นต้น โดยผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้มีดังนี้
ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยเป็นปกติ
- อาการปวด บวม ช้ำ หลังผ่าตัด สามารถหายไปได้เองในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูร่างกายของแต่ละคนที่ต่างกัน
- อาการตาแห้ง สามารถขึ้นได้ชั่วคราว สามารถหยอดน้ำตาเทียมเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้
- อาการมองเห็นภาพซ้อน อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งสามารถหายไปได้เอง
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยหลังผ่าตัด
- เลือดออกบริเวณแผลผ่าตัด
- ติดเชื้อ มีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่ค่อนข้างน้อย ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ
- แผลเป็น ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและประสบการณ์ของแพทย์
- เปลือกตาล่างปลิ้น พบได้น้อย มักเกิดขึ้นจากเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดและแพทย์อาจจะมีประสบการณ์น้อย ทำให้การตัดชั้นผิวส่วนเกินหรือการเย็บแผลผ่าตัดไม่แม่นยำเกิดการดึงรั้งขอบตาล่างได้
- อาจเกิดรอยบุ๋มหรือเป็นแอ่งบริเวณใต้ตา เกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดเอาชั้นไขมันออกไปมากเกินไป
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการ ตัดถุงใต้ตา
Q : ตัดถุงใต้ตา ทำพร้อมกับตาสองชั้นได้ไหม?
A : ได้ค่ะ เพราะเป็นการผ่าตัดคนละตำแหน่ง โดยตัดถุงใต้ตาจะทำที่เปลือกตาล่าง ส่วนการ ทำตาสองชั้น ทำที่เปลือกตาบน หากแพทย์ประเมินแล้วว่าเหมาะสม ก็สามารถทำพร้อมกันได้ภายในการผ่าตัดครั้งเดียว ช่วยลดเวลาในการพักฟื้นและได้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนทั่วใบหน้า
Q : จะรู้ได้ยังไงว่าควรตัดถุงใต้ตาหรือยังไม่จำเป็น?
A : ถ้าถุงใต้ตานูนชัดตลอดเวลา แม้พักผ่อนเพียงพอ แต่งหน้าไม่ช่วยให้ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าหน้าโทรม ดูแก่กว่าวัย อาจถึงเวลาที่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด
Q : มีทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องผ่าตัดถุงใต้ตาไหม?
A : มีค่ะ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือการใช้คลื่นความถี่วิทยุ และ เลเซอร์กระชับผิว ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาไม่มาก หรือยังไม่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมากนัก อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์มักไม่ถาวรเท่าการผ่าตัด
Q : กลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัดมาก ทำยังไงดี?
A: ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะการผ่าตัดถุงใต้ตาสามารถใช้ยานอนหลับชนิดอ่อน หรือยาชาเฉพาะที่ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายระหว่างทำได้ และแพทย์จะพูดคุยสร้างความมั่นใจก่อนเริ่มหัตถการ
Q : หลังผ่าตัดถุงใต้ตาต้องหยุดงานนานไหม?
A : โดยปกติแล้วสามารถหยุดพักประมาณ 3–5 วัน ขึ้นอยู่กับอาชีพและลักษณะงาน ถ้าไม่ต้องออกหน้ากล้องหรือพบลูกค้าใกล้ชิด ก็สามารถกลับไปทำงานได้เร็ว
Q : ตัดถุงใต้ตาแล้วจะมีแผลเป็นหรือรอยเย็บเห็นชัดไหม?
A : แผลจะซ่อนไว้ชิดขอบขนตาล่างหรืออยู่ด้านในเปลือกตา (ในกรณีแผลใน) โดยมากแผลจะจางหายไปภายใน 1–3 เดือน และแพทย์จะใช้เทคนิคเย็บซ่อนแผลเพื่อให้เห็นน้อยที่สุด
Q : ตัดถุงใต้ตาจะทำให้หน้าดูเปลี่ยนไปไหม?
A : ไม่ได้เปลี่ยนรูปหน้าอย่างสิ้นเชิงครับ แต่จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ใต้ตาเรียบตึง และลดความโทรม ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Q : เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไว้ ยังสามารถผ่าตัดถุงใต้ตาได้ไหม?
A : ได้ค่ะ แต่ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า เพราะในบางกรณีอาจต้องสลายฟิลเลอร์เดิมก่อน เพื่อให้ประเมินชั้นไขมันได้ชัดเจนและวางแผนผ่าตัดได้แม่นยำที่สุด
สรุป
ตัดถุงใต้ตา ทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องของผิวใต้ตาบวมนูนออกมา มีความหย่อนคล้อยจนทำให้ใบหน้าแลดูโทรม เหนื่อยล้า ไม่สดใส ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ช่วยให้กลับมาเรียบเนียนเต่งตึง ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น ด้วยเทคนิคการผ่าตัดตกแต่งชั้นกล้ามเนื้อ ไขมัน และผิวหนังส่วนเกินออกไป มีด้วยกัน 2 เทคนิค คือผ่าตัดแบบแผลนอกและแบบแผลใน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและสภาพผิว เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบการรักษาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่อยากแก้ปัญหาบริเวณรอบดวงตา ไม่ว่าจะอยากผ่าตัดชั้นตาให้ชัดขึ้น ต้องการยกคิ้ว อยากแก้ปัญหาถุงบริเวณใต้ตา หรืออยากแก้ปัญหาหนังตาตก เป็นต้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Surgery เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด