ศัลยกรรมตาก็หวังให้ออกมาสวยแต่ดันมีปัญหา จึงต้องแก้ตาให้กลับมาได้รูปทรงและชั้นตาสวยตามต้องการ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นหลังทำตามีด้วยกันหลายรูปแบบแตกต่างกันไปในแต่ละรายบุคคล สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ บุคลิกภาพ รวมไปถึงสุขภาพได้อีกด้วย ใครที่สงสัยว่าการแก้ไขชั้นตานั้นคืออะไร ใครบ้างที่ควรแก้ไข มีปัญหาที่พบได้บ่อยจนต้องแก้ไขมีอะไรบ้าง เทคนิคที่ใช้ในการแก้ไขมีอะไรบ้าง แตกต่างกับการทำตาครั้งแรกอย่างไร สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Plastic Surgery
Key Takeaways
- การแก้ตา คือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขชั้นตาที่เคยทำมาแล้วเกิดปัญหา เช่น ชั้นตาไม่เท่ากัน หนังตาปลิ้น ตาปรือ หรือผลลัพธ์ไม่สวยงาม
- คนที่เหมาะกับการแก้ตาคือผู้ที่เคยศัลยกรรมตาแล้วไม่พอใจในผลลัพธ์ หรือเกิดผลข้างเคียง เช่น ตาเบี้ยว ชั้นตาใหญ่เกินไป หรือมีผลต่อสุขภาพ
- ปัญหาที่พบบ่อยหลังทำตาสองชั้น ชั้นตาไม่เท่ากัน, ชั้นตาหลุด, ตาปลิ้น, ตาปรือ, รอยแผลนูนหรือบุ๋ม, กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- ระยะเวลาที่ควรรอก่อนจะแก้ตา ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนหลังการทำตาครั้งก่อน เพื่อให้แผลหายดีและลดความเสี่ยงในการผ่าตัดซ้ำ
- เทคนิคการแก้ตาที่ใช้ได้ กรีดยาว, เปิดหัวตา, ยกหางตา, เทคนิคเฉพาะของคลินิก เช่น Sakura Eye
- ข้อแตกต่างจากการทำตาครั้งแรก การแก้ตามีความซับซ้อนกว่า เพราะมีพังผืดหรือโครงสร้างตาเปลี่ยนไปจากการผ่าตัดครั้งก่อน ต้องใช้แพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์
- ควรให้จักษุแพทย์เป็นผู้แก้ไข เพราะมีความรู้ด้านโครงสร้างดวงตาอย่างละเอียด ช่วยลดความเสี่ยงและวางแผนการรักษาได้แม่นยำ
- ดูแลหลังการผ่าตัดแก้ตา ควรประคบเย็น, งดอาหารเสี่ยง, ป้องกันแผลโดนน้ำ, นอนยกศีรษะ, และปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ค่าใช้จ่ายในการแก้ตา ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 35,000 – 80,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัญหาและเทคนิคที่ใช้
เคยทำตาแล้วไม่พอใจ? ทำไมหลายคนต้องกลับมา แก้ตา
สำหรับคนที่เคยทำตามาแล้วแต่ต้องกลับมาแก้ตา เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากผลลัพธ์หลังศัลยกรรมตาไม่เป็นที่น่าพอใจ สัดส่วนตาไม่สมดุล ทำให้ใบหน้าโดยรวมขาดมิติ หน้าดูโทรม เหนื่อยล้า ไม่สดใส ดูแก่กว่าวัย บางรายอาจส่งผลทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้อีกด้วย ดังนั้นก่อนทำจึงต้องศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และผ่าตัดโดยจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จึงจะมั่นใจได้ผลลัพธ์จะออกมาดีและปลอดภัย
แก้ตา คืออะไร?
แก้ตา คือ การผ่าตัดแก้ไขชั้นตาที่เคยทำมาแล้วเกิดปัญหาทำให้รูปทรงตาเปลี่ยนแปลงไป ไม่ส่งเสริมความสวยงามให้กับใบหน้า ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ ส่งผลกระทบกับใบหน้าโดยรวมหรือสุขภาพ เช่น ชั้นตาใหญ่เกินไป ชั้นตาหลุด รอยพับนูน มีรอยบุ๋ม ตาปรือ ตาปลิ้น เป็นต้น จึงต้องกลับมาผ่าตัดเพื่อปรับแก้ให้ดีขึ้นตามที่ต้องการ
แก้ตา เหมาะกับใคร?
สำหรับการแก้ชั้นตา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่มีปัญหาชั้นตาและรูปทรงตามีปัญหาไม่เป็นไปตามที่ต้องการหลังทำศัลยกรรม จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่ทำศัลยกรรมตาโตมาแล้วแต่ไม่พึงพอใจในผลลัพธ์
- เหมาะกับคนที่ผ่าตัดชั้นตามาแล้วแต่เกิดปัญหาทำให้ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทำให้ดูแก่กว่าวัย ทำให้หน้าดูเหนื่อยล้าอิดโรย เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่ทำตาสองชั้นมาแล้วเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น หนังตาปลิ้น หนังตาตก หลับตาไม่สนิท
- เหมาะกับคนที่ทำตามาแล้วชั้นตาใหญ่เกินไปทำให้ตาปรือ
- เหมาะกับคนที่หลังทำศัลยกรรมตาแล้วเกิดปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน
ปัญหาที่ทำให้ต้องกลับมาแก้ตา
ปัญหาที่ทำให้ต้องกลับมาแก้ตามีด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล ไม่ว่าจะเป็น สภาพผิวหนังของคนไข้ เทคนิคการผ่าตัดและการเย็บแผล แพทย์ขาดประสบการณ์หรือไม่ใช่จักษุแพทย์โดยตรง เป็นต้น จึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
- ปัญหาชั้นตาใหญ่เกินไป หากแพทย์กรีดแผลหรือเย็บชั้นตาผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดปัญหาชั้นตาที่ใหญ่กว่าปกติ จนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย หน้าดูเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา ไม่สดใส หน้าโทรม
- ปัญหาตาปลิ้น ตาเหลือก ในกรณีที่ ตาปลิ้น อาจเกิดจากการที่แพทย์เย็บชั้นตาสูงมากเกินไปหรืออาจเกิดขึ้นจากการที่วางตำแหน่งการเย็บชั้นตาให้ติดกับกล้ามเนื้อไม่เหมาะสม จึงทำให้เกิดการดึงรั้งจนเปลือกตาปลิ้นได้
- ปัญหารอยแผลบุ๋ม รอยแผลนูน โดยปกติรอยแผลหลังผ่าตัดตาสองชั้นสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะค่อย ๆ จางลงจนแทบมองไม่เห็นซ่อนไว้กับรอยพับตา แต่ในกรณีของคนที่เกิดอาการแผลเป็นนูนหรือมีรอยบุ๋มลงไปบริเวณชั้นตา อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวของคนไข้ การดูแลตัวเองหลังทำ มีประวัติเป็นคีลอยด์ รวมไปถึงเทคนิคการผ่าตัดและการเย็บแผลของแพทย์ เป็นต้น
- ปัญหาตาปรือ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เกิดขึ้นจากการที่แพทย์ไม่ได้ทำการปรับแก้กล้ามเนื้อตาให้เป็นไปตามความเหมาะสม หากคนไข้มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือกล้ามเนื้อตาเดิมไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หลังทำตาสองชั้นอาจเกิดปัญหาหนังตาตกได้
- ปัญหาชั้นตาหลุด เป็นลักษณะของชั้นตาที่ไม่พับตามรอยกรีดหรืออาจจะพับลงมาต่ำกว่าปกติ เห็นชั้นตาไม่ชัดเหมือนไม่มีชั้นตา กลายเป็นชั้นตาหลบใน อาจมองเห็นรอยแผลได้ชัดเจน โดยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคการเย็บและการผ่าตัดของแพทย์ การดูแลหลังทำของคนไข้ ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ หรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เป็นต้น
- ปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้จากการที่แพทย์กำหนดจุดกรีดแผลไม่แม่นยำ ตัดหนังส่วนเกินออกไม่สมดุลกัน จนอาจทำให้ชั้นตาไม่เท่ากันได้
ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะแก้ตาได้?
สำหรับใครที่อยากแก้ชั้นตาหลังจากทำศัลยกรรมมาแล้วเกิดปัญหา สามารถทำได้แต่ต้องเว้นระยะเวลาให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่และแผลผ่าตัดหายดีก่อนที่จะเริ่มทำการแก้ไข โดยระยะเวลาที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 6 เดือนหลังการผ่าตัดทำตาครั้งล่าสุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา
การวินิจฉัยและวางแผนก่อนการแก้ตา
การแก้ตาไม่ใช่แค่การผ่าตัดซ้ำเหมือนกับการทำตาครั้งแรกเท่านั้น แต่ต้องผ่านกระบวนการวินิจฉัยและวิเคราะห์โครงสร้างอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำที่สุด เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาที่ต่างกัน ทั้งในเรื่องของชั้นตาเดิมที่เคยผ่าตัดมาก่อน ระดับพังผืด รอยแผล รวมถึงกล้ามเนื้อตา ซึ่งล้วนมีผลต่อผลลัพธ์ที่ได้ในครั้งถัดไป หากขาดการวางแผนที่ดี อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือทำให้ปัญหายิ่งซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม ก่อนเริ่มการแก้ตา ควรตรวจละเอียดโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางโดยเฉพาะจักษุแพทย์ ซึ่งแพทย์จะต้องทำการตรวจประเมินอย่างละเอียดในหลายมิติ ได้แก่
ประเมินความลึกและตำแหน่งชั้นตาเดิม
การประเมินชั้นตาเดิม ทำเพื่อดูว่าชั้นตาเดิมที่เคยทำไว้อยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ และส่งผลต่อรูปร่างตาอย่างไร เช่น อยู่สูงเกินไป ต่ำเกินไป หรือเบี้ยวจากแนวธรรมชาติ
วัดการทำงานของกล้ามเนื้อตา (Levator Muscle)
กล้ามเนื้อยกเปลือกตานี้มีบทบาทสำคัญต่อการลืมตา หากกล้ามเนื้อตาทำงานไม่สมบูรณ์ หรือมีอาการอ่อนแรง จะต้องมีการปรับแก้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตาปรือหรือ หนังตาตก หลังการผ่าตัด
ตรวจดูพังผืด แผลเป็น และแผลภายในเปลือกตา
บริเวณที่เคยผ่าตัดมาก่อนมักเกิดพังผืดหรือแผลภายในที่อาจไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ ต้องใช้เทคนิคเฉพาะในการตรวจ เช่น การคลำเปลือกตา หรือการใช้เครื่องมือช่วยประเมิน เพื่อวางแผนการเลาะพังผืด แก้รอยแผล และออกแบบชั้นตาใหม่ให้กลมกลืนกับใบหน้า
ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยก่อนแก้ตา เพื่อให้การแก้ไขตาเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อน และปลอดภัย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนเพราะโครงสร้างและเนื้อเยื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งยังมีพังผืดที่เกิดขึ้นมาภายในอีกด้วย จึงควรรักษากับจักษุแพทย์ซึ่งเป็นแพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับดวงตาโดยตรง เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างตา วิเคราะห์สภาพชั้นผิว วิเคราะห์สภาพกล้ามเนื้อ ร่วมกับความต้องการของคนไข้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการออกแบบการรักษาที่เหมาะกับรายบุคคลมากที่สุด
เทคนิคแก้ตามีอะไรบ้าง?
สำหรับการแก้ชั้นตาสามารถทำได้ด้วยเทคนิคเดียวกับการเสริมตาครั้งแรก เพียงแต่ว่าแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาของคนไข้ที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดตามาแล้ว โดยมีเทคนิคที่นิยมใช้แก้ไขดังนี้
- เทคนิคกรีดยาว ทำตาสองชั้นกรีดยาว แพทย์จะทำการกรีดแผลตามแนวชั้นตาตั้งแต่หัวไปถึงบริเวณหางตา ซึ่งเทคนิคแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม โดยเฉพาะในกรณีของการแก้ไขตาที่เคยทำศัลยกรรมมาแล้ว เพราะมีพังผืดและปัญหาที่ต้องแก้ไขเยอะ
- เทคนิคเปิดหัวตา การเปิดหัวตา มักทำในกรณีของคนที่ทำตามาแล้วเกิดอาการหนังตาตกหรือเปลือกตาหย่อนลงมาบดบังดวงตาโดยเฉพาะบริเวณหัวตา ทำให้รูปตาเรียวเล็ก ตาตี่ ตาเล็ก ไม่สดใส การใช้เทคนิคเปิดหัวตาจะช่วยทำให้ตาโตขึ้น เพิ่มความสดใส ดวงตาได้รูปทรงสมส่วนมากขึ้น
- เทคนิคยกหางหงส์ สำหรับคนที่ทำตามาแล้วเกิดปัญหาหนังตาตก หางตาตก เปลือกตาบริเวณส่วนท้ายอูม แพทย์อาจจะพิจารณาผ่าตัดเอาไขมันและหนังตาส่วนเกินออกไป รวมไปถึงผ่าตัดยกหางตาช่วยเพิ่มความเฉี่ยวให้ดวงตามากขึ้น
เช็กราคาโปรโมชั่น ตาสองชั้น Sakura Eyes
- เทคนิค Sakura Eye ที่ Vincent Clinic สำหรับเทคนิค Sakura Eye เป็นเทคนิคของ Vincent Clinic ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการปรับแก้ชั้นตาให้มีความเป็นธรรมชาติ รับกับใบหน้า ช่วยแก้ไขชั้นตาให้มีความละมุน มีเสน่ห์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร มีความอ่อนหวานสไตล์สาวญี่ปุ่น ใบหน้าแลดูสดใสอ่อนเยาว์
ความแตกต่างระหว่าง ทำตาครั้งแรก กับ การแก้ตา
ความแตกต่างระหว่างการแก้ไขชั้นตากับการทำตาครั้งแรก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น โครงสร้างตาของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ระดับความรุนแรงของปัญหาที่ไม่เท่ากัน ความต้องการของคนไข้ เป็นต้น โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
- ทำตาสองชั้นครั้งแรก การแก้ปัญหาไม่ซับซ้อนมากเนื่องจากเป็นการแก้ไขจากของเดิมที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แพทย์สามารถวางแผนและออกแบบการรักษาได้ง่ายกว่า
- แก้ตาสองชั้น ในกรณีนี้แพทย์จะต้องประเมินปัญหาอย่างละเอียดมากขึ้น เนื่องจากโครงสร้างชั้นผิวบริเวณเปลือกตามีการเปลี่ยนแปลง มีพังผืดเกิดขึ้น ชั้นไขมันและผิวหนังบางส่วนถูกตัดออกไป จึงทำให้การแก้ปัญหาค่อนข้างซับซ้อน และอาจจะต้องใช้เทคนิคเสริมหลายอย่าง ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการทำตาครั้งแรก
ทำไมควรแก้ตากับจักษุแพทย์?
หากใครที่ต้องการแก้ตา แนะนำว่าควรทำกับจักษุแพทย์เนื่องจากเป็นแพทย์ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับดวงตาโดยตรง เข้าใจโครงสร้างบริเวณดวงตาเป็นอย่างดีจึงสามารถเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะสม สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาได้เป็นอย่างแม่นยำ หลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงให้น้อยลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความละเอียดของเนื้อเยื่อและพังผืด
เนื้อเยื่อบริเวณชั้นตาที่เคยผ่านการผ่าตัดมาแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น พังผืด หรือโครงสร้างไม่เหมือนเดิม จึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างชั้นตาเดิมอย่างลึกซึ้ง รวมถึงเทคนิคเฉพาะที่ใช้ในการแก้ไข ซึ่งจะแตกต่างจากการทำตาสองชั้นครั้งแรกโดยสิ้นเชิง
ลดโอกาสเกิดพังผืดซ้ำ
การผ่าตัดแก้ตาหลายครั้งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพังผืดมากขึ้นทุกครั้ง หากทำโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือแก้ไขได้ยากกว่าเดิม จึงควรทำกับจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : จักษุแพทย์ ทำตาสองชั้นดีไหม แตกต่างจากศัลยแพทย์ทั่วไปอย่างไร?
แก้ตากับหมอเดิมหรือหมอใหม่ดีกว่า?
การเลือกที่จะแก้ตากับหมอคนเดิมหรือหมอคนใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างและความต้องการของคนไข้ หากคุณหมอคนเดิมมีการรับประกันในเรื่องของการผ่าตัดแก้ไขหลังทำ มีการดูแลปัญหาให้หลังผ่าตัด ก็สามารถที่จะกลับเข้าไปให้คุณหมอท่านนั้นรักษาให้ได้ แต่ถ้าไม่มีการรับประกันเรื่องการแก้ไขหลังผ่าตัดหรือไม่ใช่จักษุแพทย์ แนะนำให้มองหาคุณหมอท่านใหม่ที่เป็นจักษุแพทย์ซึ่งมีประสบการณ์และน่าเชื่อถือช่วยรักษาให้จะดีกว่า เพราะการแก้ไขชั้นตาที่เคยทำมาแล้วนั้นมีความซับซ้อน ต้องให้แพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางช่วยแก้ไขจะดีที่สุด
แก้ตา ทางเลือกของคนที่มีปัญหาชั้นตาผิดปกติจากการทำตาสองชั้น แก้ไขได้ด้วยการใช้เทคนิคผ่าตัดเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ออกแบบให้เหมาะกับรายบุคคล
การดูแลหลังผ่าตัดแก้ตา
หลังแก้ตาแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ไม่เกิดผลข้างเคียง ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น โดยสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้
- ในช่วง 2 – 3 วันหลังผ่าตัด สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมให้ยุบไวขึ้น
- หากมีอาการเลือดซึมออกมาจากแผลผ่าตัด แนะนำให้ใช้ผ้าก๊อซซับอย่างเบามือ
- ห้ามให้แผลโดนน้ำประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หรือหลังตัดไหมประมาณ 3 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- นอนหงายและยกศีรษะสูงกว่าปกติ ช่วยลดอาการบวมและป้องกันเลือดคั่ง
- ทำความสะอาดแผลวันละ 1 – 2 ครั้ง ด้วยสำลีพันก้านชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ ที่แผล
- ทายาฆ่าเชื้อแบบขี้ผึ้งทุกวัน เช้า – เย็น
- งดรับประทานอาหารเสริม วิตามิน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด จนกว่าจะไม่มีเลือดซึมจากแผลผ่าตัดแล้ว
- งดอาหารหมักดอง งดอาหารทะเล งดรับประทานไข่ งดแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ในช่วง 2 – 3 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไว แผลหายเร็ว ไม่เกิดแผลนูน
- ควรป้องกันสิ่งสกปรกที่จะเข้ามาโดนแผลผ่าตัดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกบ้าน ด้วยการสวมแว่นตาหรือแว่นป้องกันลม
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบตามกำหนด หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรพบแพทย์ทันที
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการแก้ตา
เพื่อช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการแก้ตา ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ช่วยคลายข้อสงสัยให้ลดลง สามารถใช้เป็นอีกหนึ่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Q : แก้ตาได้กี่ครั้ง? ทำบ่อย ๆ ได้ไหม?
A : โดยปกติการแก้ตาสามารถทำได้หลายครั้ง ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของคนไข้ แต่การที่เนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บจากการผ่าตัดในแต่ละครั้งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพังผืดมากขึ้น ทั้งยังส่งผลกับความซับซ้อนในการแก้ปัญหาที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก จึงควรแก้ไขโดยจักษุแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่ต้องกลับมาแก้บ่อย ๆ
Q : หลังทำตาแล้วชั้นตาไม่เท่ากัน จำเป็นต้องแก้เลยหรือไม่?
A : หลังผ่าตัดชั้นตาอาจเกิดอาการบวมขึ้นได้ในระยะแรก ทำให้มองเห็นชั้นตาไม่เท่ากัน ยังไม่แนะนำให้รีบแก้ไข ควรพักฟื้นให้ครบตามระยะเวลาเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและแผลหายสนิท หลังจากนั้นรอชั้นตาเข้าที่ประมาณ 1 – 3 เดือน จะเริ่มเห็นผลลัพธ์จริง ๆ ว่าต้องแก้หรือไม่
Q : ค่าใช้จ่ายในการแก้ตาประมาณเท่าไร?
A : ราคาในการแก้ไขชั้นตาที่เคยทำศัลยกรรมมาแล้วนั้น ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 35,000 – 80,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงของปัญหา เทคนิคที่ใช้ในการแก้ไข ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น
Q : แก้ตาอันตรายไหม?
A : สำหรับการผ่าตัดแก้ไขชั้นตานั้นไม่อันตราย แต่มีความซับซ้อนและต้องวางแผนการรักษาอย่างละเอียด จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย
Q : หลังแก้ตาต้องพักฟื้นกี่วัน?
A : หลังทำศัลยกรรมแก้ไขตาสามารถกลับบ้านได้เลย โดยระยะเวลาในการพักฟื้นเพื่อให้แผลหายไวและร่างกายฟื้นฟูได้ดีขึ้น จะอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน
Q : หลังแก้ตาแต่งหน้าได้เมื่อไร?
A : หากใครที่อยากแต่งหน้าแนะนำให้เว้นระยะไปก่อนประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยแนะนำให้แต่งตาแบบเบา ๆ อย่าเพิ่งแต่งหน้าหนักเกินไป
สรุป
แก้ตา เป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมที่สามารถช่วยจัดการปัญหาชั้นตาที่ผิดปกติจากการผ่าตัดตาสองชั้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของ อาการหนังตาตก ชั้นตาไม่เท่ากัน หนังตาปลิ้น หลับตาไม่สนิท ชั้นตาใหญ่มากเกินไป เบ้าตาลึก เป็นต้น ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ไม่เป็นธรรมชาติ หน้าดูเหนื่อยล้าอิดโรย เหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์โดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงและปัญหาตามมา สำหรับใครที่อยากทำตาสองชั้นให้สวย จัดรูปทรงดวงตาให้รับกับใบหน้ามากขึ้น หรือต้องการแก้ไขชั้นตาที่ทำมาแล้วเกิดปัญหา แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery ได้เลย