vincent.jpg.png
vc_3.png
Vincent Clinic Bangkok Plastic Surgery
คลินิกศัลยกรรมความงาม ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit
บทความ
Deep Plane Facelift คืออะไร ต่างจากเทคนิคอื่นไหม เหมาะกับใคร?
แชร์ :

Deep Plane Facelift คืออะไร ต่างจากเทคนิคอื่นไหม เหมาะกับใคร?

deep plane Facelift คืออะไร
อยากรู้เรื่องอะไร? คลิกที่หัวข้อได้เลย!

Key Takeaways

  • เทคนิคดึงหน้า Deep Plane Facelift เป็นการผ่าตัดในระดับลึกกว่าชั้น SMAS โดยการปลดล็อกเส้นเอ็นที่ยึดเนื้อเยื่อกับกระดูก ทำให้สามารถยกกระชับโครงหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิค Deep Plane Facelift เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีระดับความหย่อนคล้อยที่ค่อนข้างเยอะ 
  • ผลลัพธ์หลังการผ่าตัด Deep Plane Facelift สามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ปี ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และการดูแลหลังทำ
  • ควรเลือกทำ Deep Plane Facelift กับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี มีความปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา

หากพูดถึงการดึงหน้าเพื่อย้อนวัยแบบล้ำลึก Deep Plane Facelift ถือเป็นเทคนิคที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดีกว่าการดึงหน้าทั่วไป เพราะสามารถลงลึกได้มากกว่าชั้น SMAS จึงยกกระชับโครงหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าเทคนิคนี้คืออะไร แตกต่างจากการดึงหน้าปกติอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง เจ็บมากไหม มีผลข้างเคียงหลังทำหรือไม่ ในบทความนี้  Vincent Clinic Plastic Surgery จะพามาเจาะลึกกับเทคนิคนี้ค่ะ

Deep Plane Facelift คืออะไร?

เทคนิคดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift คือ การยกกระชับใบหน้าในระดับลึกกว่าการ ดึงหน้า  แบบปกติที่ลงลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้น SMAS ซึ่งเป็นต้นตอของความหย่อนคล้อย สามารถเข้าไปปลดล็อกเส้นเอ็นยึดผิวหน้าที่เรียกว่า Retaining Ligament เป็นตำแหน่งที่การดึงหน้าแบบทั่วไปไม่สามารถจัดการได้ เทคนิคนี้จึงสามารถช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานกว่าการดึงหน้าแบบทั่วไป ช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ หน้าสดใสมากขึ้น โดยยังคงผลลัพธ์ของโครงสร้างใบหน้าที่เป็นธรรมชาติไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงโครงหน้าเดิมมากจนเกินไป 

Deep Plane Facelift เหมาะกับใคร?

ดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift เป็นเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยและจัดเรียงโครงสร้างใบหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่แลดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าสดใสมากขึ้น จึงเหมาะกับคนกลุ่มคนต่อไปนี้ 

  • คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์
  • คนที่ยกกระชับผิวหน้ามาหลายวิธีแล้วแต่ไม่เห็นผล ลองยกกระชับผิวแต่แทบไม่เห็นผล หรือเห็นผลน้อย ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน
  • คนที่มีปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อน หนังตามักบังการมองเห็น ลืมตาได้ยาก ทำให้ต้องคอยเลิกคิ้วบ่อยๆ 
  • คนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะ มีร่องลึกถาวรเห็นได้ชัด เห็นริ้วรอยบนใบหน้าอย่าง ร่องน้ำหมาก ร่องแก้มชัด
  • คนที่ต้องการให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ อยากให้ใบหน้าหลังดึงหน้ามีความเป็นธรรมชาติ หน้าไม่ดูแข็งตึงจนเกินไป
  • คนที่ต้องการความคุ้มค่า อยากให้ผลลัพธ์หลังจากทำอยู่ได้นาน ไม่อยากกลับไปทำซ้ำหลายๆ ครั้ง

ใครที่ไม่เหมาะกับ Deep Plane Facelift?

การทำศัลยกรรมดึงหน้า Deep Plane Facelift ถึงแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยหากอยู่ภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แต่ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้ 

  • คนที่มีโรคประจำตัวขั้นรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
  • คนที่ติดบุหรี่จนไม่สามารถงดได้ก่อนผ่าตัด เพราะบุหรี่มีผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้แผลหายข้า เสี่ยงเกิดภาวะเนื้อเยื่อตายในบริเวณแผลผ่าตัด
  • คนที่ต้องรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ จะทำให้เลือดหยุดไหลยากระหว่างผ่าตัด เกิดโอกาสช้ำได้ง่าย และมีความเสี่ยงระหว่างดึงหน้า
  • คนที่มีประวัติเป็นคีลอยด์หรือเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย เพราะการผ่าตัดดึงหน้าเป็นการศัลยกรรมมีการเย็บแผลจึงอาจเกิดคีลอยด์หลังทำได้

How is a deep plane facelift different from a traditional facelift?

ดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift ต่างจาก Facelift ทั่วไปอย่างไร?

การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift แตกต่างจากเทคนิคการดึงหน้าแบบทั่วไปในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความลึกของชั้นผิวที่เข้าถึง ผลลัพธ์ที่ได้ ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์ เป็นต้น โดยแต่ละเทคนิคการดึงหน้าอย่าง ดึงหน้า SMAS Facelift หรือ ดึงหน้าชั้นตื้น มีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

คุณสมบัติ ดึงหน้าชั้น Deep Plane  ดึงหน้า SMAS Facelift ดึงหน้าชั้นตื้น
ความลึก ลงลึกถึงใต้ชั้น SMAS เข้าไปปลดเส้นเอ็นที่ยึดเนื้อเยื่อกับกระดูก  ผ่าตัดลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง  ผ่าตัดเฉพาะชั้นผิวหนังและชั้นไขมัน แต่ไม่ถึงชั้น SMAS
ผลลัพธ์ ยกกระชับโครงหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าไม่แข็ง ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ  ยกกระชับหน้า แลดูอ่อนเยาว์  ยกกระชับผิวหน้าชั้นบน แต่ไม่สามารถยกกระชับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นลึกได้ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยหนัก ๆ ไม่ได้
ความยั่งยืนของผลลัพธ์ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับอายุและการดูแลตัวเอง ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับอายุและการดูแลตัวเอง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเอง
ระยะเวลาในการพักฟื้น แม้จะเป็นการผ่าตัดที่ลึกกว่า แต่มีอาการบวมช้ำน้อยและใช้เวลาพักฟื้นน้อย เพราะเลาะชั้นผิวออกจาก SMAS ไม่มาก อาการบวมมากและใช้เวลาพักฟื้นนาน อาการบวมและช้ำน้อย และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็ว
ความยากในการผ่าตัด ต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์สูง เนื่องจากเป็นการยกกระชับในระดับลึกซึ่งมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก ซับซ้อนน้อยกว่า แต่ยังคงต้องการแพทย์ที่มีประสบการณ์ ซับซ้อนน้อยกว่าเทคนิคอื่น

ต้องเตรียมตัวก่อนดึงหน้า Deep Plane Facelift อย่างไร?

สำหรับการเตรียมตัวก่อนทำ Deep Plane Facelift เป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและผลลัพธ์ที่ได้ตรงตามความคาดหวัง ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำ โดยสามารถเตรียมตัวก่อนผ่าตัดได้ดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อรับการประเมิน วางแผนการรักษาที่เหมาะสม และให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการ
  • ตรวจสุขภาพก่อนทำ เพื่อประเมินความเสี่ยง และเงื่อนไขของร่างกายว่าสามารถเตรียมการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม
  • งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น โสม วิตามินอี แอสไพริน 
  • แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์ หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งทุกครั้งก่อนรับบริการ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพื่อให้ร่างกายหลังทำสามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัด Deep Plane Facelift

ผ่าตัดดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift เป็นเทคนิคที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากมีการยกกระชับใบหน้าในระดับลึกกว่า SMAS จึงมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก โดยมีขั้นตอนของการผ่าตัดดังนี้

  • แพทย์ประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงหน้าของคนไข้ พร้อมทั้งกำหนดตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัดดึงหน้า
  • ดมยาสลบร่วมกับฉีดยาชาเฉพาะจุด ซึ่งจะทำโดย วิสัญญีแพทย์ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะรับการผ่าตัด
  • กรีดเปิดแผล แพทย์จะเปิดแผลบริเวณขมับ บริเวณหน้าใบหน้า และบริเวณหลังใบหู โดยรอยแผลจะซ่อนไว้ตามแนวไรผมหรือในจุดที่สังเกตเห็นได้ยาก 
  • ทำการดึงหน้า เมื่อเปิดแผลแล้วแพทย์จะเลาะชั้นผิวเข้าไปสู่ชั้นเส้นเอ็นที่อยู่ลึกกว่า SMAS ซึ่งทำหน้าที่ยึดเนื้อเยื่อและกระดูก เพื่อทำทำการจัดระเบียบชั้นผิวต่าง ๆ ตัดแต่งผิวหนังส่วนเกิน และยกกระชับโครงหน้าทั้งหมด 
  • เย็บปิดแผล หลังจากที่ดึงชั้นผิวหน้าเสร็จแล้ว แพทย์จะเย็บปิดแผล และพันผ้าเพื่อช่วยประคองใบหน้า ช่วยลดอาการบวม ช่วยให้เข้าที่เร็วขึ้น
  • สังเกตอาการหลังทำ จากนั้นจะพาคนไข้ไปพักฟื้นในห้อง เพื่อสังเกตอาการจนกว่าฤทธิ์ยาสลบจะหมดไป หากไม่มีภาวะผิดปกติเกิดขึ้นสามารถกลับบ้านได้เลย

ผ่าตัดดึงหน้า Deep Plane Facelift รอยแผลอยู่ตรงไหน? ขนาดใหญ่ไหม?

สำหรับรอยแผลผ่าตัดดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift จะมีรอยแผลอยู่บริเวณแนวไรผม ด้านหน้าหู และบริเวณหลังใบหู โดยแพทย์จะเย็บแผลซ่อนแผลเอาไว้ในตำแหน่งที่สังเหตเห็นได้ยาก แนบเนียนไปกับผิว หากคนไข้ดูแลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้แผลจางลงจนแทบมองไม่เห็น ลดโอกาสที่จะเห็นรอยแผลเป็นชัดเจน

ดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift พักฟื้นนานไหม?

Deep Plane Facelift ถึงขั้นตอนการผ่าตัดจะซับซ้อน แต่มีอาการบวมช้ำน้อย ระยะเวลาพักฟื้นจึงไม่ได้มากกว่าการดึงหน้าทั่วไป โดยจะพักฟื้นประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะเข้าที่ในช่วงประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่แพทย์ใช้ การดูแลตัวเองหลังทำ และร่างกายของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจาก deep plane Facelift

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจาก Deep Plane Facelift?

การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift เป็นเทคนิคที่มีความซับซ้อนและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ก็มีความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่ควรทราบก่อนตัดสินใจทำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากทั้งเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์ สภาพผิวและร่างกายของคนไข้ การดูแลตัวเองหลังทำ  โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้ 

  • อาการบวมช้ำ เป็นอาการทั่วไปหลังการผ่าตัดที่สามารถพบได้ ซึ่งมักจะหายไปได้เองในช่วง 10 – 14 วันหลังทำ
  • อาการชา หรือรู้สึกตึง อาจเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังใกล้แผลผ่าตัด และมักจะหายไปภายใน 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
  • เส้นประสาทใบหน้าได้รับความเสียหาย อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรงหรือความรู้สึกผิดปกติในบางส่วนของใบหน้า โดยทั่วไปจะหายไปเองเมื่อร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ แต่ในบางกรณีอาจเป็นถาวร เนื่องจากแพทย์มีประสบการณ์น้อยหรือใช้เทคนิคไม่เหมาะสม
  • เกิดการอักเสบติดเชื้อ อาการนี้มักเกิดจากการดูแลที่ไม่ถูกวิธี รักษาความสะอาดได้ไม่ดีมากพอ หรือเครื่องมือ ขั้นตอนในการผ่าตัดไม่สะอาดตั้งแต่แรก
  • อาจเกิดแผลเป็น แม้จะมีการเย็บซ่อนแผลในตำแหน่งที่สังเกตได้ยาก แต่บางกรณีที่ดูแลแผลไม่ดีหรือมีภาวะเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย อาจทำให้แผลมีขนาดใหญ่เห็นชัดเจน 
  • ผมร่วงในตำแหน่งที่ทำการผ่าตัด บางครั้งหลังจากที่ดึงหน้า ผมจะร่วงเล็กน้อยบริเวณที่มีรอยแผล เป็นอาการปกติซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเองในช่วง 1 – 3 เดือน

ผลลัพธ์ Deep Plane Facelift อยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องทำซ้ำไหม?

ผลลัพธ์หลังทำ Deep Plane Facelift สามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ปี ขึ้นอยู่สภาพผิว การดูแลหลังทำ และปัจจัยส่วนตัวอื่นๆ ของคนไข้ที่ไม่เหมือนกัน หากดูแลตัวเองดี หรือมีการใช้หัตถการกระชับผิวอื่นๆ หลังทำร่วมด้วย สามารถยืดอายุของผลลัพธ์ให้นานมากขึ้นไปอีก โดยอาจจะไม่ต้องกลับมาผ่าตัดดึงหน้าอีกครั้ง แต่ถ้าเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้นในอนาคตก็สามารถกลับมาผ่าตัดซ้ำได้

Deep Plane Facelift ราคาเท่าไหร่?

Deep Plane Facelift ราคาประมาณ 150,000 – 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของปัญหาความหย่อนคล้อย สภาพผิว เทคนิคที่ใช้ในการรักษา ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อรับการประเมินเฉพาะรายบุคคล จะได้รับรายละเอียดที่ครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด

เลือกดึงหน้า Deep Plane Facelift ที่ไหนดี?

ก่อนจะเลือกทำ Deep Plane Facelift ควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา โดยวิธีเลือกทำ Deep Plane Facelift ที่ไหนดีควรพิจารณาดังนี้

  • ศัลยแพทย์มีประสบการณ์ แพทย์จะต้องเข้าใจเทคนิคการผ่าตัดเป็นอย่างดี และสามารถออกแบบโครงหน้าให้ออกมาดีเป็นธรรมชาติได้ 
  • คลินิกต้องน่าเชื่อถือ คลินิกควรมีเลขใบอนุญาตติดไว้อย่างชัดเจน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง และตรวจสอบได้
  • ห้องผ่าตัดต้องสะอาด มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน สะอาด ได้มาตรฐาน เครื่องมือ และอุปกรณ์มีความทันสมัย ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
  • มีรีวิวจากคนไข้จริง เพื่อช่วยให้เห็นภาพผลลัพธ์ เห็นฝีมือของแพทย์ได้ชัดเจน และประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้บริการจริง
  • มีบริการติตตามผลและให้การดูแลหลังทำ เพื่อให้คนไข้สามารถปรึกษาเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา ช่วยคลายความกังวลใจให้ลดลง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Deep Plane Facelift (FAQ)

สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเทคนิคดึงหน้า Deep Plane Facelift เพิ่มเติมจากข้อมูลข้างต้น ในหัวข้อต่อไปนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้

Q: ดึงหน้าชั้นลึก ต่างจากดึงหน้าแบบทั่วไปอย่างไร?
A: การดึงหน้าทั่วไปมักจะเน้นการดึงเฉพาะผิวหนังชั้นบนหรือไม่เกินชั้น SMAS แต่ในส่วนของเทคนิค Deep Plane Facelift จะลงไปดึงลึกกว่าชั้น SMAS สามารถเข้าไปตัดเลาะเอ็นที่ยึดกระดูกกับเนื้อเยื่อ เพื่อยกกระชับโครงหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Q: ดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift อยู่ได้นานกี่ปี?
A: ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 10–15 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ โครงสร้างผิว พฤติกรรมการดูแลตัวเอง และเทคนิคที่ใช้

Q: สามารถทำดึงหน้าชั้นลึกพร้อมกับศัลยกรรมอื่นได้ไหม?
A: สามารถทำพร้อมกันได้ แต่ต้องแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม วางลำดับขั้นตอนที่จะทำได้อย่างแม่นยำ

Q: เทคนิคดึงหน้าชั้นลึกหลังทำ ผิวจะตึงผิดธรรมชาติหรือหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหม?
A: หากดูแลโดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคที่เหมาะสม ผลลัพธ์จะให้ความเป็นธรรมชาติ แลดูอ่อนเยาว์ หน้าสดใส ไม่ดูหลอกตา หน้าไม่แข็ง ไม่ทำให้หน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมากเกินไป 

Q: ดึงหน้าชั้นลึกมีรอยแผลชัดเจนไหม?
A: รอยแผลผ่าตัดจะไม่ชัดเจนเพราะแพทย์จะเย็บซ่อนไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ไม่ชัด เช่น แนวไรผม แนวใบหูด้านหน้า บริเวณหลังหู นอกจากนั้นการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้แผลจางลงและไม่เกิดเป็นแผลนูนในอนาคตได้

สรุป

การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Deep Plane Facelift เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งเทคนิคแพทย์สามารถผ่าตัดได้ลึกมากกว่าชั้น SMAS จึงยกกระชับโครงหน้าทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง ดูไม่หลอกตา สำหรับใครที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย หน้าดูแก่กว่าวัย ทำมาหลายวิธีแล้วก็ไม่เห็นผลหรือเห็นผลค่อนข้างน้อย แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินปัญหาและวิเคราะห์ใบหน้าโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ 

Scroll to Top
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit