Endoscopic Facelift หนึ่งในเทคนิคการยกกระชับผิวที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ร่องลึก ให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยวิธีการส่องกล้องที่ทันสมัย ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและแผลเล็กกว่าวิธีดั้งเดิม Vincent Clinic Plastic Surgery จะพาไปทำความรู้จักกับเทคนิคนี้กันค่ะว่าเหมาะกับใคร? และแตกต่างจากเทคนิค Facelift อย่างไร?
Key Takeaways
- Endoscopic Facelift คือเทคนิคดึงหน้าด้วยการส่องกล้องผ่านแผลเล็กบริเวณไรผม ใช้ Endotine ยึดชั้นลึกของผิว ให้กลับมากระชับ โดยไม่ต้องกรีดแผลยาวแบบดั้งเดิม
- เทคนิค Endoscopic Facelift เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับ ปานกลาง เช่น แก้มตก ร่องแก้มเริ่มลึก มุมปากตก หรือคางสองชั้น แต่ยังไม่หย่อนมากพอสำหรับการดึงหน้าแบบเต็มรูป
- ผลลัพธ์ของการทำ Endoscopic Facelift นั้น สามารถช่วยยกแก้ม กรอบหน้า ร่องแก้ม และมุมปาก ให้กระชับขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส และเป็นธรรมชาติ
- ทำ Endoscopic Facelift นั้นมีความเจ็บที่น้อย ทำให้ผู้ทำสามารถฟื้นตัวได้เร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 7–10 วัน
- ผลลัพธ์ของการทำ Endoscopic Facelift สามารถอยู่ได้นาน 5–10 ปี ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำ)
- Endoscopic Facelift แตกต่างจากการดึงหน้าแบบทั่วไปตรงที่แผลเล็ก สามารถฟื้นเร็ว แก้ปัญหาได้เฉพาะกับผิวหย่อนคล้อยปานกลาง ส่วนการดึงหน้าแบบดั้งเดิมนั้น เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมากและต้องการแก้ไขแบบครอบคลุม
- ราคาของการทำ Endoscopic Facelift ประมาณ 100,000-200,000 บาท ขึ้นกับคลินิกและความซับซ้อนของเคส
Endoscopic Facelift คืออะไร
Endoscopic Facelift คือ เทคนิคการดึงหน้า ที่ใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปผ่านแผลเล็กๆ บริเวณไรผมเหนือขมั ทำให้ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวและเนื้อเยื่อได้อย่างละเอียดแม่นยำ จากนั้นจะใช้เอนโดไทน์ (Endotine) ยึดกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อ เพื่อช่วยยกปรับตำแหน่งกล้ามเนื้อและผิวหนังให้กลับมาตึงกระชับโดยไม่ต้องกรีดแผลยาวเหมือนการดึงหน้าแบบดั้งเดิม
Endo-Face Lift ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
Endo-Face Lift เป็นเทคนิคที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้กลับมาตึงเรียบ ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าได้หลายอย่าง ดังนี้
- ช่วยยกกระชับกลางหน้า จากการย้ายตำแหน่งชั้น SMAS พังผืด และไขมันแก้มขึ้นด้านบน ทำให้แก้มช่วงกลางเต็มขึ้น หน้าดูสดใส ลดลุคเหนื่อยล้า
- ช่วยลิฟต์กรอบหน้าให้คมชัด ลดแก้มตก กระชับแนวกรามและแนวคาง ทำให้เส้นกรอบหน้าชัดขึ้น ดูหน้าเรียวเป็นธรรมชาติ ไม่กลมคล้อย
- ช่วยลดร่องลึกบริเวณปาก ช่วยผ่อนความชัดของร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก ด้วยการยกโครงยึดเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยขึ้นตำแหน่งที่ควรอยู่
- ช่วยยกมุมปากที่ตก ปรับองศามุมปากให้ยกเล็กน้อย ลดสีหน้าดูเศร้าหม่น ให้ลุคสดใสขึ้นเมื่อไม่ยิ้ม
- ผิวหน้าโดยรวมดูตึงแน่นและอิ่มฟู เมื่อโครงสร้างลึกถูกยกเข้าที่ ผิวชั้นบนจะเรียบขึ้น รูขุมขนและริ้วรอยตื้น ๆ ดูจางลง ใบหน้าดูมีมิติ
Endoscopic Facelift ต่างจากดึงหน้าทั่วไปอย่างไร
Endoscopic Facelift หรือการดึงหน้าแบบส่องกล้อง เป็นเทคนิคแผลเล็กที่ใช้กล้องช่วยผ่าตัดและยกชั้น SMAS โดยมีแผลเพียงสองจุดเหนือขมับ ใช้ Endotine ช่วยยึดผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยระดับปานกลาง เช่น แก้มตกหรือร่องแก้มเริ่มชัด ผลลัพธ์อยู่ได้ 5–10 ปี และพักฟื้นไม่นาน
ส่วนการดึงหน้าแบบทั่วไปเป็นการผ่าตัดเปิดแผลยาวบริเวณไรผมและรอบหู เพื่อดึงและตัดผิวส่วนเกินรวมถึงปรับชั้น SMAS เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก ร่องแก้มลึก หรืออายุเยอะ แม้แผลจะใหญ่กว่าและฟื้นตัวช้ากว่า แต่สามารถแก้ปัญหาได้ครอบคลุม และผลลัพธ์อยู่ได้นาน
ประเด็น | Endoscopic Facelift | Facelift |
เทคนิค | ใช้กล้องส่อง ช่วยยกและจัดการชั้น SMAS พร้อม Endotine Ribbon ยึดตรึง | เปิดแผลยาว ดึงและตัดผิวหนังส่วนเกิน พร้อมจัดการชั้น SMAS |
ตำแหน่งแผล | แผลเล็ก 2 จุด เหนือขมับทั้งสองข้าง | แผลยาวบริเวณไรผมและรอบหู |
ความเหมาะสม | ผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยระดับปานกลาง เช่น แก้มตก ร่องแก้มเริ่มลึก | ผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยมาก ร่องแก้มลึกชัด หนังตาตก หรืออายุเยอะ |
ระยะพักฟื้น | ฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย แผลซ่อนง่าย | ฟื้นตัวนานกว่า แผลยาว ต้องดูแลมากกว่า |
ผลลัพธ์ | ใบหน้ากระชับ ดูธรรมชาติ อยู่ได้ 5–10 ปี | ยกกระชับทั่วทั้งใบหน้า อยู่ได้ 5–10 ปี และแก้ปัญหาครอบคลุมกว่า |
ส่องกล้องดึงหน้าเหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร
ส่องกล้องดึงหน้าเป็นเทคนิคที่ช่วยยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยแต่ยังไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็ไม่เหมาะกับทุกคน เพราะบางกรณีอาจต้องใช้วิธีการรักษาแบบอื่นที่ตอบโจทย์กว่า
ใครเหมาะกับ Endo-Face Lift
- คนที่เริ่มมีผิวหน้าหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น และต้องการยกกระชับบริเวณหน้าส่วนบนและส่วนล่าง ให้ผลใกล้เคียงกับการผ่าตัดดึงหน้า
- คนที่มีแก้มห้อย แก้มหย่อน มีกระเปาะแก้ม หรือรูปหน้าเสียสัดส่วนจนดูไม่กระชับ
- คนที่มีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้มลึกหรือร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย
- คนที่มีมุมปากตก ซึ่งทำให้ใบหน้าดูดุ ดูเศร้า และไม่สดใส
- คนที่มีผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ คางสองชั้น หรือเหนียง ต้องการ หน้าวีเชฟ
- คนที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด ไม่ต้องการให้เห็นแผลบนใบหน้า และอยากได้แผลขนาดเล็กที่ซ่อนง่าย
ใครไม่เหมาะกับ Endo-Face Lift
- คนที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยในระดับมากจนเกินไป เพราะอาจไม่เห็นผลชัดเจนเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้าแบบเต็มรูปแบบ
- คนที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง ต้องการความเปลี่ยนแปลงมากๆ ในทันที ซึ่ง Endo-Face Lift อาจไม่ตอบโจทย์เท่าการผ่าตัดใหญ่
- คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ เช่น โรคหัวใจรุนแรง ความดันไม่คงที่ หรือเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
- คนที่มีปัญหาสุขภาพผิวบางอย่าง เช่น แผลหายช้า แพ้ง่าย หรือติดเชื้อง่าย ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวล่าช้าหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- คนที่ยังมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยมากๆ หรืออายุยังน้อยเกินไป เพราะอาจยังไม่จำเป็นต้องทำ Endo-Face Lift และสามารถเลือกวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น เลเซอร์ยกกระชับ HIFU หรือ Thermage แทนได้
Endo-Face Lift อยู่ได้นานไหม
ผลลัพธ์ของ Endo-Face Lift สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังทำ เช่น การปกป้องผิวจากแสงแดด การพักผ่อนที่เพียงพอ รวมถึงการบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง หากดูแลดีผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นาน และใบหน้าจะคงความกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีเตรียมตัวก่อนทำ Endoscopic Facelift และวิธีดูแลหลังส่องกล้องดึงหน้า
ก่อนเข้ารับการทำ Endo-Face Lift ส่องกล้องดึงหน้า การเตรียมตัวให้พร้อม และรู้วิธีดูแลหลังทำอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน แต่ยังทำให้แผลหายเร็วขึ้น ผลลัพธ์กระชับเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น การรู้วิธีเตรียมตัวและการดูแลหลังทำจึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่ตัดสินใจเลือกหัตถการนี้
วิธีเตรียมตัวก่อนทำ Endoscopic Facelift
- ปรึกษาแพทย์ ตรวจประเมินระดับความหย่อนคล้อยของผิว และวางแผนว่าการทำ Endoscopic Facelift เหมาะสมกับสภาพผิวหรือควรใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
- ตรวจสุขภาพและแจ้งประวัติการใช้ยา หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ รวมถึงยาที่ทานอยู่หรือประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์อย่างละเอียด
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงเลือดออกหรือแผลติดเชื้อ
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา หรือสมุนไพรบางชนิด ตามคำแนะนำแพทย์
- ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด
- เตรียมคนดูแลหลังทำ ควรมีผู้ดูแลหรือคนใกล้ชิดช่วยในวันแรก ๆ หลังผ่าตัด เพราะอาจยังมีอาการบวมและไม่สะดวกในการทำกิจวัตรบางอย่าง
วิธีดูแลหลังทำ Endoscopic Facelift
- ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม และช้ำ ซึ่งเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด
- นอนศีรษะสูง หนุนหมอน 2 ใบหรือนอนยกหัวเตียงเล็กน้อย เพื่อช่วยระบายน้ำเหลือง ลดบวมเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือบีบผิวหน้า ในช่วง 2 – 4 สัปดาห์แรก เพื่อให้เนื้อเยื่อและแผลยึดตัวได้ดี
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ทั้งยาแก้ปวด ยาลดบวม และยาปฏิชีวนะจนหมดคอร์ส
- งดออกกำลังกายหนัก ก้มหน้าหรือยกของหนัก อย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์ เพื่อลดแรงกดบนใบหน้า
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้แผลหายช้าและเสี่ยงติดเชื้อ
- ปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดและหมวกเมื่อต้องออกกลางแจ้ง เพื่อป้องกันรอยดำหลังผ่าตัด
- มาตามนัดแพทย์ทุกครั้ง เพื่อตรวจติดตามอาการและตัดไหมตามกำหนด
Endoscopic Facelift ราคาเท่าไร
การทำ Endoscopic Facelift ส่องกล้องดึงหน้า ราคาประมาณ 100,000 ข200,000 บาท ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามคลินิก ประสบการณ์ของแพทย์ ความซับซ้อนในการทำ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกในตอนนั้นค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Endoscopic Facelift
Q: Endo-Face Lift ต่างจาก Endo-Brow Lift อย่างไร
A: Endo-Face Lift เน้นการยกกระชับแก้ม ร่องแก้ม มุมปาก และกรอบหน้าให้กลับมากระชับอ่อนเยาว์ ส่วน Endo-Brow Lift มุ่งแก้ปัญหาบริเวณหน้าผากและคิ้ว ช่วยยกคิ้ว แก้หนังตาตก
Q: Endoscopic Facelift ต้องพักฟื้นหลังทำนานไหม
A: การทำ Endoscopic Facelift ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นานเท่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปจะมีอาการบวมช้ำประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ภายใน 7 – 10 วัน ทั้งนี้ผลการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงการดูแลหลังทำ เช่น การประคบเย็น การนอนหัวสูง และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักในช่วงแรก ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้ากลับมากระชับและดูเป็นธรรมชาติได้เร็วขึ้น
Q: ส่องกล้องดึงหน้าเหมือนกับการร้อยไหมยกกระชับหน้าไหม
A: ส่องกล้องดึงหน้า ไม่เหมือนกับการร้อยไหมยกกระชับหน้า แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์ แต่แตกต่างกันที่วิธีการและผลลัพธ์ การส่องกล้องดึงหน้าเป็นการยกกระชับชั้นลึกของผิว SMAS ผ่านแผลเล็ก ๆ และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน อยู่ได้นานหลายปี ส่วนการร้อยไหมเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เส้นไหมยกผิวให้ตึงขึ้น ผลลัพธ์เห็นได้ทันทีแต่คงอยู่เพียงชั่วคราว ประมาณ 1 – 2 ปีเท่านั้น
Q: สามารถส่องกล้องดึงหน้า และดึงคิ้วไปพร้อมๆ กันได้ไหม
A: สามารถทำ ส่องกล้องดึงหน้า และ ดึงคิ้ว ยกคิ้ว ไปพร้อมกันได้ เพราะทั้งสองหัตถการใช้เทคนิคการส่องกล้องผ่านแผลเล็กบริเวณไรผมหรือขมับเหมือนกัน เพียงแต่โฟกัสคนละตำแหน่ง Facelift เน้นแก้ม ร่องแก้ม กรอบหน้า ส่วน Brow Lift เน้นหน้าผาก คิ้ว และรอบดวงตา การทำควบคู่กันช่วยยกกระชับทั้งใบหน้าส่วนบนและส่วนล่างไปพร้อมกัน ทำให้ผลลัพธ์ดูอ่อนเยาว์แบบครบวงจร โดยควรให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อน
Q: มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์อยู่สามารถทำ Endoscopic Facelift ได้ไหม
A: ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะบางโรคอาจเสี่ยงต่อการผ่าตัด และหากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรทำ Endoscopic Facelift เด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย
Q: แผลจาก Endo-Face Lift อยู่บริเวณไหน
A: แผลจาก Endo-Face Lift จะมีขนาดเล็กและซ่อนอยู่บริเวณไรผม หรือขมับ ทำให้แทบมองไม่เห็น และเมื่อแผลหายดีก็กลืนไปกับแนวผมอย่างเป็นธรรมชาติ
สรุป
Endoscopic Facelift ทคนิคดึงหน้าด้วยการส่องกล้องผ่านแผลเล็กบริเวณไรผม ช่วยยกกระชับชั้นลึกของผิว ให้แก้ม กรอบหน้า และร่องลึกกลับมากระชับ อ่อนเยาว์ และเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5–10 ปี แตกต่างจากการดึงหน้าแบบดั้งเดิมที่ต้องกรีดแผลยาวและเหมาะกับคนที่มีความหย่อนคล้อยมากกว่า การส่องกล้องดึงหน้าจะเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยปานกลาง ไม่ว่าจะหันซ้าย หันขวา หรือถ่ายรูปมุมไหน ก็มั่นใจว่าสวยทุกองศา ด้วยการดึงหน้าและยกกระชับที่ Vincent Clinic Plastic Surgery กันค่ะ