Key Takeaways
- เหลากราม คือ การศัลยกรรมที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว ด้วยการตัดหรือกรอกระดูกกรามส่วนเกินออกไป เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร
- การเหลากรามเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูกเติบโตมากเกินไป กรรมพันธุ์ กระดูกกรามไม่เท่ากัน กรามผิดรูปจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
- เหลากรามสามารถแก้ปัญหากรามใหญ่ได้ตรงจุด ให้ผลลัพธ์ถาวร หน้าเรียวและมีวีเชฟอย่างเห็นได้ชัดเจน
- หลังเหลากรามอาจมีอาการบวมหรือเจ็บ ต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
เหลากราม หนึ่งในวิธีที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูปได้สัดส่วน หน้าเรียวมากขึ้น แก้ปัญหาคนที่มีโครงหน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ ให้เล็กลงรับกับใบหน้ามากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ใบหน้ามีมิติ ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี แก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำวิธีการนี้ได้ ดังนั้นในเนื้อหาต่อไปนี้ Vincent Clinic Plastic Surgery จะพาไปรู้จักกับการผ่าตัดเหลากระดูกกรามว่าคืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากข้อมูลต่อไปนี้
เหลากราม คืออะไร?
เหลากราม คือ การทำศัลยกรรมเพื่อปรับโครงสร้างบริเวณกรามให้ดูเรียวขึ้น ด้วยการตัด หรือกรอกระดูกกรามส่วนเกินออกไปทำให้กระดูกกรามเล็กลง แก้ปัญหาโครงหน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ โครงหน้าบาน ช่วยให้หน้าดูเรียว หน้าวีเชฟ ละมุนสวยได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ต้องเหลากราม
สาเหตุที่ต้องเหลากรามมีด้วยกันหลายปัจจัย มีทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบกับสัดส่วนของโครงหน้าได้โดยตรง โดยมีสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปทรงกรามจนต้องเข้ารับการศัลยกรรมกรามให้เล็กลงหรือได้สัดส่วนมากขึ้น มีดังนี้
- กระดูกกรามใหญ่โดยกำเนิด เกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายกำลังพัฒนากระดูก อาจเกิดการสร้างกระดูกกรามที่มากกว่าปกติ จึงทำให้มีขนาดกรามที่ใหญ่มากเกินไป
- กระดูกกรามใหญ่จากกรรมพันธุ์ สามารถสังเกตได้จากพ่อแม่ที่มีโครงหน้า หรือกระดูกกรามที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถส่งต่อลักษณะเด่นนี้มาสู่ลูกหลานได้เช่นกัน
- กระดูกกรามไม่เท่ากัน นอกจากจะเกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อแล้ว กระดูกที่เติบโตผิดปกติอาจส่งผลให้กรามไม่เท่ากัน กระดูกขากรรไกรทั้งสองข้างไม่สมดุลกัน กรามจึงใหญ่เพียงข้างเดียว
- กระดูกกรามผิดรูปจากอุบัติเหตุ ในกรณีของคนที่เกิดอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณกราม อาจทำให้กระดูกผิดรูป เบี้ยว เอียง หรือกรามเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่นจนต้องรับการผ่าตัดแก้ไข
เหลากราม เหมาะกับใคร?
การเหลากรามเป็นเทคนิคที่ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเห็นผลชัดเจน ปรับใบหน้าให้ได้สัดส่วนและมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหา และความต้องการดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกรรมพันธุ์ หรือกระดูกกรามใหญ่มากเกินไปจนหน้าดูเหลี่ยม อยากปรับลดขนาดกรามให้เล็กลง
- ผู้ที่มีขนาดกรามไม่เท่ากัน หรือกรามข้างใดข้างหนึ่งยื่นออกมา ทำให้รูปหน้าทั้งสองข้างไม่เหมือนกันต้องการปรับให้เท่ากัน
- ผู้ที่กรามผิดสัดส่วนจากอุบัติเหตุจนทำให้ใบหน้าผิดรูป ใบหน้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมต้องการปรับให้ใบหน้ากลับมาสมดุล
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าได้สัดส่วน ลดความคมของใบหน้า อยากปรับให้ใบหน้าเรียวสวยละมุน มั่นใจมากขึ้น
เหลากราม ไม่เหมาะกับใคร?
แม้การเหลากรามจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน ลดขนาดกรามให้เรียวสวย แต่วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมกราม และลดขนาดกรามอาจจะไม่เหมาะกับคนกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะร่างกายและกระดูกยังพัฒนาไม่เต็มที่ อาจทำให้การรักษาไม่แม่นยำ ผลลัพธ์ไม่คงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อยู่ในขั้นรุนแรงควบคุมไม่ได้ หรือมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นต้น
- ผู้ที่มีความคาดหวังในผลลัพธ์ที่เกินจริง เนื่องจากการเหลากรามมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล
- ผู้ที่ไม่พร้อมสำหรับการพักฟื้น เพราะเป็นการผ่าตัดจึงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูร่างกายและให้ผลลัพธ์เข้าที่
ข้อดีของการผ่าตัดเหลากราม
การเหลากรามเป็นการศัลยกรรมที่ช่วยลดขนาดและปรับรูปทรงกรามให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของโครงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งมีข้อดีดังนี้
- ช่วยปรับโครงหน้าให้เรียวสวยได้สัดส่วนมากขึ้น รูปหน้าดูละมุน เส้นกรอบหน้าชัดเจน และได้สัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น
- ให้ผลลัพธ์หน้าเรียว หน้าวีเชฟแบบถาวร เพราะเป็นการปรับจากโครงสร้างกระดูกกรามจึงแก้ปัญหาหน้าเหลี่ยม คางเหลี่ยม ได้
- เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจนมากกว่าเทคนิคที่ไม่ใช่การผ่าตัด เพราะปรับโครงสร้างกระดูกโดยตรง ทำให้การเปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัด และถาวร
- แพทย์ปรับโครงสร้างกระดูกกรามได้โดยตรง สามารถแก้ปัญหากรามใหญ่ กรามยื่น หรือกรามไม่สมมาตรอย่างได้ตรงจุด
- ปรับสมดุลใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สัดส่วนระหว่างกราม คาง และส่วนอื่นๆ ของใบหน้ากลมกลืนกันมากขึ้น ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูสวยเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวังหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังเหลากราม
ผ่าตัดเหลากรามถึงแม้จะมีดข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อควรรู้ที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกทำ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงหรือผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น
- อาจเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คางเบี้ยว คางผิดรูป คางไม่สมดุล เส้นประสาทได้รับความเสียหาย เป็นต้น หากผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพอ
- ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน เพราะเป็นการผ่าตัดปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกภายใน ร่างกายจึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและให้ผลลัพธ์เข้าที่
- ต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ติดเชื้อ ผลลัพธ์เข้าที่ช้า แผลหายช้า เป็นต้น
- หลังทำอาจเกิดอาการบวมช้ำ ปวด หรือเจ็บบริเวณกราม และแผลผ่าตัด ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้แต่ละคน
ขั้นตอนการเหลากราม
สำหรับผ่าตัดเหลากรามมีขั้นตอนที่ไม่เยอะมาก แต่จะไปซับซ้อนในเรื่องของเทคนิคการผ่าตัดที่แพทย์จะเลือกใช้เพื่อให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด โดยรายละเอียดของลำดับขั้นตอนการผ่าตัดกรามมีดังนี้
- แจ้งสุขภาพร่างกายให้แพทย์ หากคนไข้มีโรคประจำตัว มียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ หรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการ
- X-Ray โครงหน้า เพื่อให้เห็นกระดูกกรามที่ชัดเจน ใช้ในการวางแผนการผ่าตัด ออกแบบรูปทรงกรามที่รับกับใบหน้ามากที่สุด กำหนดตำแหน่งที่จะผ่าตัด
- ดมยาสลบ เมื่อประเมินกรามเรียบร้อยแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนดมยาสลบโดย วิสัญญีแพทย์ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ
- เหลากราม เมื่อยาสลบออกฤทธิ์ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเข้าไปเหลากรามให้ได้ตามรูปทรงและขนาดที่กำหนดไว้ โดยมีทั้งแผลในและแผลนอกขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมินเลือกใช้ให้เหมาะสม เมื่อเสร็จแล้วจึงเย็บแผลปิดไว้
- พักฟื้นดูอาการ หลังจากทำเสร็จจะพาคนไข้ไปนอนพักฟื้นจนกว่าฤทธิ์ยาสลบจะหมด และคอยดูอาการหากไม่มีอาการผิดปกติสามารถกลับบ้านได้เลย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเหลากราม
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดกรามเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนให้น้อยลง โดยมีขั้นตอนการเตรียมตัวดังนี้
- ประเมินโครงสร้างกระดูกขากรรไกรกับศัลยแพทย์ เพื่อวางแผนการผ่าตัดเหลากรามที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ตรวจสุขภาพเพื่อเช็กความพร้อมของร่างกาย เพื่อให้ระหว่างทำ – หลังทำไม่มีอาการข้างเคียงที่อันตราย
- งดวิตามิน อาหารเสริม หรือกลุ่มยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เลือดไม่หยุดไหลระหว่างเหลากรามได้ จึงควรงดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลทำให้แผลหายช้า ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ควรงดประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ งดน้ำ และอาหารประมาณ เพื่อป้องกันการสำลัก น้ำท่วมปอดระหว่างทำศัลยกรรมกราม จึงควรงด 6 – 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดเหลากราม
สำหรับการดูแลหลังผ่าตัดเหลากรามเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ แผลหายไว ผลลัพธ์เข้าที่ไว ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยลง โดยดูแลตัวเองหลังทำได้ดังนี้
- ประคบเย็น ในช่วง 2 – 3 วันแรกหลังทำ หากมีอาการบวมแนะนำให้ประคบเย็นเพื่อช่วยให้อาการบวมยุบไวขึ้น
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ใช้แรงมากเกินไป เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนบริเวณกรามและแผลผ่าตัด
- รักษาความสะอาดของแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อควรดูแลแผลให้สะอาด และล้างแผลตามคำสั่งแพทย์
- งดเคี้ยวอาหารแข็ง อาหารเหนียว เพื่อไม่ให้กระทบกับกราม และแผลผ่าตัด ควรทานอาหารอ่อน อาหารนิ่ม ในช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรกหลังทำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ แผลหายไวมากขึ้น ในช่วงแรกหลังผ่าตัดประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จึงควรงดไปก่อน
- รับประทานยา และพบแพทย์ติดตามอาการ ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งที่แพทย์นัดเพื่อที่แพทย์จะประเมินผลลัพธ์ว่าออกมาดีหรือไม่
รอยแผลจากการเหลากรามอยู่ตรงไหน?
สำหรับรอยแผลเหลากรามนั้นจะแบ่งตามเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด ได้แก่ เทคนิคผ่าตัดแผลในปาก และ เทคนิคผ่าตัดแผลนอกปาก โดยมีรายละเอียดของแผลผ่าตัด ดังนี้
รอยแผลเหลากรามในช่องปาก
การผ่าตัดเหลากรามด้านในช่องปากแผลจะอยู่ที่บริเวณเหงือกหลังฟันกราม ทำให้ไม่มีรอยแผลที่มองเห็นจากภายนอก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น นอกจากนั้นยังไม่กระทบต่อเส้นประสาทกล้ามเนื้อบริเวณมุมปาก แต่ต้องใช้ประสบการณ์ของแพทย์ที่ค่อนข้างมาก เพราะเป็นการผ่าตัดในบริเวณแคบๆ รวมไปถึงต้องรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากแผลผ่าตัดต้องสัมผัสกับความชื้น น้ำลาย และเศษอาหาร อยู่ตลอดเวลา มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย รวมถึงอาการบวม และแผลหายช้ากว่าแผลภายนอก
รอยแผลเหลากรามนอกปาก
การผ่าตัดเหลากรามด้านนอกช่องปากจะเป็นการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณใต้มุมกรามโดยตรง ซึ่งมีข้อดีคือบวมน้อยกว่า หายไว แต่เสี่ยงที่จะกระทบเส้นประสาทกล้ามเนื้อมุมปาก นอกจากนั้นยังมีรอยแผลผ่าตัดที่ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ที่มุมกรามทั้ง 2 ข้าง หากแพทย์เย็บไม่ดี หรือคนไข้ดูแลแผลหลังทำไม่ดีอาจเกิดเป็นรอยแผลเป็น แผลนูนชัดได้
เปรียบเทียบการเหลากรามกับเทคนิคอื่น
เหลากรามเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปทรงและลดขนาดกรามได้อย่างเห็นผลชัดเจน หน้าละมุนเรียวสวยได้รูปทรงมากขึ้น โครงหน้าได้รูปวีเชฟ แต่ก็ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถช่วยปรับรูปหน้า เก็บกรอบหน้าชัดได้เช่นกัน โดยมีรายละเอียดและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
วิธี | เหมาะกับ | ผลลัพธ์ | ข้อดี | ข้อจำกัด |
ผ่าตัดเหลากราม | เหมาะกับการปรับโครงสร้าง และลดขนาดกระดูกกรามที่ใหญ่มากเกินไป | เห็นผลชัดเจน ถาวร | แก้ปัญหาได้ตรงจุด กรามเล็กลง หน้าเรียวขึ้น | หากดูแลไม่ดีอาจเกิดการติดเชื้อ นอกจากนั้นอาจเกิดปัญหากรามไม่สมดุล กรามไม่เท่ากัน หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ |
โบท็อกซ์กราม | เหมาะกับกล้ามเนื้อกรามใหญ่ | คงอยู่ได้ประมาณ 5 – 6 เดือน | ไม่ต้องผ่าตัด หน้าเรียวขึ้น เห็นผลเร็ว | ต้องฉีดซ้ำ ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกได้ |
HIFU / Ulthera | เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด | คงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี | ไม่ต้องผ่าตัด ผิวกระชับขึ้น | ต้องทำซ้ำ ไม่สามารถปรับโครงสร้างกระดูกได้ |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเหลากราม (FAQ)
สำหรับคนที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเหลากราม ในเนื้อหาต่อไปนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: เหลากรามกับฉีดโบท็อกซ์ลดกรามต่างกันอย่างไร?
A: การเหลากรามคือการผ่าตัดเข้าไปปรับแต่งโครงสร้างกระดูกให้ผลลัพธ์ถาวร ส่วนของโบท็อกซ์ลดกรามคือการฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อกรามชั่วคราว จึงทำให้กรามดูเล็กลงแต่ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน หากต้องการผลลัพธ์ให้อยู่นานขึ้นต้องกลับมาฉีดซ้ำ
Q: สามารถเหลากรามด้านเดียว ได้หรือไม่?
A: ในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินให้เหมาะกับปัญหา โครงสร้างหน้าของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยปกติแล้วจะเหลากรามทั้งสองข้างให้เท่ากัน
Q: หลังเหลากรามจะสามารถพูดหรือเคี้ยวอาหารได้ตามปกติเมื่อใด?
A: หลังผ่าตัดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มพูดและรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้เป็นปกติมากขึ้น แต่สำหรับการเคี้ยวอาหารแข็ง การพูดนานๆ หรือต้องอ้าปากกว้างควรหลีกเลี่ยงในช่วงเดือนแรก เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา
Q: จำเป็นต้องใส่สายระบายเลือดหรือไม่หลังผ่าตัดเหลากราม?
A: การผ่าตัดเหลากรามไม่มีการใส่สายเดรนเลือด เนื่องจากแพทย์จะใช้เทคนิคการผ่าตัดพิเศษที่ช่วยลดอาการบวม เจ็บน้อย ไม่ทำให้มีเลือดออกเยอะ
Q: หลังเหลากรามแล้ว หน้าเรียวเลยหรือไม่?
A: ผลลัพธ์จะยังไม่เห็นชัดทันทีหลังผ่าตัด เนื่องจากใบหน้าจะมีอาการบวมในช่วง 1–3 เดือนแรก โดยรูปหน้าจะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนประมาณ 3–6 เดือนขึ้นไป
Q: เหลากรามมีผลต่อเส้นประสาทหรือไม่?
A: การผ่าตัดเหลากรามโดยทั่วไปจะไม่เกิดปัญหากับเส้นประสาท หากทำโดยศัลยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพอ ใช้เทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เส้นประสาทเสียหายได้
Q: หากเคยจัดฟันมาก่อน จะสามารถผ่าตัดเหลากรามได้ไหม?
A: สามารถทำได้ โดยต้องแจ้งประวัติการจัดฟันให้ศัลยแพทย์ทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้
Q: เหลากรามกับตัดกรามต่างกันไหม
A: เหลากรามคือการกรอหรือขัดกระดูกกรามเพื่อลดเหลี่ยมและปรับรูปหน้า เหมาะกับกรามนูนเล็กน้อย ฟื้นตัวไว ส่วนตัดกรามคือการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระดูกทั้งชิ้น เหมาะกับกรามใหญ่ทั้งโครง เห็นผลชัดแต่พักฟื้นนานกว่า
สรุป
เหลากรามเป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ กรามเบี้ยว ทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ด้วยการผ่าตัดปรับรูปทรงและลดขนาดกระดูกกรามให้เล็กลง ใบหน้าเรียวสวย ละมุน วีเชฟซึ่งให้ผลลัพธ์ถาวร แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย สำหรับใครที่ต้องการปรับรูปหน้า ปรับกรามให้รับกับใบหน้ามากขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อเข้ามาประเมินกับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ค่ะ