สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาหัวล้าน ผมบาง ด้วยการปลูกผม FUE ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ไว้กวนใจหลังผ่าตัด แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคนี้คืออะไร ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง ระหว่างทำเจ็บไหม มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มีข้อ-ข้อเสียอย่างไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้
Key Takeaways
- ปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) คือการปลูกผมแบบเจาะเก็บรากผมทีละกราฟ ไม่ต้องตัดหนังศีรษะ จึงไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่
- การปลูกผม FUE เหมาะกับคนที่ผมบาง ผมร่วง หัวล้าน หรือแนวผมสูงเกินไป รวมถึงผู้ที่ไม่อยากพักฟื้นนาน
- เทคนิคการปลูกผม FUE แตกต่างจาก FUT และ DHI ทั้งในแง่การเจาะ การปลูก และการฟื้นตัว ตรงที่ เทคนิค FUT = ตัดหนังศีรษะ , เทคนิค DHI = ปากกา Implanter ฝังผมแบบไม่ต้องเปิดแผล
- ขั้นตอนการปลูกผม FUE ใช้เวลาเฉลี่ย 6–8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่ปลูก
- ผลลัพธ์หลังปลูกผม FUE เริ่มชัดเจน หลัง 6 เดือน ผมใหม่จะเริ่มงอก และอยู่ได้ถาวร
- หลังทำการปลูกผม FUE จะมีอาการ Shock Loss (ภาวะผมร่วงหลังปลูก) ชั่วคราว ผมร่วงแล้วงอกใหม่เป็นเรื่องปกติ
- ข้อดีของการปลูกผม FUE คือ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ทำร่วมกับ Long Hair ได้ ไม่ต้องโกนผม ส่วนข้อจำกัดคือใช้เวลานาน เจาะได้จำกัดกราฟต่อครั้ง ท้ายทอยอาจบางลงหากปลูกพื้นที่ใหญ่
- การปลูกผม FUE เหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่ต้องการแนวผมธรรมชาติ และไม่อยากมีรอยแผล
ปลูกผม FUE คืออะไร? แตกต่างจากเทคนิค FUT / DHI อย่างไร?
เทคนิคปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) คือ ศัลยกรรม ปลูกผม ถาวร ด้วยการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะด้วยเครื่องมือพิเศษที่สามารถเจาะเก็บรากผมด้วยรอยแผลเพียง 0.8 – 1.2 มม. เพื่อนำไปปลูกในตำแหน่งที่ต้องการ โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแทบใหญ่เหมือนเทคนิคปลูกผมแบบเก่า จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เอาไว้ เหลือเพียงรอยแผลขนาดเล็กซึ่งถูกผมบดบังได้อย่างมิดชิด พักฟื้นน้อย แผลหายไว ซึ่งมีความแตกต่างจากเทคนิคอื่น ๆ ดังนี้
เทคนิคการปลูกผม FUE VS เทคนิคปลูกผม FUT
เทคนิคปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นวิธีปลูกผมแบบดั้งเดิม โดยแพทย์จะทำการตัดแถบหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยซึ่งมีรากผมที่แข็งแรงออกมา หลังจากแพทย์จะแยกเอากราฟผมที่มีความสมบูรณ์ย้ายไปปลูกในแนวผมที่ออกแบบไว้ วิธีการนี้สามารถย้ายเซลล์รากผมจำนวนมากได้ในครั้งเดียว แต่ทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาวขนาดใหญ่เอาไว้หลังการผ่าตัด นอกจากนั้นยังใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างนาน
เทคนิคการปลูกผม FUE VS เทคนิคปลูกผม DHI
เทคนิคปลูกผม DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคการปลูกผมแบบไม่ต้องผ่าตัด เน้นความละเอียด ให้ผลลัพธ์ผมที่มีความหนาแน่น ด้วยเครื่องมือพิเศษ Implanter Pen ปากกาปลูกผมที่จะเจาะเก็บเอารากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะออกมาแล้วฝังรากผมลงไปที่หนังศีรษะโดยตรง ไม่ต้องเปิดแผล ไม่ต้องเจาะรูไว้ล่วงหน้า มีความแม่นยำ สามารถควบคุมทิศทางและความลึกได้ดี ลดอาการบาดเจ็บ บวมช้ำน้อย แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
ขั้นตอนการปลูกผม FUE
สำหรับขั้นตอนการปลูกผม FUE มีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกับวิธีการปลูกผมถาวรแบบอื่น แต่จะต่างกันที่เทคนิคในการเจาะเก็บกราฟผม โดยมีรายละเอียดขั้นตอนการทำดังนี้
- แพทย์ประเมินปัญหา ออกแบบทิศทางของแนวผมให้รับกับใบหน้าและความต้องการของคนไข้ เพื่อกำหนดตำแหน่งที่จะปลูกผมให้เหมาะสม
- อาจมีการโกนผมในตำแหน่งที่จะเจาะเก็บกราฟผมให้สั้นลง ในกรณีของคนไข้ที่ไม่อยากโกนผมสามารถเลือกทำเทคนิค ปลูกผมแบบ Long Hair ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่จำเป็นต้องโกนผมสามารถเจาะเก็บรากผมได้เลย
- แพทย์ฉีดยาชาในตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัดปลูกผม หรืออาจใช้ยานอนหลับแบบอ่อน เพื่อลดความเจ็บ ช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น
- เมื่อยาชาหรือยานอนหลับออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มเก็บรากผมบริเวณท้ายทอย นำมาคัดแยกเอากราฟผมที่มีความสมบูรณ์เพื่อย้ายไปปลูกในตำแหน่งที่กำหนดไว้ทีละกราฟ โดยระยะเวลาในการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้จะอยู่ที่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ที่ใช้ ความซับซ้อนของปัญหา สภาพผมและหนังศีรษะของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ปลูกผม FUE เหมาะกับใคร?
ปลูกผม FUE เป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ จึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลหรือเห็นผลน้อย เช่น กินยา, ฉีดกระตุ้นเซลล์รากผม, ฉีดสเต็มเซลล์ผม หรือใช้เลเซอร์ปลูกผม เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาศีรษะล้าน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีรากผมให้กระตุ้นด้วยวิธีการอื่น
- เหมาะกับคนที่มีหน้าผากกว้าง แนวผมอยู่สูงกว่าปกติ แนวผมถอยร่นขึ้นไปจนทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผมบาง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ ด้านหน้า หรือขมับที่เริ่มเห็นหนังศีรษะชัดเจน
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากพักฟื้นนาน คนที่ไม่อยากมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่
- เหมาะกับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ของแนวผมที่เป็นธรรมชาติต้องการแนวผมที่ได้ดูเรียงตัวสมจริง ไม่แข็ง ไม่ดูเป็นแนวปลูกแบบปลอม ๆ จัดทรงผมได้หลากหลายแบบ
ข้อดี-ข้อจำกัดของการปลูกผม FUE
การปลูกผม FUE มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรทราบไว้เบื้องต้นก่อนจัดสินใจทำ เพื่อให้คนไข้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่ตอบโจทย์และความต้องการได้มากที่สุด
ข้อดีของการปลูกผมแบบ FUE
- เจ็บน้อย แผลเล็กหายไว ฟื้นตัวเร็ว ให้ผลลัพธ์ออกมาดีเป็นธรรมชาติ สามารถเปลี่ยนทรงได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
- เครื่องมือในการเจาะเก็บรากผมมีความแม่นยำ รวดเร็ว ช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อให้น้อยลง
- สามารถทำร่วมกับเทคนิค Long Hair ซึ่งไม่ต้องโกนผม สามารถย้ายรากผมที่มีความยาวตามเดิมของคนไข้มาปลูกได้เลย ช่วยให้เห็นทิศทางของไรผมที่ชัดเจน
- กลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ไวกว่าเทคนิคแบบเก่าที่ต้องตัดแถบหนังศีรษะออกมาเป็นแนวยาว
- สามารถทำร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เช่น PRP, สเต็มเซลล์, LLLT เป็นต้น เพื่อช่วยกระตุ้นรากผมและเสริมประสิทธิภาพให้รากผมแข็งแรงยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของการปลูกผมแบบ FUE
- ไม่สามารถย้ายรากผมจำนวนมากในครั้งเดียวได้
- อาจทำให้ผมบริเวณท้ายทอยบางลงเนื่องจากต้องเจาะเอารากผมออกมา ในกรณีของคนที่มีปัญหาผมบางบริเวณท้ายทอยอาจจะยิ่งทำให้บางลงไปอีก
- รากผมอาจเกิดความเสียหายจากการเจาะได้บ้างในบางกรณี ซึ่งอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่ค่อยน่าพึงพอใจ
- หากในตำแหน่งที่ต้องการปลูกผมมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง อาจทำให้ผมบริเวณท้ายทอยบางลงหรือรากผมไม่เพียงพอต่อการปลูกได้
- ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน เพราะเป็นการเจาะเก็บรากผมและนำไปปลูกทีละกราฟ ยิ่งจำนวนรากผมที่ต้องใช้มีจำนวนเยอะ ยิ่งต้องใช้เวลานานขึ้น
เตรียมตัวก่อนปลูกผม FUE
เพื่อให้การปลูกผม FUE ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และผลลัพธ์ออกมาดีตามที่ต้องการ ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการดังนี้
- หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้งก่อนรับบริการ
- งดใช้ยาปลูกผมหรือสารกระตุ้นรากผมก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 สัปดาห์
- งดยา อาหารเสริม หรือวิตามิน ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนทำประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ประมาณ 3 – 5 วันก่อนปลูกผม
- หากต้องการทำสีผมแนะนำให้ทำหลังจากปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 เดือน หรือก่อนปลูกผมประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ เพราะสารเคมีที่ใช้ย้อมผมจะส่งผลกระทบทำให้ผลลัพธ์ลดลงหรือเกิดปัญหาตามมาได้
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น ก่อนเข้ารับบริการปลูกผม
- ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ถอดง่าย เพื่อป้องกันการเสียดสีหรือกระทบกับบริเวณหนังศีรษะ
- แนะนำให้มีผู้ติดตามมาด้วยเพื่อพากลับบ้าน ในกรณีของคนที่ต้องการให้แพทย์ใช้ยานอนหลับแบบอ่อนเพื่อบรรเทาความเจ็บและลดความกลัวให้น้อยลง
ปลูกผม FUE เจ็บไหม? พักฟื้นกี่วัน?
สำหรับคนที่กังวลเรื่องความเจ็บระหว่างปลูกผม FUE สามารถสบายใจได้ เพราะเทคนิคนี้ แพทย์จะมีการใช้ยาชา ช่วยให้คนไข้ไม่เจ็บ หรือในรายที่กังวลมาก ๆ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยานอนหลับแบบอ่อน เพื่อให้คนไข้ผ่อนคลายมากขึ้นได้ โดยระยะเวลาในการพักฟื้นหลังทำจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 วัน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูของร่างกายแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ควรระวังการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะซึ่งอาจทำให้รากผมหลุดได้ในช่วงแรกที่ยังไม่เข้าที่
ปลูกผม FUE กี่วันเห็นผล? ผลลัพธ์อยู่นานไหม?
ปลูกผม FUE ในช่วงประมาณ 2 – 3 เดือน อาจเกิดอาการ Shock Loss มีผมร่วงเกิดขึ้นได้ แต่เป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ เป็นการผลัดผมเก่าออกและกำลังงอกผมใหม่ขึ้นมาแทนที่ โดยจะเริ่มสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมที่งอกขึ้นมาใหม่ประมาณเดือนที่ 6 ไปจนถึง 1 ปี หลังปลูกผม (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
วิธีดูแลหลังปลูกผม FUE
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การปลูกผม FUE ออกมาดี ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา หลังทำควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถปฏิบัติตัวได้ดังนี้
- ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ ควรปิดผ้าพันแผลเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเสียดสีหรือการสัมผัสบริเวณที่ปลูกผม
- งดเกา ถู ขัด ขยี้ หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ปลูกผมในช่วงแรกที่รากผมยังไม่ติด เพราะจะทำให้ผมหลุดร่วงและไม่งอกขึ้นมาใหม่
- หลังทำประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถสระผมได้ โดยใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนตามที่แพทย์แนะนำด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรเปิดน้ำแรง ๆ เพราะจะทำให้รากผมหลุดได้ หลังจากนั้นควรซับเบา ๆ โดยไม่ขยี้และไม่ใช้ลมร้อนในการเป่าผม
- ในช่วงแรกหลังทำควรนอนหงายหรือนอนตะแคงเพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณที่ปลูกผมเกิดการเสียดสีหรือกระทบกระเทือน ในกรณีที่นอนหงายแนะนำให้ใช้หมอนรองคอเพื่อป้องกันแผลกดทับบริเวณท้ายทอย
- งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อออก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- หลีกเลี่ยงแสงแดดแรง ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์หลังปลูกผม
เทคนิคปลูกผม FUE ราคาเท่าไหร่?
ราคาของการปลูกผม FUE มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ จำนวนกราฟผมที่ปลูก ความซับซ้อนของปัญหา ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 200,000 บาท
คำถามที่พบบ่อย FAQ เกี่ยวกับการปลูกผม FUE
ในเนื้อหาต่อไปนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผม FUE เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกทำและช่วยไขข้อสงสัยให้กระจ่างมากขึ้น
Q : หลังปลูกผม FUE ต้องหยุดงานไหม?
A : สำหรับคนที่ปลูกผมแบบ FUE ไปแล้ว แนะนำให้พักฟื้นประมาณ 2 – 3 วัน หลังจากนั้นสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานที่ที่จะทำให้มีเหงื่อออกและเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะในช่วงแรก
Q : หลังปลูกผม ผมจะร่วงอีกไหม?
A : อาการผมร่วมสามารถเกิดขึ้น เรียกว่าอาการ Shock Loss ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในช่วง 2 – 3 เดือนแรกหลังทำ โดยจะเป็นการผลัดรากผมเก่าออกและงอกผมใหม่ขึ้นมาแทนที่อย่างถาวร เป็นวงจรชีวิตปกติของเส้นผม ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
Q : ผมที่ปลูกใหม่อยู่ได้นานแค่ไหน?
A : เส้นผมที่นำมาปลูกใหม่นั้นสามารถอยู่ได้ถาวร เนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งไม่ไวต่อฮอร์โมนที่เป็นต้นเหตุของผมร่วง
Q : ต้องปลูกผมกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
A : โดยปกติการปลูกผมเพียงครั้งเดียวก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้เลย แต่ในกรณีของคนที่มีปัญหาค่อนข้างเยอะ มีพื้นที่ที่ต้องปลูกกว้างมาก แพทย์อาจจะพิจารณาให้กลับมาปลูกเพิ่มอีกครั้ง
Q : ปลูกผม FUE เหมาะกับผู้หญิงไหม?
A : เทคนิคปลูกผมถาวรแบบ FUE สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจากไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ หายไว จะรวบผมหรือตัดผมสั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น สามารถช่วยปรับแนวไรผมให้มีความเป็นธรรมชาติได้ นอกจากนั้นยังสามารถทำควบคู่ไปกับเทคนิคปลูกผม Long Hair ซึ่งไม่จำเป็นต้องโกนผม สามารถปลูกผมที่มีความยาวเดิมของคนไข้ได้เลย เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) ช่วยให้เห็นทิศทางของไรผมที่ชัดเจน สามารถจัดทรงสวยได้ตามต้องการ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องใช้ผมออกงานเป็นประจำ
Q : ปลูกแล้วจะกลับมาหัวล้านอีกไหม?
A : เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยจะไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นต้นเหตุของ ผมร่วง จึงทำให้ตำแหน่งที่ปลูกผมไปแล้วจะไม่เกิดปัญหาผมร่วงหรือหัวล้านซ้ำอีก
Q : หลังปลูกผมสามารถออกแดดหรือสระผมได้เมื่อไหร่?
A : สามารถสระผมได้ในช่วง 1 สัปดาห์หลังปลูกผม ด้วยน้ำอุณหภูมิปกติและใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน โดยไม่ถู ขยี้ ถู หรือสัมผัสแรง ๆ ควรทำอย่างเบามือที่สุด นอกจากนั้นควรงดออกแดดประมาณ 2 สัปดาห์
สรุป
เทคนิคปลูกผม FUE อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาหัวล้าน ผมบาง ผมร่วง ได้อย่างเห็นผล ด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะเก็บรากผมทีละกราฟแล้วย้ายมาปลูกในตำแหน่งที่กำหนดไว้ แผลขนาดเล็กไม่เกิน 1.2 มม. จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถทำทรงผมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ พักฟื้นน้อย แผลหายไว กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติในระยะเวลาอันสั้น สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล