Key Takeaways
- ปลูกผม FUT สามารถย้ายกราฟผมจำนวนมากได้ในครั้งเดียว แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างได้ดี
- การปลูกผม FUT ให้ผลลัพธ์ถาวร สามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้หลังทำตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไป
- ข้อดีของการปลูกผม FUT สามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ที่เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ได้
- เนื่องจากมีการตัดแถบหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยจึงทำให้เกิดรอยแผลเป็นยาวและต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าเทคนิค FUE
เทคนิคปลูกผม FUT เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาของคนที่มีอาการผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน ให้กลับมาผมหนาดกดำแบบถาวร เพราะสามารถส่งผลกระทบกับความมั่นใจและบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับหนังศีรษะและเส้นผมนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจเทคนิคการปลูกผม ในรูปแบบ FUT ให้มากขึ้น รวมไปถึงรู้ที่มาที่ไปของปัญหาจะได้หาทางป้องกันและแก้ไขได้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคนี้คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง หลังทำต้องดูแลอย่างไรบ้าง มีผลข้างเคียงไหม สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Plastic Surgery
ปลูกผม FUT คืออะไร?
ปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation) คือ เทคนิคปลูกผมแบบดั้งเดิมที่ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านได้อย่างถาวร ด้วยการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในตำแหน่งที่ต้องการแก้ปัญหา โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาแถบหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมา ซึ่งเซลล์รากผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ที่มีผลทำให้เกิดปัญหารากผมอ่อนแอหลุดร่วงกลายเป็นปัญหาศีรษะล้าน
ข้อดีของการปลูกผม FUT
การปลูกผม FUT มีข้อดีด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาเกี่ยวกับผมบาง ศีรษะล้านได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อดีดังต่อไปนี้
- สามารถย้ายรากผมจำนวนมากได้ในครั้งเดียว
- กราฟผมมีคุณภาพดีเนื่องจากยังคงมีเนื้อเยื่อและไขมันห่อหุ้มรอบรากผมอยู่
- ใช้เวลาน้อยกว่าการเจาะเก็บรากผมทีละกราฟ
- บริเวณท้ายทอยผมจะไม่ดูบางลง
ข้อจำกัดของการปลูกผม FUT
สำหรับเทคนิคปลูกผม FUT เป็นเทคนิคแบบเก่าที่ใช้กันมานาน แม้จะมีข้อดีที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเห็นผล แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- หลังผ่าตัดจะมีรอยแผลเป็นยาวอยู่บริเวณท้ายทอย ในตำแหน่งที่ตัดหนังศีรษะออกมาเพื่อเก็บกราฟผมไปปลูก
- หากคนไข้ไว้ผมสั้นมาก ๆ หรือโกนหัว เป็นเห็นรอยแผลเป็นชัดเจน อาจจะต้องไว้ผมให้มีความเพียงพอที่จะปิดรอยแผลเป็นได้
- ในกรณีของคนที่มีหนังศีรษะค่อนข้างตึง ผิวไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร อาจทำให้รอยเย็บบริเวณท้ายทอยตึงเกินไปจนแผลปริแตกได้ง่าย แพทย์อาจจะพิจารณาวิธีการปลูกผมแบบอื่น
- คนที่มีประวัติเป็นคีลอยด์หรือเป็นแผลเป็นนูนได้ง่าย ไม่เหมาะกับการทำเทคนิคนี้เพราะอาจเกิดปัญหาตามมา
- พักฟื้นค่อนข้างนาน ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
ปลูกผม FUT เหมาะกับใคร?
สำหรับการปลูกผมแบบ FUT สามารถช่วยแก้ปัญหาหัวล้าน ผมบาง ได้อย่างเห็นผล จึงเป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนที่มีความต้องการและมีปัญหาดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาศีรษะล้านเป็นวงกว้างหรือต้องการปรับแนวผมด้านหน้าให้เพิ่มมากขึ้น
- เหมาะกับคนที่ต้องการย้ายรากผมจำนวนมากในครั้งเดียว
- เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหาแบบถาวร
- เหมาะกับคนที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผลหรือเห็นผลน้อย
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ซึ่งเกิดจากรากผมเสื่อมสภาพ
- เหมาะกับคนที่สามารถไว้ผมยาวเพื่อปิดรอยแผลผ่าตัดบริเวณท้ายทอยได้
เปรียบเทียบการปลูกผม FUT กับ ปลูกผม FUE
สำหรับใครที่มีความสงสัยว่าปลูกผม FUT และ ปลูกผมแบบ FUE แตกต่างกันอย่างไร ในเนื้อหาต่อไปนี้เราจะมาสรุปความแตกต่างแบบเข้าใจง่าย ๆ ไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
เทคนิคปลูกผมแบบ FUT
สำหรับเทคนิคการปลูกผมแบบ FUT เป็นเทคนิคการปลูกผมดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน ด้วยการตัดแถบหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาประมาณ 10 – 15 ซม. ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและจำนวนกราฟผมที่ต้องใช้ ทำให้สามารถย้ายกราฟผมจำนวนมากได้ในครั้งเดียว แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงกว้างได้ดี แต่จะทิ้งรอยแผลเป็นยาวบริเวณท้ายทอย หากใครที่ไว้ผมสั้นมากเกินไปหรือโกนผมอาจทำให้เห็นรอยแผลเป็นชัดเจน ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานประมมาณ 1 – 2 สัปดาห์ มีขั้นตอนในการดูแลแผลผ่าตัดเพิ่มมากขึ้น
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
เทคนิคการ ปลูกผม FUE เป็นเทคนิคใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ไม่ต้องการมีรอยแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ ด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะเก็บรากผมบริเวณท้ายทอยแบบกราฟต่อกราฟ ทำให้เกิดรอยแผลขนาดเล็กประมาณ 1 มม. เจ็บน้อยกว่า ไม่ต้องเย็บแผล ไม่ต้องพักฟื้น แต่ไม่สามารถย้ายรากผมจำนวนมากในครั้งเดียว อาจจะต้องใช้ระยะเวลาปลูกผมที่นานกว่า แต่ได้ความละเอียดและผลลัพธ์ที่คุ้มค่า สามารถไว้ผมทรงไหนก็ได้ตามความต้องการ แม้ตัดผมสั้นก็มองรอยแผลแทบไม่เห็น แต่วิธีการนี้อาจทำให้ผมบริเวณท้ายทอยแลดูบางลงได้บ้าง
ตารางสรุปเปรียบเทียบการปลูกผม FUT กับ FUE
หัวข้อเปรียบเทียบ |
FUT (Follicular Unit Transplantation) |
FUE (Follicular Unit Extraction) |
วิธีการเก็บรากผม | ผ่าตัดตัดแถบหนังศีรษะจากท้ายทอยเพื่อแยกรากผมออกมา | เจาะรากผมแบบกราฟต่อกราฟด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก |
รอยแผลหลังทำ | มีรอยแผลยาวบริเวณท้ายทอย (ต้องเย็บแผล) | มีรอยแผลจุดเล็ก ๆ ไม่ต้องเย็บแผล |
จำนวนกราฟผมที่เก็บได้ | เก็บได้ครั้งละมาก เหมาะกับเคสที่ต้องการปลูกผมจำนวนมาก | เก็บได้จำกัดในแต่ละครั้ง (เหมาะกับปลูกไม่มากหรือค่อย ๆ ทำ) |
ระยะเวลาพักฟื้น | 1 – 2 สัปดาห์ (แผลหายช้ากว่า) | 2 – 5 วัน (แผลเล็ก ฟื้นตัวไว) |
ความเหมาะสมของผู้รับบริการ | คนที่ศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง ต้องการปลูกมากในครั้งเดียว | คนที่ต้องการไม่มีรอยแผลใหญ่ หรือผมสั้น / โกนผม |
ผลข้างเคียงเรื่องรอยแผลเป็น | อาจเกิดแผลเป็นยาว หากผิวหนังตึง หรือเป็นคีลอยด์ได้ง่าย | รอยแผลจุดเล็กจางลงได้ไว มองไม่เห็นเมื่อผมขึ้น |
ทรงผมหลังทำ | ต้องไว้ผมยาวเพื่อปิดรอยแผลที่ท้ายทอย | ไว้ผมสั้นหรือโกนศีรษะได้ตามต้องการ |
ความเจ็บและการดูแลแผล | เจ็บมากกว่า ต้องดูแลแผลผ่าตัด | เจ็บน้อยกว่า แผลเล็ก ดูแลง่าย |
ระยะเวลาการทำ | เร็วกว่าการเจาะเก็บแบบ FUE | ใช้เวลานานกว่าเนื่องจากเจาะทีละกราฟ |
ราคาโดยประมาณ | มักมีราคาถูกกว่า FUE ต่อจำนวนกราฟ | ราคาสูงกว่า (เพราะใช้เวลานานและเทคนิคละเอียด) |
คำแนะนำ FUT เหมาะกับคนที่ต้องการย้ายกราฟผมจำนวนมากในครั้งเดียว และสามารถรับกับรอยแผลเป็นได้ ส่วน FUE เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ดูธรรมชาติ ไม่มีแผลเป็นยาว แม้ต้องปลูกผมน้อยกว่าต่อครั้ง
ขั้นตอนการปลูกผม FUT
สำหรับขั้นตอนในการปลูกผม FUT หลัก ๆ แล้วจะคล้ายกับการปลูกผมแบบอื่น แต่ต่างกันที่เทคนิคในการผ่าตัดที่แพทย์ใช้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- พบแพทย์เพื่อรับการประเมิน วางแผนการรักษา กำหนดจุดที่จะตัดเอารากผมออกมา กำหนดจุดที่จะนำรากผมไปปลูก และคำนวนจำนวนกราฟผมที่จะต้องใช้ โดยแพทย์จะออกแบบแนวผมตามความต้องการของคนไข้ควบคู่ไปกับความเหมาะสมของใบหน้าแต่ละคน
- เมื่อคนไข้พร้อมแล้วจะมีการโกนผมให้สั้นลงและฉีดยาชาเฉพาะจุดในตำแหน่งที่ต้องการตัดเอาเซลล์รากผมออกมา
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะตัดเอาหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยในตำแหน่งที่มีรากผมแข็งแรงประมาณ 10 – 15 ซม. ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินตามระดับปัญหาและจำนวนกราฟผมที่ต้องใช้ และเย็บแผลปิดไว้
- หลังจากนั้นจะทำการคัดแยกเซลล์รากผมที่สมบูรณ์เพื่อนำไปปลูกในตำแหน่งที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
- แพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณด้านหน้าในตำแหน่งที่กำหนดไว้สำหรับปลูกผมและเจาะรูเพื่อนำรากผมลงไปปลูกทีละกราฟ หลังทำเสร็จคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย
ปลูกผม FUT ผลลัพธ์คงอยู่ถาวรไหม?
เทคนิคปลูกผม FUT ให้ผลลัพธ์ที่ดีและคงอยู่ถาวร เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยที่ย้ายมาปลูกนั้น ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดผลร่วง ผมบาง หัวล้าน แต่ในช่วงแรกของการปลูกผมอาจเกิดอาการ Shock Loss ซึ่งจะมีผมบางส่วนหลุดร่วงไป แต่จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ประมาณ 3 – 6 เดือน
การดูแลตัวเองหลังปลูกผม FUT
หลังปลูกผม FUT ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไว แผลหายเร็ว ไม่กระทบต่อผมที่ปลูกใหม่ โดยสามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ดังนี้
- ในช่วงแรกหลังทำ ห้ามแกะผ้าพันแผลออกจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง
- งดแกะ เกา ขยี้ สัมผัส หรือการเสียดสีบริเวณที่ปลูกผม เพราะอาจทำให้รากผมยังไม่เข้าที่เกิดการหลุดร่วงได้และยังมีโอกาสทำให้ติดเชื้อมากขึ้น สำหรับสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้นควรปล่อยให้หลุดไปเอง
- งดนอนคว่ำ แต่ควรนอนหงายหรือนอนตะแคงในช่วงแรกหลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณที่ปลูกผมถูกกระทบกระเทือน ในกรณีที่นอนหงายควรหาหมอนรองคอเพื่อไม่ให้แผลท้ายทอยถูกกดทับ จนกว่าจะหายดี
- หลังผ่านไปแล้วประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น มูส เจล เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ปลูกผมและแผลผ่าตัดบริเวณท้ายทอย
- ในช่วงแรกควรยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม ความดันบริเวณแผลผ่าตัดน้อยลง ช่วยให้เจ็บน้อยลงได้
- งดกิจกรรมที่ออกแรงเยอะ งดยกของหนัก หรือก้มหยิบของ ในช่วงแรก เพราะจะทำให้เกิดความดันเพิ่มขึ้นบริเวณแผล ทำให้เกิดอาการบวมหรือมีเลือดออกได้มากขึ้น อาจส่งผลทำให้กราฟผมหลุดได้
- แนะนำให้สระผมทุกวัน วันละหนึ่งครั้งด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ เพื่อทำความสะอาดแผลในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ โดยทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะมีการสอนวิธีสระผมให้กับคนไข้เพื่อนำกลับไปปฏิบัติเองที่บ้าน
- สามารถทำเลเซอร์สำหรับกระตุ้นรากผม ลดอาการอักเสบ ช่วยให้สมานแผลไว ที่คลินิกได้
- งดออกกำลังกายหรือว่ายน้ำ ในช่วงแรกหลังทำ เพราะน้ำจากสระว่ายน้ำหรือเหงื่อสามารถเพิ่มโอกาสติดเชื้อให้มากขึ้นได้
- งดกิจกรรมกลางแจ้งหรือการโดนแดดจัด หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านแนะนำให้สวมหมวกหรือผ้าคลุมที่ไม่รัดแน่นเกินไปเพื่อช่วยปกป้องกราฟผมที่ปลูกใหม่ได้
ดูแลแผลเป็นจากการปลูกผม FUT อย่างไรให้จางเร็ว?
เพื่อให้รอยแผลเป็นจากการปลูกผม FUT ลดขนาดเล็กลงหรือจางลงไปให้ได้มากที่สุด หลังผ่าตัดควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้แผลเกิดการอักเสบติดเชื้อหรือได้รับการกระทบกระเทือน โดยสามารถทายาลดรอยแผลเป็นร่วมด้วยได้
ปลูกผม FUT ราคาเท่าไร?
ราคาในการปลูกผม FUT จะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคที่ใช้ จำนวนกราฟผมที่ต้องปลูก ระดับปัญหาของคนไข้ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 150,000 บาท
ปลูกผม FUT ยังได้รับความนิยมไหมในปัจจุบัน?
สำหรับความนิยมในเทคนิคปลูกผม FUT ยังคงมีการใช้งานในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถย้ายกราฟผมจำนวนมากในครั้งเดียว สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างมาก ๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นอีกทางเลือกของคนที่มีปัญหาค่อนข้างรุนแรง พร้อมรับในเรื่องของรอยแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นหลังทำได้ จึงยังเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเลือกใช้จากคนไข้และแพทย์ ตามความเหมาะสมในแต่ละรายบุคคล
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ปลูกผม FUT
สำหรับคนที่มีความสงสัยเกี่ยวกับการปลูกผม FUT ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเอาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Q: ปลูกผม FUT ต้องงดออกกำลังกายนานแค่ไหน?
A: สำหรับคนที่ปลูกผมมาแล้วอยากออกกำลังกายแนะนำให้รอผ่านไปประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายดีและรากผมเริ่มเข้าที่ ป้องกันผลข้างเคียงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
Q: ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนปลูกผม FUT?
A: แนะนำให้งดอาหารเสริม วิตามิน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนปลูกผมทุกครั้ง
Q: รากผมที่ปลูกจะขึ้นครบกี่เปอร์เซ็นต์?
A: หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคได้ถูกต้องเหมาะสม และการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ อัตราความสำเร็จของรากผมที่งอกขึ้นใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 90 – 95 % และผลลัพธ์จะเข้าที่ชัดเจนในช่วง 6 – 12 เดือน
Q: ผมที่ปลูกแล้วสามารถตัดหรือทำสีได้หรือไม่?
A: ผมที่ปลูกไปแล้วสามารถตัด ดัด ทำสี ได้ตามต้องการ แต่แนะนำว่าควรรอประมาณ 2 – 3 เดือนขึ้นไป เพื่อให้รากผมเข้าที่สมบูรณ์ดี เพราะสารเคมีอาจทำให้หนังศีรษะและรากผมได้รับการกระทบกระเทือนได้
Q: FUT ทำได้เฉพาะผู้ชายหรือไม่?
A: สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ขึ้นอยู่กับระดับปัญหา ความเหมาะสม และความต้องการของคนไข้ โดยแพทย์จะช่วยประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด
Q: FUT เหมาะกับคนที่ผมร่วงจากกรรมพันธุ์หรือไม่?
A: เทคนิคนี้เหมาะกับการแก้ปัญหาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ เพราะรากผมบริเวณท้ายทอยที่ย้ายมาเป็นรากผมที่ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีและถาวร
Q: ผมที่ขึ้นจาก FUT ดูเป็นธรรมชาติหรือไม่?
A: ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ที่จะออกแบบแนวผมให้รับกับใบหน้าคนไข้ รวมไปถึงการจัดเรียงกราฟผมเพื่อให้ได้ทิศทางของแนวผมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
Q: FUT สามารถปลูกผมคิ้ว หนวด หรือเคราได้ไหม?
A: เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก ใช้กราฟผมที่น้อยกว่าการปลูกผม แพทย์จึงมักจะเลือกใช้เทคนิค FUE มากกว่า เพราะมีความละเอียดและแม่นยำสูง ไม่ทิ้งรอยแผลผ่าตัดเอาไว้บริเวณท้ายทอย
Q: ทางเลือกอื่นนอกจากการปลูกผม FUT อย่างการฉีดสเต็มเซลล์ผมช่วยได้แค่ไหน?
A: แม้การปลูกผมจะเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวร แต่ก็มีบางกรณีที่ยังไม่จำเป็นต้องถึงขั้นผ่าตัด เช่น คนที่มีปัญหาผมร่วงผมบางในระยะแรกเริ่ม ซึ่งสามารถใช้วิธี ฉีดสเต็มเซลล์ผม เพื่อชะลออาการและกระตุ้นให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงแผลหรือพักฟื้นน้อย แต่วิธีนี้ให้ผลในระดับการฟื้นฟู ไม่สามารถแทนการปลูกผมในเคสที่มีศีรษะล้านวงกว้างได้ทั้งหมด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่ารากผมยังฟื้นได้หรือไม่ก่อนตัดสินใจ
สรุป
เทคนิคปลูกผม FUT เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาศีรษะล้าน ผมบาง ผมร่วง ได้อย่างเห็นผล สามารถย้ายกราฟผมได้มากในครั้งเดียว เหมาะกับคนที่เกิดปัญหาเป็นบริเวณกว้างต้องใช้กราฟผมค่อนข้างเยอะ ซึ่งเทคนิคจะต้องมีการตัดแถบหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยยาวประมาณ 10 – 15 ซม. ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและจำนวนกราฟผมที่ต้องใช้ จึงทำให้เกิดรอยแผลเป็นยาวเอาไว้ด้านหลังศีรษะ หากตัดผมสั้นมากหรือโกนผมจะเห็นรอยแผลชัดเจน สำหรับใครที่ต้องการปลูกผม ต้องการแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ผมบาง ผมร่วง แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด