Key Takeaways
- การทำปากกระจับแบบผ่าตัด เป็นการศัลยกรรมตกแต่งริมฝีปากเพื่อปรับรูปทรงให้ดูชัดเจน ละมุนสวย และรับกับใบหน้ามากขึ้น โดยให้ผลลัพธ์ถาวร
- ศัลยกรรมปากกระจับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากหนา ทรงปากเดิมไม่ชัดเจน และต้องการเปลี่ยนลุคให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
- หลังศัลยกรรมปากกระจับ ต้องดูแลแผลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เช่น งดลิปสติก งดอาหารรสจัด และต้องทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันอาการอักเสบติดเชื้อ
- เมื่อปากกระจับแล้วมีความเสี่ยงที่อาจเกิด แผลหดรั้ง แผลเป็นไต หรือผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์และดูแลตัวเองหลังทำได้ไม่ดีพอ
- หากเคยฉีดฟิลเลอร์ปากมาก่อน สามารถทำปากกระจับแบบผ่าตัดได้ แต่ต้องให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ปากกระจับแบบผ่าตัด ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการปรับรูปทรงปากที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถช่วยริมฝีปากได้ทรงสวย ดูมีมิติ รับกับใบหน้ามากขึ้น เปลี่ยนลุคให้ดูละมุนมีเสน่ห์มากขึ้น สำหรับใครที่กำลังสนใจวิธีการนี้แต่ยังมีข้อสงสัยอื่น ๆ เช่น เจ็บไหม พักฟื้นนานแค่ไหน ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม เหมาะกับใคร ต่างจากวิธีทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดอย่างไร สามารถอ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Plastic Surgery ได้เลย
ปากกระจับแบบผ่าตัด คืออะไร?
ปากกระจับแบบผ่าตัด คือ ศัลยกรรมตกแต่งริมฝีปากที่เน้นปรับทรงปากให้ดูคมชัด มีความละมุนปากได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น โดยแพทย์จะทำการตัดแต่งบริเวณริมฝีปากบนและล่าง เพื่อสร้างความโค้งเว้าคล้ายรอยหยักของผลกระจับ และในต่างประเทศรูปทรงริมฝีปากแบบนี้จะเรียกว่า Cupid’s bow เพราะริมฝีปากด้านบนจะมีลักษณะคล้ายคันธนูของกามเทพ ซึ่งริมฝีปากบนจะถูกออกแบบให้มีความโค้งแหลมเป็นรูปตัว M หรือที่หลายคนเรียกว่าทรงปีกนก ทำให้ริมฝีปากบนดูมีกระจับและมีส่วนโค้งที่ชัดเจน ส่วนริมฝีปากล่างโดยทั่วไปจะดูอวบอิ่มและรับกับริมฝีปากบน ทำให้ใบหน้าดูน่ารักและเซ็กซี่ ส่วนริมฝีปากล่างอาจทำให้บางลงหรือปรับทรงให้รับกับด้านบนอย่างพอดี การผ่าตัดนี้ช่วยแก้ปัญหาปากหนา สัดส่วนปากไม่สมดุล หรือทรงปากไม่ชัดเจน เป็นต้น ผลลัพธ์ชัดเจนคงอยู่ถาวร
ศัลยกรรมปากกระจับเหมาะกับใคร และ ไม่เหมาะกับใคร?
การทำศัลยกรรมปากกระจับ สามารถช่วยแก้ปัญหารูปทรงปากให้ได้สัดส่วนสวยงามและรับกับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ โดยมีคนที่เหมาะและไม่เหมาะกับวิธีการนี้ ได้แก่
ทำปากกระจับเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีริมฝีปากหนา ปากบนไม่เป็นทรง หรือไม่มีรอยหยักชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนหวาน มีเสน่ห์ และริมฝีปากรับกับโครงหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบถาวร ไม่ต้องเติมซ้ำเหมือนการฉีดฟิลเลอร์
ทำปากกระจับไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีริมฝีปากบางมาก เพราะการตัดแต่งเนื้อปากอาจทำให้ปากผิดรูปหรือดูไม่สมดุล
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานรุนแรง ความดันสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
- ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีความคาดหวังเกินจริงหรือหวังให้รูปปากเปลี่ยนแปลงมากจนไม่เป็นธรรมชาติ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำศัลยกรรมปากกระจับ?
ก่อนเข้ารับบริการทำศัลยกรรมปากกระจับแนะนำให้เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างผ่าตัด ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือความผิดปกติต่าง ๆ ตามมา โดยสามารถเตรียมตัวได้เบื้องต้น ดังนี้
- หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว มียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
- งดยา วิตามิน หรืออาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี โสม น้ำมันปลา เป็นต้น อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ อย่างน้อยประมาณ 7 วันก่อนผ่าตัด เพราะมีผลกับการฟื้นฟูร่างกายที่ช้าลง แผลหายช้า
ขั้นตอนการผ่าตัดปากกระจับ
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมปากกระจับ มีด้วยกันหลายขั้นตอนซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างปากและใบหน้า ออกแบบทรงปากที่เหมาะสม ไปจนถึงขั้นตอนการผ่าตัดและเย็บแผลตอนจบกระบวนการ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ประเมินรูปปากและวางแผนการผ่าตัด แพทย์ตรวจประเมินริมฝีปาก ความหนา–บางของเนื้อปาก และโครงหน้าโดยรวม เพื่อออกแบบทรงปากที่รับกับใบหน้าและตรงตามความต้องการของคนไข้ และเทคนิคที่ควรใช้กับแต่ละรายบุคคล
- ฉีดยาชาเฉพาะจุด เพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บ มีความผ่อนคลายระหว่างผ่าตัดมากขึ้น
- หลังจากยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดตกแต่งริมฝีปากตามที่ได้ออกแบบไว้กับคนไข้ และทำการเย็บแผลให้สวยงาม โดยใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 45 – 60 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล
- หลังผ่าตัดและเย็บแผลเสร็จแล้ว คนไข้สามารถกลับบ้านได้
ปากกระจับแบบผ่าตัดเจ็บไหม? ใช้เวลาพักฟื้นนานเท่าไหร่?
สำหรับการทำทรงปากกระจับ ระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะจุดเพื่อบล็อกความรู้สึกเอาไว้ แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์แล้วอาจจะรู้สึกเจ็บได้บ้างขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนที่ไวต่อความรู้สึกไม่เท่ากัน นอกจากนั้นอาจมีอาการบวมได้ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ โดยแผลจะค่อย ๆ หายดีและเริ่มเข้าที่ในช่วง 3 – 4 สัปดาห์
ปากกระจับแบบผ่าตัดอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์หลังทำปากกระจับสามารถคงอยู่ได้ถาวร หากไม่เกิดการผ่าตัดแก้ไขหรือเกิดการกระทบกระเทือนจนปากผิดรูปทรง จึงไม่จำเป็นต้องทำซ้ำเหมือนการฉีดสารเติมเต็ม เช่น ฟิลเลอร์ หรือฉีดไขมัน เป็นต้น
ข้อดีและข้อควรรู้ของการทำปากกระจับแบบผ่าตัด
การทำปากกระจับแบบผ่าตัดเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ถาวร และตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการปรับรูปปากให้ได้สัดส่วนที่สวยงามรับกับใบหน้า โดยไม่ต้องทำซ้ำเหมือนกับการฉีดสารเติมเต็ม โดยมีรายละเอียดที่ควรทราบทั้งข้อดีและข้อควรรู้ ดังนี้
ข้อดีของการทำศัลยกรรมปากกระจับ
- ได้รูปทรงปากที่ชัดเจน ผลลัพธ์คงอยู่ถาวร
- ไม่อยากต้องทำซ้ำบ่อย ๆ เหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์
- สามารถออกแบบรูปปากที่รับกับใบหน้าของแต่ละรายบุคคลได้ดี เนื่องจากเป็นการตัดแต่งริมฝีปาก ทำให้สามารถกำหนดขนาดและรูปทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับลุคให้ใบหน้ามีความละมุนสวย มีมิติมากขึ้น เพิ่มเสน่ห์น่าดึงดูดมากขึ้น
- แก้ปัญหาคนที่มีริมฝีปากหนาและใหญ่ได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ
ข้อควรรู้ก่อนทำศัลยกรรมปากกระจับ
- หากไม่พอใจรูปปากจะแก้ไขได้ยาก เพราะเป็นการผ่าตัดเอาเนื้อปากบางส่วนออกไป ขนาดจึงมีการลดลงตามไปด้วย ทำให้ไม่สามารถทำให้กลับมามีรูปทรงหรือขนาดเท่ากับก่อนผ่าตัดได้
- ต้องดูแลแผลผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ ลดอาการบวม และทำให้แผลสวย
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเนื้อปากเดิมของคนไข้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ผ่าตัด เช่น กรณีของคนที่เนื้อปากน้อยแพทย์อาจจะต้องใช้เทคนิคเสริมหรือมีความระมัดระวังที่มากขึ้น เพื่อไม่ให้ปากบางมากเกินไป เป็นต้น
ผ่าตัดปากกระจับมีรอยแผลเป็นหรือผลข้างเคียงอะไรไหม?
การทำปากกระจับแบบผ่าตัดแม้จะให้ผลลัพธ์ที่สวยชัดและถาวร แต่ก็เป็นหัตถการที่มีรายละเอียดหลายด้านที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ซึ่งอาจเกิดผลข้างเคียงหรือเรื่องของรอยแผลที่ไม่สวยงาม หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หลังทำคนไข้ดูแลตัวเองไม่ดีพอ โดยมีรายละเอียดของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นดังนี้
- รอยแผลที่เกิดขึ้นแพทย์จะเย็บซ่อนไว้ด้านใน ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนจากภายนอก
- เกิดลักษณะเป็นไตหรือแผลหดรั้ง อาจเกิดขึ้นจากเทคนิคการผ่าตัดและเย็บแผลของแพทย์ที่ไม่ดี จนทำให้เนื้อเยื่อไม่สามารถสมานตัวได้เต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงอาจเกิดพังผิดหดรั้งทำปากผิดรูปทรง
- อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้นได้หากคนไข้ดูแลไม่ดี เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องสัมผัสกับน้ำลาย ความชื้น และอาหาร จึงต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
วิธีดูแลหลังผ่าตัดปากกระจับ
หลังจากทำศัลยกรรมปากกระจับ ควรดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง บรรเทาอาการเจ็บ ช่วยแผลหายไว ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดของวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ ดังนี้
- ในช่วง 3 วันแรก ควรประคบเย็นรอบ ๆ บริเวณปากเพื่อลดอาการบวม ช่วยให้ยุบบวมไวขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแปรงฟันในช่วงแรก โดยใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์ทำความสะอาดช่องปากหากจำเป็นต้องแปรงฟัน ให้เลือกแปรงขนนุ่มและแปรงฟันอย่างเบามือ ไม่ขยับปากมากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
- ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอประมาณ 3 ครั้งต่อวัน หรือหลังรับประทานอาหาร ด้วยสำลีชุบน้ำเกลือสะอาด เช็ดเบา ๆ บริเวณแผล
- งดทาลิปสติกหรือผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากจนกว่าแผลจะหายสนิท ประมาณ 2 สัปดาห์หลังทำ
- หากริมฝีปากแห้งมาก ให้ใช้คัตตอนบัตชุบน้ำเกลือแตะเบา ๆ บนริมฝีปากแทน
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล อาหารรสจัด อาหารที่มีอุณหภูมิร้อนหรือเย็นจัด จนกว่าแผลจะสมานดี
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 – 3 สัปดาห์ เพราะจะทำให้แผลหายข้า ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และเข้าพบแพทย์เพื่อติดตามอาการให้ครบตามนัดหมาย
เลือกคลินิกทำปากกระจับอย่างไรให้ปลอดภัย?
ก่อนทำศัลยกรรมปากกระจับ ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง ทั้งเรื่องของเทคนิคการผ่าตัด รูปทรงปากที่ต้องการ คลินิก แพทย์ เป็นต้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- คลินิกน่าเชื่อถือ มีเลขใบอนุญาตแสดงไว้อย่างชัดเจน
- ห้องผ่าตัดสะอาด ได้มาตรฐาน แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน
- แพทย์ต้องมีประสบการณ์ เข้าใจเทคนิคการผ่าตัดสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ออกแบบทรงปากให้รับกับใบหน้าได้เป็นอย่างดี
- มีรีวิวจากคนไข้จริง เพื่อช่วยให้ได้เห็นผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจน ได้เห็นฝีมือของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ใช้ประกอบการตัดสินใจ
- ไม่เน้นที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาความเหมาะสมที่ต้องสอดคล้องกับคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น การบริการ เทคนิคที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น
ทำปากกระจับแล้วเปลี่ยนบุคลิกได้จริงไหม?
หลายคนอาจสงสัยว่าแค่ทำปากกระจับจะเปลี่ยนบุคลิกหรือปรับลุคได้จริงหรือ? เพราะแม้จะเป็นการปรับเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของใบหน้า แต่รูปทรงของริมฝีปากมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของการแสดงออกสีหน้า อารมณ์ และความรู้สึกที่คนรอบข้างมองเห็น ปากกระจับที่ได้รูปทรงรับกับใบหน้า จะช่วยให้หน้าดูหวาน ละมุน สดใส มีมิติ หน้าดูเป็นมิตรมากขึ้น จึงส่งผลทำให้ใบหน้าโดยรวมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
เปรียบเทียบ ผ่าตัดปากกระจับ กับ แบบไม่ผ่าตัด ต่างกันอย่างไร?
สำหรับการทำทรงปากกระจับสามารถทำได้ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อจำกัด และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน หลายคนอาจลังเลว่าจะเลือกทำแบบไหนดีถึงจะตอบโจทย์ที่สุด สามารถดูรายละเอียดความแตกต่างได้จากตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้
รายการ |
ผ่าตัดปากกระจับ |
ฟิลเลอร์ปากกระจับ |
ผลลัพธ์ | ถาวร | ชั่วคราว (6–12 เดือน) |
ความเจ็บ | ระหว่างทำไม่เจ็บเพราะมียาชา และหลังทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่แผลผ่าตัด
อาจมีอาการบวมแดง แต่จะค่อย ๆ หายไปได้เอง |
ระหว่างทำไม่เจ็บเพราะมียาชา หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อย
และจะหายไปได้เอง |
พักฟื้น | 5–7 วัน | แทบไม่ต้องพักฟื้น |
แก้ไขภายหลัง | ทำได้ยาก เพราะมีการตัดเนื้อปากบางส่วนออกไป | แก้ไขหรือฉีดสลายได้ เพราะเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid |
เหมาะกับ | ปากหนา ต้องการตัดแต่งให้ปากบางและได้ทรงชัดเจน | ปากบาง ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ปากอิ่มฟู เป็นทรงสวย |
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำปากกระจับแบบผ่าตัด
ก่อนตัดสินใจทำปากกระจับแบบผ่าตัด หลายคนมักมีคำถามที่อยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจ็บ ระยะเวลาพักฟื้น ผลลัพธ์จะถาวรแค่ไหน หรือหากเคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนยังสามารถทำได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อการตัดสินใจและความมั่นใจในการเข้ารับหัตถการ เพื่อช่วยคลายข้อสงสัย บทความนี้จึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเอาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Q: ถ้าเคยฉีดฟิลเลอร์ปากมาก่อน ยังสามารถผ่าตัดปากกระจับได้ไหม?
A: สามารถทำได้แต่ต้องให้แพทย์ประเมินเบื้องต้นว่าฟิลเลอร์สลายไปหมดแล้วหรือยัง อาจจะต้องฉีดสลายก่อนหรือไม่ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนต่อไป
Q: ถ้าเคยผ่าตัดปากกระจับมาแล้วแต่ไม่พอใจรูปทรง สามารถแก้ไขได้ไหม?
A: สามารถแก้ไขได้ในบางกรณี เช่น คนที่ยังมีเนื้อปากเนื้ออยู่พอสมควร เนื่องจากปากเคยถูกตัดแต่งเนื้อบางส่วนออกไปแล้วทำให้แพทย์จะต้องวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาปากบางมากเกินไปจนทำให้รูปทรงผิดเพี้ยนไม่เป็นตามต้องการ แต่ในกรณีของคนที่ทำมาแล้วเนื้อปากที่เหลืออยู่บางมาก แพทย์อาจจะต้องหาเทคนิคอื่นที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่า
Q: ทำปากกระจับแล้วจะพูดลำบากหรือปากตึงไหม?
A: หลังผ่าตัดในช่วง 3–5 วันแรก อาจรู้สึกตึงหรือพูดไม่ถนัดเพราะแผลยังบวม แต่หลังจากอาการบวมหายแล้ว จะกลับมาพูด ยิ้ม และขยับปากได้ตามปกติ
Q: ผู้ชายสามารถทำปากกระจับได้หรือไม่?
A: ปากกระจับในผู้ชายสามารถทำได้ ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ต้องเลือกทรงที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด หากทำปากบางแบบผุ้หญิงอาจจะไม่สมดุลกับสรีระของใบหน้าผู้ชายได้
Q: ผ่าตัดปากกระจับมีโอกาสเป็นคีลอยด์หรือไม่?
A: โดยทั่วไปแทบไม่มีเกิดคีลอยด์ที่ริมฝีปากเลย เพราะคีลอยด์มักจะเกิดขึ้นในตำแหน่งที่มีเนื้อเยื่อค่อนข้างแข็งเช่น หน้าอก หัวไหล่ เป็นต้น แต่รอยแผลที่สามารถเกิดขึ้นได้มีดังนี้ รอยแผลแข็งเป็นไต รอยแผลหดรั้งปากผิดรูป ซึ่งเกิดขึ้นจากเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์หรือเกิดพังผืดใต้ผิวหนังดึงรั้งริมฝีปาก
สรุป
การทำปากกระจับแบบผ่าตัดเหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากหนา ปากไม่เป็นทรง หรือไม่มีรอยหยักกระจับชัดเจนตามธรรมชาติ ต้องการปรับรูปปากให้เสริมบุคลิกดูดีขึ้น และต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำหรือเติมบ่อย ๆ เหมือนการฉีดฟิลเลอร์ สำหรับใครที่อยากปรับรูปทรงปากให้ได้รูปรับกับใบหน้ามากขึ้น อยากแก้ปัญหารูปปากที่เคยทำมาแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่น่าพึงพอใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล