

ปลูกผม Long Hair คืออะไร ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร เหมาะกับใคร?
ปลูกผม Long Hair FUE อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาหัวล้าน ผมบาง ให้กลับมามั่นใจได้อีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้นเหมือนกับเทคนิค FUT ที่ต้องตัดเอาแถบหนังศีรษะออกมาเพื่อคัดแยกรากผม
ซึ่งเทคนิคปลูกผมยาวนี้หลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์ของกรอบหน้าชัดเห็นไรผมได้ทันที (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของลุคได้ทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น กลับไปทำงานได้เลย จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนดัง ดารา นักแสดง ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นต้องออกงานอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงคนที่ไม่อยากให้รู้ว่าปลูกผมมา

Key Takeaways
- เทคนิคปลูกผม Long Hair เป็นการปลูกผมแบบ FUE โดยใช้กราฟเส้นผมยาว โดยไม่ต้องโกนหรือตัดผม เห็นผลลัพธ์ของแนวผม กรอบหน้า และลุคโดยรวมทันทีหลังทำ
- การปลูกผม Long Hair เหมาะกับคนที่มีผมบาง หัวล้าน ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของภาพลักษณ์หลังทำทันที
- ข้อดีของเทคนิคปลูกผม Long Hair ไม่ต้องโกนผม เห็นแนวไรผมชัดเจนทันที กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไว ไม่ต้องพักฟื้น
- ตำแหน่งที่ปลูกได้ เช่น ไรผมด้านหน้า, แนวหน้าผาก, จอนผม, กลางศีรษะ (บางกรณี), และรอบแนวผมของผู้หญิง
- ข้อจำกัดของการปลูกผม Long Hair ปลูกได้จำนวนกราฟไม่มากในครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ใช้เวลาทำนานกว่าเทคนิคอื่น ๆ และต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ราคาการปลูกผม Long Hair อยู่ระหว่างประมาณ 100,000 – 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟและระดับความยาก
ปลูกผม Long Hair คืออะไร?
ปลูกผม Long Hair ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง?
เทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair สามารถทำได้ในหลายตำแหน่งของศีรษะ โดยไม่จำเป็นต้องโกนผม จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มจุดที่บางหรือปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยตำแหน่งที่นิยมมีดังนี้
- ไรผมด้านหน้า เติมแนวไรผมให้กรอบหน้าคมชัด หน้าดูหวานลง หรือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- แนวหน้าผาก เหมาะกับคนที่มีหน้าผากกว้างหรือหัวเถิก ต้องการลดพื้นที่หน้าผากให้ดูแคบลง
- จอนผม สำหรับคนที่ต้องการเติมความหนาของจอน หรือปรับให้รูปหน้าเรียวขึ้น
- กลางศีรษะ / หัวล้านตรงกลาง ในกรณีที่ยังพอมีพื้นที่ให้ปลูกและมีผมบริเวณ donor area มากพอ
- แนวผมรอบหน้าผากสำหรับผู้หญิง เพื่อความเป็นธรรมชาติและสร้างทรงผมที่กลมกลืนกับใบหน้า
เทคนิคนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการปลูกผมเฉพาะจุด และอยากเห็นผลลัพธ์ของแนวผมทันทีหลังทำ โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนานหรือเปลี่ยนทรงผมเดิม
เทคนิค ปลูกผม Long Hair FUE ต่างจากเทคนิคอื่น ๆ อย่างไร?
ความแตกต่างของเทคนิคปลูกผม Long Hair FUE กับเทคนิคอื่น ๆ มีด้วยกันหลายข้อ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาของคนไข้ที่ไม่เหมือนกันได้อย่างครอบคลุม โดยมีความแตกต่างกันออกไปดังนี้
เทคนิคปลูกผม DHI (Direct Hair Implantation)
เทคนิคการ ปลูกผม DHI คือการปลูกผมโดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Implanter Pen ซึ่งช่วยให้สามารถฝังกราฟผมลงไปในหนังศีรษะได้โดยตรง โดยไม่ต้องเปิดแผลหรือเจาะรูล่วงหน้า วิธีนี้ช่วยลดการบาดเจ็บของผิวหนัง ทำให้กราฟผมรอดชีวิตได้สูงและดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้จะเรียงตัวแน่นสวย แต่อาจต้องโกนผมสั้นก่อนทำและใช้เวลาค่อนข้างมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมแบบละเอียดในบริเวณจำกัด เช่น แนวไรผมหรือคิ้ว
เทคนิคปลูกผม Long Hair FUE (Long Hair Follicular Unit Extraction)
เทคนิคนี้เป็นการปลูกผมโดยการใช้เครื่องมือพิเศษในการนำกราฟผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะทีละกราฟ โดยยังคงความยาวของเส้นผมเอาไว้ จึงไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมให้สั้น ทำให้หลังทำเสร็จสามารถมองเห็นแนวผมได้ชัดเจน เป็นธรรมชาติ สามารถใช้งานผมหรือออกงานได้เลย พักฟื้นน้อย ไม่เห็นรอยแผล
เทคนิคปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation)
การปลูกผมด้วยเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ถูกพัฒนาและมีความทันสมัย ด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษเข้าไปเจาะเก็บเส้นผมที่บริเวณด้านหลังศีรษะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งขนาดรอยแผลที่เจาะเก็บเส้นผมจะมีขนาดประมาณ 0.8 – 1.2 มม. จึงไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่เอาไว้ พักฟื้นน้อย แผลหายไว ทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ ทำให้เป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ตารางเปรียบเทียบเทคนิคปลูกผม Long Hair FUE vs DHI vs FUT
รายการเปรียบเทียบ | Long Hair FUE | DHI | FUT |
ต้องโกนผมหรือไม่ | ไม่ต้องโกนผม | ต้องโกนบางส่วน | ต้องโกนหรือตัดแถบหนังศีรษะ |
ลักษณะการปลูก | เจาะเก็บกราฟผมยาวจากด้านหลัง แล้วย้ายไปปลูก | ใช้ปากกา Implanter ฝังกราฟผมลงในหนังศีรษะโดยตรง | ผ่าตัดหนังศีรษะแล้วแยกกราฟเพื่อปลูก |
แผลเป็น | แผลเล็ก ไม่ทิ้งรอยแผลชัดเจน | แผลเล็กมาก | มีแผลเป็นแนวยาวบริเวณด้านหลังศีรษะ |
เห็นผลลัพธ์ทันที | เห็นแนวผมและลุคเปลี่ยนทันทีหลังทำ | ต้องรอผมงอก | ต้องรอผมงอก |
ระยะพักฟื้น | สั้นมาก กลับไปทำงานได้ทันที | สั้นถึงปานกลาง | นาน ต้องพักฟื้นหลายวัน |
ความเหมาะสม | เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากโกนผม ต้องออกงานเร็ว | เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกจุดเล็ก ๆ อย่างละเอียด | เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมจำนวนมากในครั้งเดียว |
ความยากของเทคนิค | สูง ต้องใช้แพทย์มีประสบการณ์เฉพาะทาง | สูง ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ | ปานกลางถึงสูง ขึ้นกับจำนวนกราฟและการแยกหนังศีรษะ |
จำนวนกราฟที่ทำได้ต่อครั้ง | ประมาณ 1,000 – 2,500 กราฟ | ประมาณ 1,000 – 3,000 กราฟ | ประมาณ 2,000 – 4,000 กราฟ หรือมากกว่า |
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ | สูง (ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท) | สูงใกล้เคียง Long Hair FUE หรือมากกว่าเล็กน้อย | ปานกลางถึงสูง ขึ้นกับคลินิกและปริมาณกราฟ |
ปลูกผม Long Hair ต่างจากเทคนิคไม่โกนอื่น ๆ อย่างไร?
หลายคนอาจเคยเห็นคำว่า “ไม่ต้องโกนผม” ในการปลูกผม แต่ในความเป็นจริง เทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair FUE มีความพิเศษและแตกต่างจากเทคนิค “Shave-less” หรือ “Partial Shaving” ที่คลินิกอื่น ๆ ใช้ ซึ่งอาจยังมีการโกนผมแอบแฝงอยู่บางส่วน
เทคนิค Long Hair FUE (จริง)
- ใช้เส้นผมยาวจริงในการเก็บกราฟจากด้านหลังศีรษะ
- ไม่ต้องตัด ไม่ต้องโกนแม้แต่จุดเดียว
- ผมที่ปลูกยังคงความยาว ทำให้เห็นแนวผมและกรอบหน้าชัดเจนทันที
- เหมาะกับคนที่ต้องออกงาน หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าปลูกผม
เทคนิค Shave-less DHI
- อาจต้องตัดผมให้สั้นประมาณ 1–2 มม. เฉพาะจุดที่ต้องเจาะหรือฝังกราฟ
- ใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น Implanter Pen แต่ยังต้องโกนเล็กน้อยแบบ “แอบซ่อน”
- แม้จะไม่เห็นชัด แต่ผมปลูกจะยังสั้น ต้องรอให้ยาวขึ้นจึงเห็นผลเต็มที่
เทคนิค Partial Shaving
- เป็นการโกนผมเฉพาะบางส่วน (เช่น ด้านหลังศีรษะ) โดยให้ผมส่วนอื่นปิดบังไว้
- ไม่ได้ใช้ผมยาวจริงในการปลูก
- คนรอบข้างอาจไม่สังเกต แต่ยังต้องรอผลลัพธ์ระยะยาวเหมือนเดิม
สรุปคือ เทคนิค Long Hair FUE เป็นเทคนิคเดียวที่ใช้เส้นผมยาวจริง ไม่ตัด ไม่โกน และให้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ซึ่งต่างจากเทคนิค “Shave-less” อื่น ๆ ที่แม้จะโกนแอบ ๆ แต่ยังต้องรอผมยาวก่อนเห็นผลชัดเจน
ตารางเปรียบเทียบ Long Hair FUE vs Shave-less DHI vs Partial Shaving
รายการเปรียบเทียบ | Long Hair FUE | Shave-less DHI | Partial Shaving |
ต้องโกนผมหรือไม่ | ไม่ต้องโกนผมเลย | โกนแอบเฉพาะจุดซ่อน (ด้านหลังหรือภายใน) | โกนบางส่วนซ่อนใต้ผมยาวด้านนอก |
ใช้เส้นผมยาวจริงหรือไม่ | ใช้เส้นผมยาวเต็มความยาวจริง | ใช้ผมสั้น 1–2 มม. | โกนแล้วปลูกด้วยผมสั้นเช่นกัน |
เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ | เห็นแนวผม กรอบหน้า และลุคชัดเจนทันที | เห็นบางส่วน ต้องรอผมงอกเต็มที่ | ต้องรอผมงอกใหม่ |
รอยแผลเห็นชัดหรือไม่ | แผลเล็กมาก ผมยาวช่วยปิดแผลได้เนียนสนิท | แผลซ่อนบ้าง แต่มองเห็นเมื่อสังเกตใกล้ | แผลเล็กแต่เสี่ยงเผยหากทรงผมไม่ปิดมิด |
เหมาะกับใคร | คนที่ไม่อยากให้รู้ว่าปลูกผม ต้องออกงานทันที | คนที่ต้องการปลูกจุดเล็ก ๆ แบบแนบเนียน | คนที่โอเคกับการโกนบางส่วนและรอผมขึ้นใหม่ |
จุดเด่น | ผลลัพธ์เร็ว ดูเนียนทันที | เทคนิคละเอียด ใช้เครื่องมือเฉพาะ | เหมาะกับพื้นที่กว้าง แต่ต้องใช้ผมซ่อนการโกนไว้ |
จุดที่ควรระวัง | ต้องใช้แพทย์ชำนาญพิเศษเท่านั้น | ราคาสูง และใช้เวลานานในแต่ละกราฟ | โกนผมจริง อาจผิดจากคำโฆษณาว่า “ไม่ต้องโกน” |
มีเพียงเทคนิค Long Hair FUE เท่านั้น ที่ ไม่โกนผมจริง ใช้ผมยาวจริง และเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องรอให้ผมงอกใหม่เหมือนวิธีอื่น
ข้อดีของการปลูกผมแบบ Long Hair
เนื่องจาก ปลูกผม Long Hair เป็นเทคนิคที่ไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องรอให้ผมงอก สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของลุคที่ดีขึ้นได้หลังทำ ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ จึงมีข้อดีด้วยกันหลายประการ ได้แก่
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ผมยาวหลังทำ ไม่ต้องรอให้ผมงอกเหมือนเทคนิคอื่น
- เห็นผลลัพธ์ของกรอบหน้าที่ชัดเจนสวยขึ้นได้หลังทำ
- สามารถออกงานได้เลยหรือกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- เนื่องจากผมเป็นการปลูกผมด้วยเส้นผมที่ยาวอยู่แล้วจึงช่วยบดบังรอยแผลหรือสะเก็ดแผลให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน คล้ายกับว่าไม่มีรอยแผล ทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังศีรษะ
ปลูกผม Long Hair มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
- ไม่สามารถย้ายกราฟผมปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียวได้
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าการปลูกผมแบบทั่วไป
- ใช้ระยะเวลาในการปลูกผมนานกว่าเทคนิคเก่า เนื่องจากแพทย์จะมองเห็นรากผมได้ค่อนข้างยากกว่าการตัดผมสั้นหรือโกนผม
- แพทย์ต้องมีประสบการณ์ค่อนข้างมากในเรื่องของการปลูกผม
- ต้องดูแลอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันไม่ให้กราฟผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่เหมาะสม
ปลูกผม Long Hair เหมาะกับผู้หญิงหรือไม่?
เทคนิคปลูกผม Long Hair ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชายเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบาง ไรผมถอย หน้าผากกว้าง หรือกรอบหน้าไม่คมชัด โดยเฉพาะบริเวณแนวไรผมด้านข้างและรอบหน้าผากที่ต้องการเติมเต็มให้ดูละมุนขึ้น
ผู้หญิงจำนวนมากอาจลังเลเรื่องการปลูกผม เพราะไม่อยากโกนผม หรือเปลี่ยนทรงเดิม เทคนิค Long Hair จึงตอบโจทย์ในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถใช้ เส้นผมจริงที่ยาวอยู่แล้วมาปลูกได้ทันที โดยไม่ต้องตัดหรือโกน ลดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ต้องการ
นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการ
- เติมไรผมด้านข้างให้หน้าดูเรียวและเล็กลง
- ลดความสูงของหน้าผากโดยการปลูกผมแนวหน้าผากใหม่
- แก้ไขรูปหน้าด้วยการปลูกจอนบางจุดให้ได้รูป
- ปกปิดผมบางเฉพาะจุด เช่น หลังมัดผมแล้วเห็นหนังศีรษะชัด
เพราะเส้นผมยังคงยาวเหมือนเดิมหลังปลูก จึงสามารถ มัดผม แต่งหน้า หรือออกงานได้เลยทันที โดยไม่ต้องรอให้ผมงอกใหม่ หรือกังวลเรื่องสะเก็ดแผลที่เห็นได้ชัด
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางเฉพาะจุดหรืออยากปรับกรอบหน้าแบบแนบเนียน เทคนิค Long Hair FUE คือคำตอบที่ผู้หญิงจำนวนมากเลือกใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยแบบไม่ต้องเปลี่ยนลุคหรือพักฟื้น

ใครที่เหมาะกับการปลูกผมแบบ Long Hair?
การปลูกผมแบบ Long Hair เป็นเทคนิคที่สามารถทำได้ทุกคนที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของหนังศีรษะและเส้นผม โดยเฉพาะคนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของภาพลักษณ์หลังทำทันที
- เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น ต้องทำงาน พบปะผู้คน หรือแต่งหน้าออกงานทันที ไม่มีเวลารอให้ผมงอก
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาศีรษะล้าน หัวเถิก
- เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าปลูกผมมา
- เหมาะกับคนที่ต้องการเติมไรผมเพื่อลดขนาดหน้าผากให้แคบลง
- เหมาะกับคนที่ต้องการปลูกผมแต่ไม่อยากโกนผม
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากให้มองเห็นรอยแผลจากการปลูกผม
สิ่งที่ควรรู้ก่อนปลูกผม Long Hair
แม้เทคนิคปลูกผม Long Hair จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เห็นลุคใหม่ได้ทันที และไม่ต้องโกนผม แต่ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ ควรทราบข้อมูลสำคัญเหล่านี้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมและเข้าใจความคาดหวังที่ถูกต้อง
1. เห็นผลทันที แต่ยังไม่ถาวรในช่วงแรก
หลังปลูกผมจะเห็น แนวผมและกรอบหน้า เปลี่ยนชัดทันที แต่เส้นผมที่ปลูกจะหลุดร่วงในช่วง 6–8 สัปดาห์แรก (เรียกว่า Shock Loss) และจะเริ่มงอกใหม่ภายใน 3–6 เดือน ดังนั้นผลลัพธ์ถาวรต้องรอเวลา
2. ปลูกได้จำนวนกราฟต์จำกัดในแต่ละครั้ง
เทคนิค Long Hair ใช้ระยะเวลาและความละเอียดสูง จึงเหมาะกับการปลูกผมในจุดเฉพาะ (1,000–2,500 กราฟต์ต่อครั้ง) หากต้องการปลูกทั่วศีรษะหรือในพื้นที่กว้างมาก อาจต้องทำหลายรอบหรือใช้เทคนิคอื่นร่วม
3. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเทคนิคทั่วไป
เนื่องจากใช้ทักษะสูงและเวลานานกว่าเทคนิคแบบโกนผม ราคาของการปลูกผม Long Hair จึงมักเริ่มต้นที่ 100,000 บาท และอาจสูงถึง 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์และความซับซ้อน
4. ต้องเลือกแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์
การปลูกผม Long Hair ต้องใช้ทักษะมากกว่าการปลูกผมแบบทั่วไป ทั้งในเรื่องของการเจาะกราฟ การควบคุมแนวผม และการจัดทิศทางของเส้นผมยาวที่ปลูกลงไป หากขาดความชำนาญ อาจทำให้ผมดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือรากผมเสียหายได้
5. ต้องดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัด
แม้จะไม่ต้องพักฟื้น แต่ยังต้องดูแลอย่างจริงจัง เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสศีรษะแรง ๆ ไม่ขยี้ผมในช่วงแรก และงดกิจกรรมที่อาจกระทบต่อกราฟผม
การเตรียมใจและร่างกายให้พร้อมก่อนปลูกผม จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัยในระยะยาว โดยเฉพาะหากเลือกคลินิกและแพทย์ที่เข้าใจเทคนิคนี้โดยเฉพาะ
ขั้นตอนการ ปลูกผม Long Hair
เทคนิคปลูกผมยาว ไม่จำเป็นต้องตัดผมสั้น ทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์ของไรผมและกรอบหน้าที่ชัดเจนได้ทันทีหลังทำ เป็นเทคนิคแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมเลือกใช้กันมากในปัจจุบัน ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงหน้า และความต้องการของคนไข้ เพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้
- กำหนดตำแหน่งที่ต้องการปลูกตามแผนการรักษาที่วางไว้ คำนวณปริมาณกราฟผมที่ต้องใช้ ซึ่งแต่ละคนใช้ปริมาณกราฟผมไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับระดับปัญหา
- แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะเก็บรากผมบริเวณด้านหลังศีรษะในตำแหน่งที่รากผมมีความแข็งแรง โดยเก็บที่กราฟผมและนำมาแช่ไว้ในน้ำยาเลี้ยงเซลล์ผม เพื่อทำการคัดแยกหรือตัดแต่งก่อนที่จะนำไปปลูก
- เมื่อนำกราฟผมออกมาครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว จะเริ่มทำการปลูกผม ระยะเวลาในขั้นตอนการปลูกผมนี้ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่าย จำนวนกราฟผมที่ต้องปลูก ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล
- สามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องพักฟื้น และควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์
ดูแลตัวเองหลังปลูกผม Long Hair อย่างไร?
หลังปลูกผมยาว แนะนำให้ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ไม่เกิดผลข้างเคียง ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ร่างกายฟื้นฟูตัวเองเร็วมากขึ้น โดยมีรายละเอียดของการดูแลตัวเอง ดังนี้
- หลังปลูกผมไปแล้วในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก อาจเกิดสะเก็ดขึ้น ไม่ควรแกะ เกา ถู หรือนวดบริเวณหนังศีรษะ ให้สะเก็ดหลุดเองตามธรรมชาติ
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นเวลา 2 วัน เพื่อป้องกันเลือดออก และการบวมที่ศีรษะ
- งดออกกำลังกายประมาณ 3-4 วัน งดว่ายน้ำ 2 สัปดาห์ และงดกีฬาที่มีการกระทบกระแทก เช่น ฟุตบอล อย่างน้อย 1 เดือน
- หลังปลูกผม 1 วัน สามารถสระผมได้ตามปกติ โดยสัปดาห์แรกใช้เป็นแชมพูอ่อน ๆ และน้ำอุณหภูมิห้อง
- ในช่วงแรกหลังปลูกผม ไม่ควรสัมผัส ถู หรือขยี้ เพื่อป้องกันเส้นผมหลุดร่วงและไม่งอกขึ้นมาใหม่ เนื่องจากในช่วงระยะนี้รากผมยังไม่แข็งแรง
- หลังทำประมาณ 6 เดือนขึ้นไป รากผมจะมีความแข็งแรง มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ของเก่าที่หลุดร่วง สามารถที่จะเริ่มทำสีหรือตัดทรงผมได้ตามต้องการ นอกจากนั้นยังออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาได้ทุกชนิด
Timeline หลังปลูกผม Long Hair (1–12 เดือน)
แม้การปลูกผม Long Hair จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำจากแนวกรอบหน้าที่เปลี่ยนไป แต่เส้นผมที่ปลูกยังต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว งอกใหม่ และปรับตัวให้แข็งแรง ซึ่งในแต่ละช่วงจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไปตามกลไกของร่างกาย
สัปดาห์แรก เริ่มมีสะเก็ดและบวมเล็กน้อย
- สะเก็ดบาง ๆ อาจเกิดขึ้นรอบแนวผมที่ปลูก
- อาจรู้สึกตึงหรือคันบริเวณศีรษะ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส ขยี้ หรือนวดแรง
สัปดาห์ที่ 2–4 เส้นผมเริ่มหลุดร่วง (Shock Loss)
- เส้นผมที่ปลูกไว้จะค่อย ๆ หลุดร่วง (เป็นเรื่องปกติ)
- รากผมยังคงอยู่ใต้ผิวหนัง และจะงอกใหม่ในระยะต่อไป
เดือนที่ 2–3 ระยะพักรากผม (Resting Phase)
- ยังไม่เห็นผมใหม่งอก อาจรู้สึกว่าผมบางกว่าเดิมชั่วคราว
- ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นระยะฟื้นตัวของรากผม
เดือนที่ 4–6 เริ่มเห็นผมใหม่งอกขึ้น
- ผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นจากรากที่ฝังไว้
- เส้นผมยังบางและอ่อน ค่อย ๆ หนาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เดือนที่ 6–9 รูปหน้าเริ่มเปลี่ยนชัดเจน
- เส้นผมเริ่มหนา แน่นขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- เริ่มสามารถจัดทรง ตัดแต่ง หรือทำสีได้ในระดับหนึ่ง
เดือนที่ 9–12 ผลลัพธ์ใกล้เคียงถาวร
- ผมที่ปลูกจะหนาขึ้นเต็มที่ แข็งแรง และยึดติดถาวร
- สามารถดูแลเส้นผมได้เหมือนผมธรรมชาติทั่วไป
แม้จะเห็นลุคใหม่ได้ทันทีหลังทำจากผมยาวที่ปลูกเข้าไป แต่ผลลัพธ์ถาวรของการปลูกผม Long Hair ต้องใช้เวลาประมาณ 9–12 เดือน เพื่อให้ผมใหม่งอกขึ้นสมบูรณ์ ดูแน่น หนา และแข็งแรงอย่างถาวร
วิธีเลือกคลินิกปลูกผม Long Hair ให้ปลอดภัยและเห็นผล
การปลูกผม Long Hair เป็นหัตถการที่ใช้เทคนิคซับซ้อน ต้องใช้ความละเอียดสูงกว่าการปลูกผมแบบทั่วไป ดังนั้นการเลือกคลินิกจึงไม่ควรดูแค่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติในระยะยาว
1. แพทย์ต้องมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านปลูกผมแบบ Long Hair
- เทคนิคนี้ใช้ผมยาวจริง ไม่ใช่เทคนิคที่คลินิกทั่วไปสามารถทำได้
- ต้องอาศัยทักษะการเจาะรากผมโดยไม่หักงอ และวางแนวผมให้สมจริง
- ตรวจสอบว่าแพทย์มีผลงานจริง หรือรีวิวเคสปลูกผม Long Hair
2. คลินิกต้องมีอุปกรณ์เฉพาะทางที่ได้มาตรฐาน
- เครื่องมือที่ใช้เก็บและปลูกรากผมต้องปลอดเชื้อและทันสมัย
- ห้องปลูกผมควรเป็นห้องปลอดเชื้อ (Clean Room)
- มีทีมพยาบาลหรือผู้ช่วยที่ชำนาญด้านการจัดการกราฟผม
3. มีการประเมินใบหน้าแบบเฉพาะบุคคลก่อนทำจริง
- ต้องวิเคราะห์โครงหน้า ทรงผม ความหนาแน่นของเส้นผม
- แพทย์ควรช่วยออกแบบแนวไรผมให้รับกับบุคลิก ไม่หลอกตา
- แนะนำปริมาณกราฟอย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
4. มีรีวิวจริง และสามารถสอบถามจากผู้ที่เคยทำได้
- ดูรูป Before/After ที่ชัดเจนและไม่ผ่านการตกแต่งภาพ
- ถ้าเป็นคลินิกที่มั่นใจ อาจมีเคสให้ดูรีวิววิดีโอ หรือรีวิวใน Social Media ที่เชื่อถือได้
5. มีการดูแลหลังทำและติดตามผลต่อเนื่อง
- การปลูกผมไม่จบแค่วันทำ แต่ต้องมีการนัดตรวจประเมินผล
- ให้คำแนะนำการดูแลหลังทำที่เหมาะกับแต่ละราย
- มีช่องทางให้สอบถามหรือดูแลฉุกเฉินหากเกิดปัญหา
ปลูกผม Long Hair ราคาเท่าไร?
ราคาของการปลูกผม Long Hair มีด้วยกันหลายราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคที่ใช้ ปริมาณกราฟผม เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม ความซับซ้อนของปัญหา ความต้องการของคนไข้ รวมไปถึงประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินจากปัญหาจริงของคนไข้และออกแบบการรักษาพาะรายบุคคล จะช่วยให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการปลูกผม Long Hair
เพื่อช่วยตอบข้อสงสัยที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับ ปลูกผม Long Hair ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Q : ปลูกผม Long Hair เจ็บไหม? ต้องดมยาสลบหรือเปล่า?
A : ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ระหว่างทำ อาจรู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อย หลังทำอาจมีอาการคันขณะผิวหนังฟื้นตัว แต่สามารถทนได้
Q : หลังปลูกผม Long Hair ผมจะร่วงหมดเหมือนเทคนิคทั่วไปไหม?
A: มีโอกาสเกิด “Shock Loss” ในช่วง 6–8 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นอาการปกติ รากผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้งภายใน 3–6 เดือน
Q : เทคนิคปลูกผม Long Hair เห็นผลทันทีจริงไหม?
A : ใช่ครับ สามารถเห็นแนวไรผมและลุคโดยรวมที่เปลี่ยนไปได้ทันทีหลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Q : ปลูกผม Long Hair ทำได้กี่กราฟต์ต่อครั้ง?
A : โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,000–2,500 กราฟต์ต่อครั้ง เนื่องจากต้องใช้ความละเอียดและเวลาในการทำมากกว่าเทคนิคอื่น
Q : ปลูกผม Long Hair เหมาะกับผู้หญิงหรือไม่?
A : เหมาะมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ต้องการโกนผม และอยากเติมแนวไรผม หน้าผาก จอน หรือกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
Q : หลังปลูกผมสามารถออกงานหรือใช้ชีวิตได้ทันทีไหม?
A : ได้เลยทันทีหลังทำ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน เส้นผมยาวช่วยบดบังแผลได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องพบปะสื่อ ออกงาน หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าปลูกผม
Q : ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนปลูกผม Long Hair?
A : งดดื่มแอลกอฮอล์ ยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อเลือด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงคาเฟอีน และควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินจำนวนกราฟก่อนล่วงหน้า
Q : ดูแลตัวเองหลังปลูกผม Long Hair อย่างไร?
A : หลีกเลี่ยงการขยี้ ถู หรือเกา ห้ามใช้ลมร้อนเป่าผม สระผมเบา ๆ ด้วยแชมพูอ่อน งดว่ายน้ำ งดออกกำลังกายหนัก และควรนอนในท่าที่ไม่กดทับบริเวณปลูกผม
Q : ปลูกผม Long Hair อยู่ได้ถาวรหรือไม่?
A : อยู่ได้ถาวรในระยะยาว เนื่องจากรากผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณที่ไม่ไวต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ ผมร่วงกรรมพันธุ์
Q : ราคาปลูกผม Long Hair แพงกว่าเทคนิคอื่นมากไหม?
A : ราคาจะสูงกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ FUE ทั่วไปหรือ FUT เพราะต้องใช้เวลานาน แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง และให้ผลลัพธ์ทันที ราคาทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท
สรุป
ปลูกผม Long Hair อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่มีปัญหาผมบาง หัวล้าน ที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ตอบโจทย์ความต้องการเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังทำทันที เนื่องจากเป็นการปลูกผมที่ไม่ต้องโกนผมสามารถคงความยาวของเส้นผมที่ย้ายมาปลูกเอาไว้ได้ หลังทำจึงมองเห็นแนวไรผมหรือกรอบหน้าที่ชัดเจน สามารถออกงานได้เลย แทบมองไม่เห็นรอยแผล มองไม่ออกว่าปลูกผมมา ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่ต้องการปลูกผม มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้ทีมแพทย์ปลูกผมผู้มีประสบการณ์ช่วยประเมินปัญหา เลือกเทคนิคการรักษา วิเคราะห์โครงหน้า และออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี รับกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด