อีกหนึ่งทรงจมูกที่หลายคนกังวลคือ จมูกบาน ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแบน หน้าดูบาน ใบหน้าไม่สมส่วน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังบั่นทอนความมั่นใจได้อีกด้วย โดยจมูกที่มีลักษณะนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมไปในแต่ละกรณีได้ สำหรับใครที่มีความสงสัยว่าลักษณะจมูกแบบนี้เกิดขึ้นจากอะไร แก้ไขได้ด้วยวิธีใดบ้าง เตรียมตัวก่อนทำและดูแลหลังทำอย่างไรจึงจะดี สามารถอ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้ได้เลย
Key Takeaways
- จมูกบาน คือจมูกที่มีฐานหรือปีกจมูกกว้างกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าดูแบน หน้าบาน ขาดมิติ และอาจส่งผลต่อความมั่นใจ
- สาเหตุของจมูกบานมีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ โครงสร้างกระดูกอ่อน ปีกจมูกหนา กล้ามเนื้อที่ดึงเวลายิ้ม หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- วิธีแก้ไขจมูกบาน มีทั้งแบบ ไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อกปีกจมูก และแบบ ผ่าตัด เช่น การตัดปีกจมูกหรือเสริมจมูกเพื่อปรับโครงสร้าง
- การเสริมจมูกสามารถช่วยปรับทรงจมูกให้ดูเรียว ลดความกว้างของปีกจมูกได้ โดยอาจทำร่วมกับการตัดปีกจมูกเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดแก้จมูกบานคือผู้ที่มีความกังวลด้านภาพลักษณ์ ต้องการความถาวร และมีปัญหาโครงสร้างชัดเจน ส่วนผู้ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัด เช่น ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีโรคประจำตัว หรือกำลังตั้งครรภ์
จมูกบาน คืออะไร? ส่งผลอย่างไรต่อใบหน้า?
จมูกบาน คือ ลักษณะของจมูกที่มีฐานกว้าง ปีกจมูกบานออกด้านข้างจนเกินแนวหัวตา ทำให้ทรงจมูกดูกว้าง แบน และดูไม่มีสันดั้งที่ชัดเจน ส่งผลให้รูปหน้าดูแบน บานออก และขาดมิติ นอกจากนี้รูจมูกมักมีขนาดใหญ่ ไม่สมดุลกับโครงหน้าโดยรวม ทำให้ใบหน้าดูไม่ได้สัดส่วน ขาดมิติ และส่งผลต่อภาพลักษณ์ได้อย่างชัดเจน
แม้ปัญหาปีกจมูกบานจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง แต่สามารถกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของหลายคนได้อย่างมาก เพราะทำให้ใบหน้าดูใหญ่เกินจริง ใบหน้าขาดมิติ และไม่กล้าถ่ายรูปมุมตรง ในกรณีที่รู้สึกกังวลใจหรืออยากปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น การเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและออกแบบแนวทางการแก้ไขอย่างเหมาะสมจึงเป็นทางเลือกที่ดี
สาเหตุของจมูกบานเกิดจากอะไรบ้าง?
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาจมูกบาน เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล โดยมีรายละเอียดของสาเหตุการเกิดปัญหาดังนี้
- ปัจจัยจากกระดูกอ่อนปลายจมูก ซึ่งมีลักษณะที่ค่อนข้างใหญ่หรือมีความกว้างมากกว่าปกติ ส่งผลทำให้ปลายจมูกดูใหญ่ตามไปด้วย
- ปัจจัยจากผิวหนังปีกจมูก หากผิวหนังบริเวณปีกจมูกมีความหนาหรือมีไขมันสะสมอยู่มากเกินไป จะส่งผลทำให้ปีกจมูกบานออกได้เช่นกัน
- ปัจจัยจากกล้ามเนื้อ เวลาที่ยิ้มปีกจมูกจะถูกกล้ามเนื้อดึงขึ้น หากมีบริเวณนั้นมีกล้ามเนื้อมากเกินไป จะทำให้จมูกบานออกเวลายิ้มได้
- ปัจจัยจากกรรมพันธุ์ ลักษณะพิเศษของแต่ละครอบครัวสามารถส่งต่อกันได้จากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกได้ อย่างเช่น ลักษณะของจมูกที่มีความบานมากกว่าปกติจนทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ก็สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้เช่นกัน
- ปัจจัยจากอุบัติเหตุ ในกรณีของคนที่ได้รับการกระทบกระเทือนจนทำให้โครงสร้างจมูกเปลี่ยนแปลงไป สามารถส่งผลทำให้ความกว้างของจมูกเพิ่มขึ้นได้
จมูกบานแก้ยังไงได้บ้าง?
หากใครที่มีปัญหาจมูกบาน สามารถแก้ไขได้ด้วยหลายวิธี ทั้งการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาที่มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสมมากที่สุด โดยมีวิธีการหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยม ดังนี้
โบท็อกซ์ปีกจมูก
การโบท็อก (Botox) เป็นการแก้ไขด้วยการไม่ผ่าตัด วิธีการคือฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งปีกจมูกให้เกิดการขยับเวลาที่ยิ้มหรือขยับใบหน้าจนทำให้ปีกจมูกบานออก เวลาที่ขยับใบหน้าหรือยิ้มปีกจมูกจึงไม่กางออก แต่ผลลัพธ์ถาวรสามารถอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำและร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
ศัลยกรรมตัดปีกจมูก
การตัดปีกจมูก เป็นการปรับลดขนาดปีกจมูกด้วยการศัลยกรรมผ่าตัด กรณีของคนที่ปีกจมูกมีความหนามาก แพทย์อาจจะพิจารณาตัดเนื้อปีกจมูกบางส่วนออกและเย็บขยับเข้ามาด้านในไม่ให้เลยหัวตา หรือในกรณีที่เนื้อปีกจมูกไม่หนามากก็สามารถตัดฐานปีกจมูกและเลื่อนตำแหน่งเข้ามาให้เล็กลงได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาในแต่ละรายบุคคล
แก้จมูกบานด้วยการเสริมจมูก
เทคนิคการเสริมจมูก ถือเป็นหนึ่งในวิธีแก้ไขจมูกบานที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสามารถปรับโครงสร้างโดยรวมของจมูกให้ดูสมส่วนและสวยงามรับกับใบหน้าได้อย่างชัดเจน เทคนิคการเสริมจมูกจะช่วยปรับทรงให้ดูเรียวขึ้น ด้วยการใส่ ซิลิโคนเสริมจมูก เพื่อยกสันจมูกให้โด่งและคมชัดมากขึ้น เมื่อฐานที่ปลายจมูกให้สูงกว่าเดิม จะทำให้ปีกจมูกถูกดึง จึงทำให้ดูเรียวมากขึ้น แต่บางเคสอาจพิจารณาทำร่วมกับการตัดปีกจมูก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกหนาหรือกว้างกว่าปกติ
ในปัจจุบันยังมี เทคนิคการเสริมจมูกแบบไร้ซิลิโคน อย่างเช่นการเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือการใช้เทคนิคแบบ Open/Close ที่สามารถปรับแต่งทรงปลายจมูกให้สวยเป็นธรรมชาติได้มากขึ้น ซึ่งหากคนไข้มีปัญหาจมูกบานร่วมกับปลายจมูกใหญ่ การใช้เทคนิคเหล่านี้ร่วมกับการผ่าตัดเล็กจะช่วยปรับรูปทรงได้อย่างแม่นยำและเห็นผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า
การเสริมจมูกเพื่อแก้ปัญหาจมูกบานนั้น ยังสามารถออกแบบให้เข้ากับ ทรงจมูกยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำ ทรงบาร์บี้ไลน์ หรือทรงธรรมชาติ โดยแพทย์จะวิเคราะห์ร่วมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อออกแบบทรงจมูกให้รับกับหน้าผาก ปาก และคางมากที่สุด
ผ่าตัดแก้จมูกบานเหมาะกับใครบ้าง?
สำหรับการแก้จมูกบานนั้น สามารถช่วยปรับทรงจมูกให้ได้สัดส่วน ส่งผลต่อใบหน้าโดยรวมที่ดีขึ้นตามไปด้วย จึงเหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่มีความกังวลเรื่องสัดส่วนของทรงจมูกและใบหน้า
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับลุคเปลี่ยนบุคลิกให้ดีขึ้น
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาจมูกใหญ่จากโครงสร้าง เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่อยากให้ใบหน้าแลดูเรียวได้รูปมากขึ้น
- เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร
- เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมจมูกพร้อมกับลดขนาดปีกจมูก
ผ่าตัดแก้จมูกบานไม่เหมาะกับใครบ้าง?
สำหรับการแก้จมูกบานด้วยการผ่าตัดนั้น ถึงแม้ในปัจจุบันจะถูกพัฒนาไปมากแล้ว ทั้งเรื่องของเทคนิคการผ่าตัด เทคนิคเสริมอื่น ๆ ในการช่วยปรับรูปทรง เทคนิคการเย็บแผล เป็นต้น แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการแก้ไขด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- ไม่เหมาะกับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรืออายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากโครงสร้างกระดูกยังเติบโตไม่เต็มที่ อาจทำให้เมื่อเวลาผ่านไปผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงได้
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องรับประทานยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือดหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคที่เกี่ยวกับเลือด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ไม่เหมาะกับคนที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังเป็นไข้หวัดควรรักษาให้หายก่อนรับบริการ
- ไม่เหมาะกับคนที่กำลังมีแผลติดเชื้อบริเวณจมูก ควรรักษาให้อาการหายสนิทจึงค่อยผ่าตัด
เตรียมตัวก่อนแก้จมูกบาน
หากใครที่กำลังตัดสินใจเลือกแก้จมูกบานด้วยการผ่าตัด สามารถเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาระหว่างทำให้น้อยลง ส่งผลให้หลังทำได้ผลลัพธ์ที่ดี ลดผลข้างเคียงให้น้อยลง โดยสามารถเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการได้ดังนี้
- ควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง ก่อนที่จะเข้ารับบริการ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ จึงจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา
- ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อรับการประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ เคยมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนรับบริการทุกครั้ง
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริม ที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
หลังแก้จมูกบานควรดูแลอย่างไร?
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังผ่าตัดแก้จมูกบานออกมาดี ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ดังนี้
-
- หลังทำอาจเกิดอาการบวม สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการให้ยุบไวขึ้นได้ในช่วง 1 – 3 วันแรกหลังทำ
- หลังจากอาการบวมหายไปหากมีรอยเขียวช้ำ สามารถประคบอุ่นเพื่อช่วยให้รอยเขียวจางลงได้ไวขึ้น
- ช่วง 3 – 5 วันแรกอย่าให้แผลโดนน้ำ งดล้างหน้าไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลอักเสบติดเชื้อ
- ควรทำความสะอาดแผลด้วยสำลีพันก้านชุบน้ำเกลือ และเช็ดอย่างเบามือที่แผลผ่าตัด
- งดบีบ ขยี้ แคะ สั่งน้ำมูก หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดถูกกระทบกระเทือน
- งดนอนคว่ำหรือนอนตะแคง เพื่อป้องกันไม่ให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือนในช่วงแรกที่ยังไม่เข้าที่และแผลยังไม่หายดี
- ควรนอนหงาย ยกศีรษะให้สูง ช่วยลดอาการบวม และลดอาการเลือดคั่ง
- หลีกเลี่ยงอาการไอหรือจามให้ได้มากที่สุด ประมาณช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
- งดทานอาหารที่แข็ง เหนียว หรือเคี้ยวยาก เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อและลดการอ้าปากกว้างเกินไปในช่วงแรกหลังผ่าตัด
- งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด ในช่วงแรกหลังทำ เพราะอาจทำให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อได้ในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ในช่วง 1 เดือนแรก เพราะจะทำให้แผลหายช้าและร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
- งดออกกำลังกาย ทำกิจกรรมหนัก ๆ หรือการก้มหน้านาน ๆ ในช่วงแรกที่จมูกยังไม่เข้าที่
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
คำถามพบบ่อย (FAQ ) เกี่ยวกับการแก้จมูกบาน
ในส่วนของปัญหาจมูกบานที่หลายคนยังมีคำถามเพิ่มเติม ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย นำมาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: การตัดปีกจมูกทำให้หายใจลำบากหรือไม่?
A: สำหรับการตัดปีกจมูกไม่ได้ทำให้การหายใจติดขัดหรือลำบากขึ้นจากเดิม เพราะเป็นการตัดแต่งขนาดเนื้อเยื่อและขยับตำแหน่งเข้ามาด้านในให้เหมาะสม ซึ่งไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโพรงจมูก ถึงแม้จะทำร่วมกับการเสริมจมูกก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการหายใจ หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
Q: จมูกบานแต่ไม่อยากผ่าตัด ควรเริ่มต้นยังไงดี?
A: ในส่วนของคนที่ยังไม่พร้อมจะผ่าตัด สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมได้ หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเกิดปัญหาที่กล้ามเนื้อดึงรั้งปีกจมูกให้บานออก แพทย์อาจจะเลือกเป็นการฉีดโบท็อกปีกจมูก เข้ามาช่วยแก้ปัญหา เป็นต้น ขอให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงและแจ้งความประสงค์ให้ชัดเจน ก็จะทำให้การวางแผนการรักษาแม่นยำและตรงตามความต้องการของคนไข้มากที่สุด
Q: แก้จมูกบานแล้วจะกลับมาบานใหม่ได้ไหม?
A: ในส่วนของคนที่แก้ไขด้วยการผ่าตัดผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ถาวร แต่ถ้าแก้ไขด้วยหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดโบท็อก เมื่อฤทธิ์ยาหมดไปกล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม
Q: จมูกบานแต่มีปัญหาเรื่องพังผืดหรือเคยศัลยกรรมมาก่อน แก้ได้ไหม?
A: ในกรณีนี้สามารถเข้ารับการแก้จมูกได้ แต่อาจจะมีความซับซ้อนมากกว่าคนที่ไม่เคยทำศัลยกรรมจมูกมาก่อน เพราะโครงสร้างภายในหรือเนื้อเยื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงและได้รับความเสียหายจนทำให้เกิดพังผืด แพทย์จึงต้องวางแผนอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา
Q: การเสริมปลายจมูกช่วยให้จมูกดูไม่บานจริงหรือ?
A: สำหรับการเสริมปลายจมูกให้เชิดหรือยาวขึ้น จะช่วยให้ทรงจมูกดูเรียวมากขึ้น มีความสมดุลรับกับทรงจมูกและใบหน้า ในกรณีของคนที่ไม่ได้มีปัญหาปีกจมูกบานมากนักก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเพียงพอ แต่ในกรณีที่มีปัญหาจมูกบานค่อนข้างเยอะอาจจะต้องตัดปีกจมูกร่วมด้วย
สรุป
จมูกบานสามารถแก้ไขได้ด้วยหลายวิธีซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด โดยวิธีที่ได้รับความนิยมคือการผ่าตัดเพราะให้ผลลัพธ์ที่ถาวร สามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกได้ แพทย์สามารถปรับโครงสร้าง ปรับขนาด ปรับรูปทรงของจมูกได้อย่างแม่นยำและเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์และทำกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับปีกจมูกหรือทรงจมูก แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด