หากจมูกที่เคยทำมาแล้วมีปัญหา การแก้จมูกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรเลือกตัดสินใจอย่างระมัดระวัง เพราะโครงสร้างภายในของจมูกเกิดการเปลี่ยนแปลงและอาจเกิดพังผืดยึดกับเนื้อเยื่อและซิลิโคน การแก้ไขจึงมีความซับซ้อนมากกว่าการทำครั้งแรก สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขจมูกที่มีปัญหาว่าเหมาะกับใครบ้าง ทำไมต้องแก้ไข ลักษณะของจมูกแบบไหนที่ต้องแก้ไข เทคนิคที่ใช้มีอะไรบ้าง สามารถสังเกตได้อย่างไรว่าจมูกที่เสริมมาแล้วเกิดปัญหาขึ้น ติตตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้ จาก Vincent Clinic Plastic Surgery
Key Takeaways
- การแก้จมูก เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเสริมจมูกครั้งก่อน เช่น ซิลิโคนเบี้ยว ทะลุ หรือไม่พอใจกับทรงเดิม
- ผู้ที่เหมาะสำหรับการแก้จมูก คือผู้ที่มีปัญหาหลังเสริมจมูก หรือผู้ที่เคยฉีดสารเหลวแล้วต้องการเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดอย่างปลอดภัย
- ในการแก้จมูก ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนทำ เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและวางแผนอย่างแม่นยำ
- สัญญาณเตือนว่าควรแก้จมูก เช่น ปลายจมูกบวมแดง เจ็บ มีของเหลวไหล หรือเห็นเงาซิลิโคนชัดเจน
- เทคนิคที่ใช้ในการแก้จมูกมีหลายแบบ เช่น Open, Closed, SSTP หรือการใช้เนื้อเยื่อของตัวเองเสริมตามความเหมาะสม
- การผ่าตัดแก้จมูกมีความซับซ้อนมากกว่าการเสริมใหม่ เพราะเนื้อเยื่ออาจมีพังผืดหรือโครงสร้างเปลี่ยนไป
- หลังผ่าตัดแก้จมูกต้องดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการกระแทก งดอาหารที่มีความเสี่ยง และประคบตามคำแนะนำ
- ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตชัดเจน และแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางในการแก้จมูก
- ราคาแก้จมูกอยู่ในช่วงประมาณ 30,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากของเคสและเทคนิคที่ใช้
- แม้จะแก้จมูกได้หลายครั้ง แต่ควรทำเฉพาะที่จำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อจมูกบางหรือเกิดพังผืด
แก้จมูก เหมาะกับใคร?
สำหรับการแก้จมูกเป็นวิธีการที่สามารถเข้ามาช่วยจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับจมูกที่เคยเสริมมาก่อนหน้าไม่จะด้วยวิธีการใดก็ตาม โดยเหมาะกับคนกลุ่มต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่ผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้วเกิดปัญหา เช่น จมูกเบี้ยว จมูกทะลุ เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่ทำจมูกมาแล้วแต่ไม่พอใจ อยากที่จะเปลี่ยนทรงจมูกใหม่ให้รับกับใบหน้า
- เหมาะกับคนที่เคยฉีดสารเหลวที่จมูกแล้วต้องการเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดเสริมจมูก
- เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดสารเหลวที่จมูก เช่น อักเสบติดเชื้อ ผิดรูป สารเหลวไหล เป็นต้น
ทำไมต้องแก้จมูก?
ปัจจัยที่ทำให้ต้องแก้ทรงจมูกมีด้วยกันหลายปัจจัยขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีเงื่อนไขในด้านร่างกายหรือสุขภาพ ปัญหา และความต้องการที่ต่างกัน ซึ่งสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- เกิดปัญหาขึ้นหลังเสริมจมูก เช่น ปลายจมูกทะลุ จมูกบางจนเห็นซิลิโคน จมูกเบี้ยว เป็นต้น
- ทำจมูกมาแล้วแต่ไม่รับกับใบหน้า ได้ทรงที่ไม่สวยตามต้องการ
- เคยเสริมจมูกมาแล้วแต่อยากเปลี่ยนทรงใหม่
- เกิดปัญหาซิลิโคนไหล อักเสบติดเชื้อ จมูกผิดรูป จากการฉีดสารเหลวหรือซิลิโคนเหลวเพื่อเสริมจมูก
การประเมินก่อนแก้จมูกสำคัญอย่างไร?
เพื่อให้การแก้จมูกเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดปัญหาหรือผลข้างเคียงตามมา การประเมินก่อนแก้ไขจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยแพทย์จะประเมินระดับความรุนแรงของปัญหา วิเคราะห์เพื่อ ปรับโครงสร้างจมูก ที่เกิดความเสียหายและมีการเปลี่ยนแปลงจากการเสริมครั้งก่อน วิเคราะห์โครงหน้า ประกอบกับความต้องการของคนไข้ เพื่อที่แพทย์จะนำไปเป็นข้อมูลใช้ในการเลือกเทคนิคในการผ่าตัดแก้ไขที่เหมาะสม เลือกทรงจมูกที่ตอบโจทย์คนไข้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการแก้ไขจมูกที่เคยเสริมมาแล้วทำให้มีความซับซ้อนค่อนข้างมากเพราะเนื้อเยื่อเกิดความเสียหาย โครงสร้างภายในมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ปลอดภัย และไม่เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาในอนาคต
ลักษณะจมูกแบบไหนที่ควรพิจารณาแก้จมูก?
ก่อนแก้จมูก สามารถสังเกตตัวเองเบื้องต้นได้จากลักษณะของจมูก ซึ่งมีลักษณะของจมูกที่แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและวางแผนในการรักษาต่อไป โดยมีลักษณะของจมูกที่ควรแก้ไขดังนี้
ซิลิโคนเอียง เบี้ยว เคลื่อน
คือลักษณะของทรงจมูกที่ไม่อยู่ในตำแหน่งปกติ มีการเอียงของแกนจมูกไปด้านใดด้านหนึ่ง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง วางซิลิโคนไม่แนบสนิทกับแกนจมูก เหลาซิลิโคนไม่พอดีกับแกนจมูก เทคนิคการผ่าตัดไม่เหมาะสม เป็นต้น หากปล่อยอาการ จมูกเอียง ไว้นาน อาจเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุได้ในอนาคต
ปลายจมูกบาง เห็นเงาซิลิโคน
ลักษณะนี้จะทำให้สามารถมองเห็นซิลิโคนได้ชัดเจน เสี่ยงต่อปัญหาจมูกทะลุได้ สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่แพทย์ใช้ซิลิโคนที่มีขนาดหรือรูปทรงไม่พอดีกับโครงสร้างจมูกคนไข้ ทำให้ซิลิโคนดันปลายจมูกมากเกินไป เมื่อทิ้งไว้จะเกิดการเสียดสีจนทำให้เนื้อจมูกบางลงจนมองเห็นตัวซิลิโคนได้ รวมไปถึงการที่ไม่ได้ใช้เทคนิครองปลายจมูกเพื่อป้องกันปัญหาเอาไว้ก่อน
จมูกแข็ง ไม่ยืดหยุ่น
อาการนี้มักเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังเสริมจมูก แต่จะค่อย ๆ หายไปได้เองตามระยะเวลาการฟื้นตัวของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน แต่หากหลังจากแผลหายสนิทแล้วยังเกิดอาการจมูกแข็งอาจเกิดขึ้นจากการที่พังผืดรัดแกนจมูกมากเกินไป หรือบางรายอาจมีอาการบวมแดงอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้เข้าพบแพทย์ทันที
จมูกงุ้ม มีร่องหรือบุ๋ม
เป็นลักษระของปลายจมูกที่โค้งลงหรืองุ้มเข้าหาปาก ปลายจมูกตกลงมาต่ำกว่าปกติที่ควรจะเป็น อาจเกิดขึ้นได้จากการที่แพทย์ปรับโครงสร้างฐานจมูกเดิมไม่เหมาะสม จึงไม่สามารถรองรับซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง หรือใช้ทรงซิลิโคนที่ไม่เหมาะกับฐานจมูกเดิมทำให้เกิดแรงกดหรือซิลิโคนเสียสมดุล หากปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเนื้อจมูกบางและซิลิโคนทะลุได้ในอนาคต
รู้สึกเจ็บหรือเสียวเมื่อสัมผัส
ความรู้สึกเจ็บหรือเสียวบริเวณปลายจมูก สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่ซิลิโคนชิดกันผิวจมูกมากเกินไป หากปล่อยไว้มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาจมูกทะลุได้
สัญญาณเตือนว่าควรแก้จมูกโดยด่วน!
สำหรับสัญญาณเตือนว่าควรแก้จมูก สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ และแนะนำว่าไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหารุนแรงและแก้ไขได้ยาก โดยมีสัญญาณเตือนดังนี้
- ปลายจมูกบวมแดง
- มีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่ปลายจมูก
- สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บหรือเสียวปลายจมูก
- มีของเหลวไหลซึมออกมาจากจมูก
- เกิดอาการผิวหนังบริเวณจมูกยุบหรือมีรอยบุ๋ม
- ทรงจมูกผิดปกติ เช่น จมูกเอียง จมูกเบี้ยว เป็นต้น
- จมูกงุ้มลงมากกว่าปกติ
- ปลายจมูกใสหรือสะท้อนแสง เห็นซิลิโคนชัดเจน
- บริเวณจมูกมีก้อนนูนปรากฏขึ้น
- ซิลิโคนทะลุออกมานอกผิวหนัง
เจาะลึก : จมูกแบบไหนควรแก้ ไม่แก้ไขอาจลุกลามจนจมูกพัง ใช้เทคนิคแบบไหน?
เทคนิคการแก้จมูกมีอะไรบ้าง?
เพื่อให้การแก้จมูกได้ผลลัพธ์ออกมาดีและปลอดภัย เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดแก้ไขจึงมีความสำคัญ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โดยมีเทคนิคที่แพทย์นิยมเลือกใช้ตามความเหมาะสมของปัญหาแต่ละคนที่แตกต่างกัน ดังนี้
การผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
เทคนิคผ่าตัดแบบโอเพ่นนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายและครอบคลุม เนื่องจากแพทย์สามารถเห็นโครงสร้าง ต้นตอของปัญหา รวมไปถึงความเสียหายของโครงสร้างภายในได้อย่างชัดเจน จึงแก้ปัญหาได้ตรงจุด จัดการปัญหาได้ครบทุกจุด จัดวางซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับคนที่มีปัญหาค่อนข้างรุนแรง ต้องปรับแก้และจัดเรียงโครงสร้างจมูกเยอะ
เจาะลึก : เสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
การผ่าตัดแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
เทคนิคนี้คนไข้จะสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ไม่มีแผลภายนอก บวมช้ำน้อย ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย แต่แพทย์ไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในได้ทั้งหมด จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาน้อย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องปรับแก้โครงสร้างเยอะ ปรับแต่งแค่บางส่วน แก้ไขทรงจมูกเพียงเล็กน้อย
เจาะลึก : เสริมจมูกแบบปิด คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
การผ่าตัดแบบ SSTP
เป็นการใช้เทคนิคในการเพิ่มพื้นที่ในการใส่ซิลิโคนให้มากขึ้น สามารถทำให้จมูกยาวขึ้น ได้ทรงโด่งพุ่งสวยแม้จะมีเนื้อจมูกน้อย สามารถใช้เทคนิคเย็บอินเตอร์โดมร่วมด้วยได้ ไม่มีรอยแผลผ่าตัดทิ้งไว้ภายนอก ฟื้นตัวได้ไว ลดอาการบวมช้ำ สามารถช่วยปรับแก้ปัญหาภายในจมูกได้ในระดับหนึ่ง ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกที่ค่อนข้างเยอะหรือซับซ้อนมาก ๆ
เจาะลึก : เสริมจมูกสร้างความมั่นใจ เปลี่ยนโฉมใหม่ให้ใบหน้าดูสมบูรณ์แบบ SSTP
การใช้เนื้อเยื่อตัวเอง / เทียมเสริมความหนา
เป็นอีกเทคนิคที่นิยมใช้กันมากเพื่อช่วยป้องกันปัญหาจมูกทะลุ โดยการใช้เนื้อเยื่อตามร่างกายของคนไข้เองหรือเนื้อเยื่อเทียมมารองปลายจมูกไว้ เช่น เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหู หรือ เสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ เป็นต้น ช่วยให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ป้องกันปัญหาจมูกทะลุได้ดี
วัสดุที่นิยมใช้ในการแก้จมูก
ในการแก้จมูกนอกจากเทคนิคที่ใช้แล้ว วัสดุที่ใช้ก็มีความสำคัญเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงตามมาให้น้อยลง โดยแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
วัสดุสังเคราะห์
- ซิลิโคนสำเร็จรูป/ซิลิโคนเหลาเอง
- เนื้อเยื่อเทียม
- กอร์เท็กซ์
- เมดพอร์
- กระดูกอ่อนเทียม (PCL Mesh)
เนื้อเยื่อหรือกระดูกอ่อนของคนไข้
- เนื้อเยื่อก้นกบ
- กระดูกอ่อนหลังหู
- กระดูกอ่อนซี่โครง
- กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก
ความแตกต่างระหว่าง เสริมใหม่ กับ แก้จมูก ที่ควรรู้
สำหรับการแก้จมูก และ การเสริมจมูกใหม่ มีข้อควรรู้หลายอย่างที่ควรพิจารณาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- เสริมจมูกใหม่ เนื้อเยื่อและโครงสร้างจมูกยังไม่ถูกทำหลายหรือมีการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนน้อย ความเสี่ยงต่ำ แพทย์ทำงานได้ง่ายกว่า
- แก้จมูก เป็นศัลยกรรมที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก และมีความเสี่ยงในหลายด้าน เนื่องจากโครงสร้างกระดูก ฐานจมูก และเนื้อเยื่อภายในได้รับความเสียหาย เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีพังผืดยึดเกาะ ทำให้แพทย์จะต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ในการประเมินปัญหา เลือกเทคนิคการแก้ไขที่เหมาะสม วางแผนการรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ให้น้อยลง
ราคาแก้จมูกเท่าไหร่?
สำหรับราคาในการแก้ทรงจมูกนั้น มีด้วยกันหลายราคาขึ้นอยู่กับ ระดับความรุนแรงของปัญหา สภาพโครงสร้างเดิมของจมูกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เทคนิคเสริมและวัสดุอื่น ๆ ที่ใช้ ความต้องการของคนไข้ รวมไปถึงประสบการณ์ของแพทย์ โดยราคาทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท
ขั้นตอนการแก้จมูกมีอะไรบ้าง?
ขั้นตอนการแก้จมูก มีความคล้ายคลึงกับการเสริมใหม่ แต่อาจจะต้องมีการประเมินที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแพทย์จะต้องจัดการปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้ารับคำปรึกษาและการประเมินโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรง
- แพทย์วิเคราะห์โครงสร้างจมูก โครงสร้างใบหน้า และประเมินปัญหา เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม ร่วมกับความต้องการของคนไข้ เพื่อออกแบบทรงจมูกและวางแผนการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ตอบโจทย์ และรับกับใบหน้ามากที่สุด
- เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างจมูก จัดการเคลียร์ปัญหาเดิม ใส่ซิลิโคนหรือเสริมด้วยวัสดุใหม่
- จัดการเย็บแผล ใส่ฟิกซ์จมูก และกลับบ้านได้
- ดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำและเข้ามาตัดไหมตามกำหนดที่แพทย์นัดหมาย
การดูแลตัวเองหลังแก้จมูก
หลังผ่าตัดแก้จมูก ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บและโครงสร้างจมูกถูกแก้ไขซ้ำ ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดทำได้ช้าลง โดยสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้
- ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมให้ยุบไวขึ้น แนะนำให้ประคบโดยรอบ ห้ามประคบลงบริเวณจมูกโดยตรง
- 3 วันแรกหลังทำ ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ
- ในวันที่ 4 หลังจากผ่าตัด หากมีรอยเขียวช้ำ สามารถประคบอุ่นเพื่อช่วยลดอาการได้
- งดอาการหมักดอง อาหารทะเล แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย ทั้งยังทำให้การฟื้นฟูของร่างกายและการสมานแผลช้าลง
- ห้าม แคะ ขยี้ เกา สั่งน้ำมูก หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณจมูกในช่วงแรกที่ทำ เพราะอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่น
- ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ควรนอนหงายในช่วงแรกหลังทำ และยกศีรษะขึ้นสูง เพื่อช่วยลดอาการเลือดคั่ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้จมูกถูกกระทบกระเทือน
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลภาวะหรือฝุ่นละอองจำนวนมาก เพื่อป้องกันอาการไอ จาม ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- ไม่ควรทานอาหารที่แข็ง เหนียว หรือเคี้ยวยาก เพื่อไม่ให้เกิดการขยับหรืออ้าปากกว้างในช่วงแรก
- งดออกกำลังกาย ทำกิจกรรมหนัก หรือการก้มหน้านาน ๆ ในช่วงแรกที่จมูกยังไม่เข้าที่
ข้อดีและข้อควรระวังของการแก้จมูก
การแก้จมูก มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาร่วมด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจแก้ไข เนื่องจากเป็นการผ่าตัดซ้ำที่เดิม สามารถทำให้เนื้อเยื่อและโครงสร้างภายได้บอบช้ำมากขึ้นได้ โดยมีรายละเอียดของทั้งข้อดีและข้อควรระวัง ดังนี้
ข้อดีของการแก้จมูก
- ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับจมูกที่เคยเสริมมาแล้วได้อย่างตรงจุด
- ปรับเปลี่ยน ทรงจมูก ให้ดีขึ้น รับกับใบหน้า
- รักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับจมูกให้ดีขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจ
ข้อควรระวังของการแก้จมูก
- มีโอกาสที่เนื้อเยื่อจมูกจะบางลง
- เพิ่มโอกาสที่จะทำให้เกิดพังผืดได้มากขึ้น
- ควรเว้นระยะห่างจากการเสริมจมูกครั้งก่อนประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี หากเป็นปัญหาที่รุนแรง เช่น จมูกทะลุ หรือเกิดการบวมแดง อักเสบติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาเบื้องต้นได้ทันที
- หากเนื้อเยื่อหรือโครงสร้างจมูกได้รับความเสียหายหนักอาจจะไม่สามารถเสริมจมูกในทรงที่ต้องการได้ ซึ่งแพทย์จะช่วยหาเทคนิคที่จะช่วยให้ได้ทรงจมูกที่ใกล้เคียงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด
แก้จมูกให้ปลอดภัย เลือกที่ไหนดี?
ก่อนแก้จมูก แนะนำให้ศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- คลินิกที่น่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาตติดไว้ให้เห็นชัดเจน
- แพทย์มีประสบการณ์ เลือกเทคนิคที่เหมาะสมและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด
- ใช้ซิลิโคนหรือวัสดุในการแก้ไขจมูกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองมาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้
- มีรีวิวให้ดู เพื่อให้เห็นภาพของผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจน ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
FAQ: คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการแก้จมูก
สำหรับใครที่ยังสงสัยเกี่ยวกับการแก้จมูก ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบได้บ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ทั้งยังช่วยไขข้อสงสัยต่าง ๆ ให้กระจ่างมากขึ้น
Q: การแก้จมูกเจ็บกว่าการเสริมครั้งแรกไหม?
A : ก่อนผ่าตัดจะมีการใช้ยาชาและยาสลบ ช่วยให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ ผ่อนคลายมากขึ้น และแพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นในบางรายที่เนื้อเยื่อบอบช้ำค่อนข้างมากจากปัญหาเดิมและไวต่อความรู้สึก หลังผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำหรือรู้สึกเจ็บได้มากกว่าการเสริมครั้งแรก แต่สามารถกินยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งจะดีขึ้นใน 3 – 5 วันแรกหลังผ่าตัด
Q: ต้องเว้นระยะห่างนานแค่ไหนถึงจะแก้จมูกได้?
A : สำหรับระยะเวลาที่แพทย์แนะนำก่อนที่จะแก้จมูกอยู่ประมาณ 6 – 12 เดือน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ แผลสมานดีแล้ว แต่หากเป็นอาการที่รุนแรงอย่างเช่น อักเสบติดเชื้อ ซิลิโคนทะลุ เป็นต้น สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที โดยแพทย์จะพิจารณารักษาตามลำดับความสำคัญของปัญหา
Q: แก้จมูกได้กี่ครั้ง? มีข้อจำกัดไหม?
A : สามารถแก้ไขได้เรื่อย ๆ เท่าที่เนื้อเยื่อของเรายังมีอยู่ เนื่องจากการผ่าตัดแก้จมูกบ่อย ๆ มีโอกาสทำให้เนื้อจมูกบางลงในทุกครั้งที่ผ่าตัด จึงแนะนำให้แก้ไขเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาให้ จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
Q: จำเป็นต้องใช้กระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อจากตัวเองไหม?
A : หากไม่ได้มีปัญหาปลายจมูกบางหรือมีปัญหาที่ต้องใช้วัสดุเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ โดยแพทย์จะพิจารณาใช้กับกรณีที่เนื้อจมูกบาง แก้บ่อย ต้องการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างจมูก เป็นต้น
Q: ถ้าแก้จมูกแล้ว ยังมีโอกาสเบี้ยวหรือทะลุอีกไหม?
A : ปัญหาจมูกเบี้ยวหรือทะลุสามารถกลับมาเป็นได้อีก หากคนไข้ดูแลตัวเองไม่ดีมากพอ รวมไปถึงแพทย์มีประสบการณ์น้อยอาจจะใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสมกับปัญหา
Q: หลังแก้จมูก พักฟื้นนานเท่าไหร่? กี่วันแต่งหน้าได้?
A : โดยทั่วไปการพักฟื้นจะอยู่ที่ 1 – 2 สัปดาห์ สำหรับคนที่ต้องการแต่งหน้าแนะนำให้ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนจึงค่อยเริ่มแต่งหน้า โดยอย่าลงน้ำหนักหรือกดบริเวณจมูกแรง ๆ
Q: ถ้าไม่พอใจกับทรงจมูก แต่ไม่มีอาการอันตราย ต้องรีบแก้ไหม?
A : ในกรณีที่ไม่ได้มีปัญหารุนแรง เช่น จมูกทะลุ อักเสบติดเชื้อ เป็นต้น เป็นปัญหาเพียงแค่เรื่องของทรงจมูกที่ไม่ถูกใจหรือไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แนะนำให้รอเนื้อเยื่อฟื้นตัวเต็มที่และแผลหายสนิทประมาณ 6 – 12 เดือน แล้วจึงเข้ามาปรึกษากับแพทย์เพื่อรับการแก้ไข
สรุป
การแก้จมูก เป็นอีกทางเลือกของคนที่ต้องการเปลี่ยนทรงจมูกเดิมที่เคยเสริมมาแล้ว ให้ได้จมูกใหม่ตามทรงที่ต้องการและรับกับใบหน้ามากขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับคนที่เกิดอาการผิดปกติกับจมูก เช่น จมูกบวม อักเสบติดเชื้อ จมูกเบี้ยว จมูกทะลุ เป็นต้น สำหรับใครที่ต้องการแก้จมูกให้ได้ทรงสวยดังใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์และออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย