ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณรักแร้เป็นจุดที่ลดยาก แต่แก้ไขได้ด้วยการดูดไขมันนมน้อย ซึ่งไขมันในบริเวณนี้หากปล่อยทิ้งไว้จนสะสมไปเรื่อย ๆ จะทำให้มองเห็นเนื้อปลิ้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะออกกำลังกายหรือคุมอาหารแค่ไหนปัญหานมน้อยก็แทบจะไม่ลดลงไปหรือลดลงได้ยาก บั่นทอนความมั่นใจในการใส่เสื้อแขนกุด เสื้อสายเดี่ยว ใส่ชุดบิกินี่ หรือแต่งตัวตามแฟชั่นให้ลดน้อยลง เพราะมีไขมันสะสมบริเวณรักแร้ที่ล้นออกต่อจากแนวเต้านมเพิ่มมา สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าวิธีการนี้คืออะไร ช่วยกำจัดไขมันบริเวณรักแร้ได้จริงหรือไม่ นมน้อยคืออะไร ใครบ้างที่ควรทำ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้ได้เลย
Key Takeaways
- ดูดไขมันนมน้อย คือการกำจัดไขมันเฉพาะจุดบริเวณรักแร้ที่ปลิ้นคล้ายเต้านมเล็ก ๆ ช่วยลดขนาดเนื้อปลิ้นข้างอก แขนดูเรียวขึ้น ผิวบริเวณรักแร้แนบเนียน
- การดูดไขมันนมน้อย เหมาะกับคนที่รูปร่างผอมหรืออ้วนก็มีนมน้อยได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไขมันสะสมดื้อแม้ออกกำลังกาย
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันรักแร้ ผิวจะเรียบตึงขึ้น ช่วยแก้ปัญหาความมั่นใจเมื่อต้องใส่เสื้อรัดรูป เสื้อสายเดี่ยว หรือบรา
- การดูดไขมันนมน้อยไม่ใช่หัตถการอันตราย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกได้มาตรฐาน และพักฟื้นไม่นาน ประมาณ 1 สัปดาห์ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด
- ราคาการดูดไขมันใต้รักแร้ อยู่ที่ประมาณ 25,000 – 40,000 บาท แล้วแต่เทคนิคและปริมาณไขมัน
ดูดไขมันนมน้อย คืออะไร?
ดูดไขมันนมน้อย คือ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการดูดไขมันโดยเฉพาะ สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อเข้าไปจัดการกับก้อนเนื้อที่ปลิ้นออกมาบริเวณรักแร้ ซึ่งเครื่องมือนี้มีคลื่นพลังงานที่เหมาะสมกับการทำให้ไขมันเกิดการแตกตัวเล็กลงไม่จับกันเป็นก้อนโดยไม่ทำร้ายเซลล์ผิวข้างเคียง หลังจากนั้นจึงทำการ ดูดไขมัน ที่แตกตัวออกมา ช่วยลดขนาดนมน้อยหรือเนื้อรักแร้ปลิ้นให้เล็กลง โดยสามารถทำควบคู่ไปกับการดูดไขมันบริเวณใกล้เคียง เช่น การดูดไขมันต้นแขน เป็นต้น จะช่วยให้แขนเรียวเล็กสมส่วนมากขึ้น
เทคโนโลยีที่ใช้ในการดูดไขมันนมน้อย มีอะไรบ้าง?
การดูดไขมันนมน้อยในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การใช้เข็มหรือท่อดูดธรรมดา แต่มีเทคโนโลยีเฉพาะที่ช่วยให้ดูดไขมันได้แม่นยำขึ้น เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และให้ผลลัพธ์ที่กระชับเนียนเรียบมากกว่า โดยแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งเทคโนโลยีหลัก ๆ ที่นิยมใช้มีดังนี้
-
Vaser (เวเซอร์)
เทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ที่ช่วยสลายไขมันให้แตกตัวก่อนดูดออก จุดเด่นคือสามารถแยกเฉพาะไขมันได้โดยไม่ทำลายเส้นเลือดหรือเนื้อเยื่อข้างเคียง เหมาะกับบริเวณไขมันดื้อและจุดเล็กอย่างนมน้อย ทำให้ฟื้นตัวเร็วและลดอาการบวมช้ำได้ดี
-
BodyTite
ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RFAL (Radio-Frequency Assisted Lipolysis) สลายไขมันพร้อมกระชับผิวไปในตัว เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันร่วมกับผิวหย่อนคล้อย เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผิวตึงขึ้นทันทีหลังทำ
-
J Plasma (หรือ Renuvion)
เป็นเทคโนโลยีพลาสมาพลังงานสูงที่ใช้ร่วมกับคลื่น RF เพื่อกระชับผิวจากด้านใน เหมาะกับกรณีที่กลัวผิวคล้อยหรือเป็นลอน เห็นผลเรื่องความเฟิร์มแน่นและยกกระชับผิวได้ดีในระดับลึก
-
Microaire PAL
ระบบดูดไขมันแบบแรงสั่นความถี่สูง (Power-Assisted Liposuction) ทำให้ดูดไขมันได้อย่างนุ่มนวล ลดความเสียหายต่อผิวรอบข้าง และสามารถเข้าถึงพื้นที่แคบหรือละเอียดอย่างบริเวณใกล้รักแร้ได้อย่างแม่นยำ
-
เครื่อง RF เสริมหลังดูดไขมันนมน้อย
เพื่อกระชับผิวเพิ่มเติม ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อย และทำให้ผลลัพธ์เรียบตึงยาวนานขึ้น
การเลือกใช้เทคโนโลยีใดขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อย และเป้าหมายของผู้รับบริการ การประเมินโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะช่วยเลือกเทคนิคที่เหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยที่สุด
ไขมันนมน้อย คืออะไร? เกิดจากสาเหตุอะไร?
ไขมันนมน้อย คือ ลักษณะของเนื้อบริเวณรักแร้ที่เกิดการปลิ้นออกมาคล้ายกับเป็นเต้านมขนาดเล็ก ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่โดยส่วนใหญ่จะมีโอกาสพบได้ง่ายในผู้หญิงมากกว่า นอกจากนั้นไม่เกิดขึ้นเพียงแต่กับคนที่อวบหรืออ้วนขึ้นเท่านั้น แต่ยังพบได้ในคนที่ผอมอีกด้วย โดยมีสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารักแร้ปลิ้นต่างกันออกไป ดังนี้
- ไขมันส่วนเกินบริเวณใต้รักแร้ การที่มีไขมันสะสมตามร่างกายเยอะ ๆ ย่อมเกิดอาการเนื้อปลิ้น ผิวย้วยออกมาได้ โดยเฉพาะในตำแหน่งบริเวณใต้รักแร้หากมีไขมันมาสะสมเยอะ จะส่งผลทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อปลิ้นออกมาบริเวณใต้รักแร้ จะยิ่งเห็นชัดเจนเวลาที่พับแขนลงหรือใส่บรา
- เนื้อเยื่อเต้านมเติบโตผิดปกติ ในกรณีนี้ปัญหาเนื้อปลิ้นตรงตำแหน่งของรักแร้อาจเกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อเต้านมมีการเจริญเติบโตนอกเหนือจากบริเวณเต้านมทั้งสองข้าง หากเกิดจากสาเหตุนี้แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ หรือ ฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มขึ้นผิดปกติ เป็นต้น
- ผิวหย่อนคล้อย เมื่อชั้นผิวสูญเสียคอลลาเจน มีการเสียดสีบ่อย ขาดความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับเต่งตึง จะส่งผลกระทบทำให้ผิวบริเวณรักแร้หย่อนคล้อย ห้อยออกมากลายเป็นเนื้อปลิ้นได้ เนื่องจากผิวของคนเรานั้นเสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา หากปล่อยทิ้งไว้ปัญหาจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
- สวมใส่บรารัดเกินไป การสวมใส่ชุดชั้นในหรือบราที่แน่นหรือรัดมากเกินไป จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณผิว โดยในส่วนของใต้รักแร้จะทำให้เห็นเป็นเนื้อปลิ้นออกมาคล้ายกับนมน้อย
ไขมันนมน้อย ต่างจากต่อมน้ำเหลืองโตอย่างไร?
หลายคนอาจสับสนระหว่าง ไขมันนมน้อย กับ ต่อมน้ำเหลืองโต เพราะทั้งสองภาวะอาจปรากฏเป็นก้อนหรือตุ่มนูนบริเวณใกล้รักแร้เหมือนกัน แต่ในทางการแพทย์แล้ว ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่
- ไขมันนมน้อย คือก้อนไขมันหรือเนื้อเยื่อที่สะสมมากผิดปกติบริเวณใต้รักแร้ โดยลักษณะจะเป็นเนื้อนิ่ม ไม่เจ็บ ไม่มีอาการอักเสบหรือกดเจ็บร่วมด้วย และมักเกิดจากปัจจัยอย่างกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน หรือไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการดูดไขมัน
- ต่อมน้ำเหลืองโต คืออาการที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้เกิดการขยายขนาดขึ้น อาจเกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อ หรือแม้แต่โรคบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ลักษณะจะเป็นก้อนแข็ง กดเจ็บ หรืออาจเคลื่อนที่ไม่ได้ หากคลำแล้วรู้สึกแข็งหรือปวด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที
การแยกความแตกต่างระหว่างสองภาวะนี้มีความสำคัญมาก เพราะการรักษาและแนวทางแก้ไขจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากไม่แน่ใจว่าก้อนเนื้อบริเวณรักแร้ของคุณเป็นไขมันนมน้อยหรือต่อมน้ำเหลืองโต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด
การดูดไขมันนมน้อย ช่วยเรื่องอะไร? แก้ปัญหาได้จริงไหม?
การดูดไขมันนมน้อยไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาไขมันเฉพาะจุดออกจากร่างกาย แต่คือทางเลือกที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะของคนที่ประสบกับเนื้อปลิ้นใต้รักแร้ หรือที่มักเรียกกันว่านมน้อย ไขมันบริเวณนี้มักสะสมเรื้อรัง ลดได้ยาก มีเนื้อปูดขึ้นที่ขอบบรา หรือมองเห็นเนื้อยื่นออกจากแนวหน้าอกอย่างชัดเจน การดูดไขมันรักแร้จึงเป็นทางเลือกแก้ไขปัญหา ดังนี้
- ช่วยลดปัญหานมน้อยหรือเนื้อปลิ้นบริเวณรักแร้ให้เล็กลง
- ช่วยกำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุดไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกาย
- ช่วยให้ผิวบริเวณรักแร้แลดูเฟิร์มกระชับมากขึ้น
- ช่วยลดการเสียดสีบริเวณรักแร้ให้น้อยลง
- ช่วยให้สวมเสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะบราและชุดรัดรูป
ดูดไขมันนมน้อย เหมาะกับใครบ้าง?
ก่อนที่จะเลือกดูดไขมันนมน้อย ลองมาสังเกตกันก่อนดีกว่าว่าตัวเราเหมาะกับวิธีการนี้หรือไม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณรักแร้ได้อย่างเห็นผลก็ตาม วิธีการนี้จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- เหมาะกับคนที่อยากมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการแต่งตัวอวดแขนสวยไม่มีนมน้อยมากวนใจ
- เหมาะกับคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าที่โชว์แขนหรือตามแฟชั่นเป็นประจำ เช่น เสื้อแขนกุด เสื้อสายเดี่ยว หรือบิกินี่ เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่ต้องออกงานบ่อย ๆ แต่งตัวโชว์แขนได้อย่างมั่นใจ
- เหมาะกับคนที่อยากปรับสัดส่วน สรีระ ให้เข้าที่มากขึ้น
- เหมาะกับคนที่พยายามออกกำลังกายหรือคุมอาหารแล้วแต่นมน้อยไม่หายไป
ดูดไขมันนมน้อยเหมาะกับเพศไหน? ผู้ชายทำได้ไหม?
แม้หลายคนจะเข้าใจว่าปัญหาไขมันนมน้อยมักเกิดเฉพาะในผู้หญิง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ชายก็สามารถมีเนื้อปลิ้นบริเวณใต้รักแร้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกหรือใกล้เต้านม รวมถึงผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อเต้านมเติบโตเกินปกติ
การดูดไขมันนมน้อยจึงเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้จำกัดเพศ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
- ผู้ชายที่รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อใส่เสื้อรัดรูปหรือเสื้อกล้าม เพราะมีเนื้อปลิ้นบริเวณรักแร้
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้วแต่ยังมีไขมันสะสมเฉพาะจุด
- ผู้ชายที่มีภาวะ gynecomastia ร่วมกับนมน้อย สามารถประเมินร่วมกับแพทย์เพื่อดูแนวทางการรักษาที่เหมาะสมได้
การดูดไขมันนมน้อยสำหรับผู้ชายอาจมีเทคนิคเฉพาะเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ แขนกระชับ และไม่ทิ้งรอยแผลเด่น การเข้ารับการประเมินกับแพทย์จะช่วยออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับสรีระเฉพาะบุคคลที่สุด
กำจัดไขมันนมน้อยด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
วิธีการจัดการกับปัญหานี้มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ลักษณะเนื้อปลิ้น และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยสามารถแบ่งวิธีได้เป็น 3 แนวทางหลัก ดังนี้
1. การออกกำลังกายและควบคุมอาหาร วิธีนี้เหมาะกับกรณีที่นมน้อยเกิดจากไขมันสะสมโดยทั่วไป ช่วยลดไขมันในร่างกายโดยรวม รวมถึงบริเวณรักแร้ แต่ไขมันจุดนี้มักดื้อลดยาก และอาจไม่เห็นผลชัดเจนในบางคน ไม่ช่วยเรื่องผิวหย่อนคล้อยหรือเนื้อปลิ้นจากเนื้อเยื่อเต้านม
2. ผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านมส่วนเกินการผ่าตัด เหมาะกับกรณีที่ นมน้อยเกิดจากเนื้อเยื่อเต้านมผิดตำแหน่ง ไม่ใช่ไขมันล้วน แก้ไขได้ตรงจุดในกรณีที่พบต่อมน้ำนมหรือก้อนเต้านมนอกตำแหน่ง แต่ต้องทำโดยแพทย์ด้านเต้านมหรือศัลยกรรมเฉพาะทาง ซึ่งวิธีการนี้ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า และมีรอยแผลผ่าตัด
3. การดูดไขมันนมน้อยสำหรับการดูดไขมันนมน้อย เหมาะกับกรณีที่เกิดจากไขมันสะสมเฉพาะจุด หรือผิวหย่อนคล้อย ทำได้รวดเร็ว และเห็นผลทันทีหลังทำ มีอาการบวมน้อย ฟื้นตัวไว สามารถเสริมด้วยเครื่องกระชับผิวเพื่อผลลัพธ์ที่แนบเนียนยิ่งขึ้น แต่ไม่เหมาะกับกรณีที่เป็นต่อมน้ำนมหรือก้อนเนื้อที่ไม่ใช่ไขมัน
การเลือกวิธีจัดการกับนมน้อยควรพิจารณาจากต้นเหตุของปัญหาเป็นหลัก หากเป็นไขมันสะสมทั่วไป การดูดไขมันนมน้อยคือทางเลือกที่สะดวกและให้ผลลัพธ์ชัดเจน แต่หากเกิดจากเนื้อเยื่อเต้านม ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาผ่าตัดแก้ไขตรงจุดให้เหมาะสมที่สุด
ขั้นตอนการดูดไขมันนมน้อย ทำอย่างไร?
การดูดไขมันนมน้อยบริเวณใต้รักแร้ เป็นหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาไขมันสะสมที่ลดยาก บริเวณที่มักเรียกกันว่า นมน้อย หรือเนื้อปลิ้นข้างอก ซึ่งอาจรบกวนความมั่นใจในการแต่งตัว หัตถการนี้ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่คลินิก โดยทั่วไปขั้นตอนจะเป็นดังนี้:
1. ประเมินและออกแบบตำแหน่งบริเวณนมน้อย แพทย์จะตรวจวิเคราะห์สรีระ บริเวณรักแร้ด้านข้างและเหนือขอบบรา เพื่อวางแผนตำแหน่งไขมันที่จะดูดออกอย่างเหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคล
2. ทำความสะอาดและมาร์คจุดดูดไขมันใต้รักแร้ ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณใต้รักแร้และข้างเต้านม แล้วทำเครื่องหมายตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะจุดที่เนื้อปลิ้นออกมาเมื่อสวมเสื้อชั้นในหรือชุดรัดรูป
3. ฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณนมน้อย ใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกสบาย ลดความเจ็บในระหว่างทำ ไม่ต้องวางยาสลบและสามารถกลับบ้านได้หลังทำ
4. ดูดไขมันบริเวณนมน้อย (ใต้รักแร้) แพทย์จะใช้เครื่องมือดูดไขมันที่เหมาะสมกับชั้นไขมันของแต่ละบุคคล เช่น Vaser, PAL หรือ RF เพื่อสลายและดูดไขมันออกอย่างแม่นยำ โดยเน้นเฉพาะบริเวณที่เนื้อปลิ้นออกมาให้เห็นได้ชัดเจน เช่น ด้านข้างเต้านมหรือจุดเชื่อมระหว่างรักแร้กับต้นแขน
5. กระชับผิวทันที (ถ้าจำเป็น) ในกรณีที่ผิวอาจหย่อนหลังการดูดไขมัน แพทย์อาจใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น เครื่อง RF หรือ J Plasma เพื่อกระชับผิวบริเวณดังกล่าวให้ตึงกระชับ ลดความเสี่ยงของผิวเป็นลอนหรือย้อย
6. ดูแลหลังทำบริเวณใต้รักแร้ หลังเสร็จสิ้นการดูดไขมันจะมีการปิดแผลด้วยผ้าก๊อซขนาดเล็ก และใส่ชุดกระชับเฉพาะตำแหน่งใต้รักแร้เพื่อช่วยให้ผิวแนบเรียบ ลดการบวมและฟื้นตัวเร็วขึ้น ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับบ้านได้ทันที และควรหลีกเลี่ยงการออกแรงหรือยกแขนสูงในช่วง 5–7 วันแรก
ขั้นตอนการดูดไขมันนมน้อยบริเวณใต้รักแร้ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาสั้น ฟื้นตัวไว และสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่หลังทำ หากอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านและมีการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเหมาะสม จะช่วยให้รูปร่างบริเวณรักแร้ดูเรียบเนียนขึ้น เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ของการดูดไขมันใต้รักแร้
ผลลัพธ์หลังดูดไขมันใต้รักแร้ ผู้เข้ารับบริการจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในหลายด้าน ทั้งรูปลักษณ์ ความรู้สึก และคุณภาพชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังทำ ซึ่งอาการบวมเริ่มลดลงและรูปร่างเริ่มเข้าที่มากขึ้น ผลลัพธ์ที่มักเห็นได้ชัดเจน ดังนี้
- ผิวเรียบเนียนขึ้น พื้นผิวบริเวณรักแร้ที่เคยมีเนื้อยื่น ปูดหรือหย่อนคล้อย จะดูแนบเนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ไม่เกิดรอยนูนเวลาใส่บรา หรือเสื้อผ้าที่แนบเนื้อ
- ลดขนาดนมน้อยได้จริง บริเวณที่เคยดูเหมือนเต้านมเล็ก ๆ ข้างอกจะลดขนาดลงจนแทบไม่เห็น ทำให้ไม่รู้สึกว่ามีส่วนเกินที่ผิดตำแหน่งอีกต่อไป
- แขนดูเรียวขึ้นโดยรวม ถึงแม้จะเป็นการดูดเฉพาะส่วนรักแร้ แต่เมื่อไม่มีเนื้อส่วนเกินแขนจะดูยาว เรียว และสมส่วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อต้องสวมเสื้อโชว์แขนหรือบราแบบเปิดช่วงอก
- ลดการเสียดสีและระคายเคือง การไม่มีเนื้อปลิ้นมากดทับกับชุดชั้นใน ช่วยลดการระคายเคือง อาการคันหรือผิวคล้ำจากแรงเสียดสีในชีวิตประจำวัน
- ผิวเต่งตึงเมื่อเสริมด้วยเครื่องกระชับ หากใช้เทคโนโลยีกระชับผิวร่วมหลังดูดไขมัน เช่น Radio Frequency หรือคลื่นพลังงาน RF จะช่วยให้บริเวณที่เคยหย่อนคล้อยฟื้นตัวเร็วขึ้น ผิวแน่นขึ้น ไม่เกิดรอยยุบหรือเป็นคลื่น
- ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน หากดูแลตัวเองดี ไม่กลับไปมีพฤติกรรมที่ทำให้ไขมันสะสมซ้ำ การดูดไขมันบริเวณนี้จะให้ผลในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำบ่อยเหมือนบางหัตถการ
- เพิ่มความมั่นใจในระยะยาว ผู้รับบริการส่วนใหญ่รายงานว่ารู้สึกกล้าแต่งตัวมากขึ้น มีความมั่นใจในการเข้าสังคม และไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการเลือกเสื้อผ้าแบบที่เคยเป็นมาก่อน
ผลลัพธ์ของการดูดไขมันนมน้อยไม่ได้หยุดแค่ลดเนื้อปลิ้น แต่ยังส่งผลให้รูปร่างโดยรวมดูดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจ และช่วยปรับบุคลิกภาพให้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หากดูแลหลังทำตามคำแนะนำของแพทย์ ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานและคุ้มค่าการลงทุนในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ดูดไขมันนมน้อย อันตรายไหม?
การดูดไขมันบริเวณรักแร้หรือนมน้อยจัดเป็นการดูดไขมันเฉพาะจุดที่อยู่ตื้น ไม่ลึกถึงชั้นอวัยวะภายใน และใช้เครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะถ้าทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้าน พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย จะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้
- อาการบวม ช้ำ หรือแดงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ซึ่งถือเป็นอาการปกติ
- ความรู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ดูดไขมัน
- หากเทคนิคไม่ดี อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบ รอยยุบ หรือหย่อนคล้อย
แต่ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถป้องกันได้เกือบทั้งหมด หากเลือกทำกับคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้เครื่องมือปลอดเชื้อ และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มเติมได้อีกด้วย
สรุปคือการดูดไขมันนมน้อย ไม่ใช่หัตถการที่อันตราย หากอยู่ภายใต้การดูแลที่เหมาะสม และใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน
ข้อควรระวังและการดูแลหลังดูดไขมันนมน้อย
แม้การดูดไขมันนมน้อยจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงและไม่ลุกลามไปถึงอวัยวะภายใน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการยกแขนสูงหรือใช้แรงมาก ภายใน 3–5 วันแรก ควรงดการยกของหนัก หรือการเคลื่อนไหวแขนมากเกินไป เพราะอาจทำให้แผลอักเสบหรือเกิดการบวมซ้ำ
- สวมชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์มักจะแนะนำให้ใส่ชุดกระชับ (support garment) บริเวณรักแร้หรือแขนต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ผิวแนบเรียบ ลดบวม และป้องกันผิวเป็นคลื่น
- หลีกเลี่ยงความร้อนและการอาบน้ำอุ่นจัด ในช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงการใช้ซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือสัมผัสความร้อนสูง เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวและบวมมากขึ้นได้
- ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก เพราะการประคบเย็นเบา ๆ ในช่วง 1–2 วันแรกหลังทำจะช่วยลดอาการบวมช้ำและความรู้สึกไม่สบายได้ดี ควรประคบด้วยผ้าห่อน้ำแข็งโดยไม่ให้สัมผัสผิวโดยตรง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง หรือควรงดการทาครีมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ บริเวณรักแร้จนกว่าแผลจะแห้งสนิท เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- เข้าตรวจติดตามตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลหลังทำอย่างต่อเนื่องมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้มั่นใจว่าแผลหายดี ไม่มีปัญหา และผลลัพธ์เป็นไปตามที่วางแผนไว้
- การดูแลตนเองหลังดูดไขมันนมน้อยมีผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ในระยะยาว หากปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผิวเรียบ กระชับ และลดโอกาสการเกิดรอยบุ๋มหรือผิวคลื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูดไขมันนมน้อย ทำซ้ำได้ไหม? ต้องเว้นกี่เดือน?
หลายคนอาจกังวลว่า ถ้าผลลัพธ์ยังไม่สมบูรณ์ หรือต้องการให้ผิวกระชับมากขึ้น สามารถทำการดูดไขมันนมน้อยซ้ำได้หรือไม่ คำตอบคือ สามารถทำซ้ำได้ แต่ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาและแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น การดูดไขมันซ้ำในบริเวณเดิมสามารถทำได้ แต่ต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อน ซึ่งใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3–6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และปัจจัยดังนี้
เมื่อใดควรพิจารณาทำซ้ำ?
- กรณีที่ยังมีไขมันสะสมเหลืออยู่บางส่วนหลังร่างกายเข้าที่
- เมื่อรู้สึกว่าผลลัพธ์ไม่เท่ากันระหว่างสองข้าง
- เมื่อมีผิวหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นหลังไขมันลดลงมากในรอบแรก
ข้อควรระวังหากต้องการทำซ้ำ
- การดูดซ้ำในบริเวณเดิมควรทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันผิวเป็นคลื่นหรือยุบตัว
- ควรหลีกเลี่ยงการทำถี่เกินไป เพราะอาจส่งผลให้ผิวบางหรือเกิดพังผืดในชั้นไขมัน
- การใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น RF หรือ J Plasma ช่วยลดความจำเป็นในการดูดซ้ำ
หากจำเป็นต้องดูดไขมันนมน้อยซ้ำ ควรเว้นระยะเวลาให้เพียงพอ และให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ดูดไขมันนมน้อย ราคาเท่าไหร่?
สำหรับการดูดไขมันนมน้อย มีราคาที่ไม่เท่ากันในแต่ละเคสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคโนโลยีที่ใช้ ระดับของปัญหาที่ต้องแก้ไข ปริมาณไขมันที่ต้องดูดออกมา เทคนิคเสริมที่ใช้ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 40,000 บาท
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันนมน้อย (FAQ)
หากที่ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการดูดไขมันนมน้อยเพิ่มเติม เราได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบได้บ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ช่วยลดความสงสัยหรือความกังวลใจให้น้อยลงได้
Q : ดูดไขมันนมน้อยเจ็บไหม?
A : ขณะทำไม่เจ็บ เพราะแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณรักแร้ ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกแค่ตึง ๆ หรือรู้สึกแรงดึงเบา ๆ เท่านั้น อาการปวดอาจเกิดขึ้นหลังทำ 1–2 วันแรก แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
Q : ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนดูดไขมันนมน้อย?
A : ควรงดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 5–7 วันก่อนทำ เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามิน E และควรพักผ่อนให้เพียงพอ งดแอลกอฮอล์
Q : ต้องงดน้ำ-งดอาหารก่อนทำหรือไม่?
A : ไม่จำเป็น หากใช้ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) เพราะผู้ป่วยไม่ต้องงดน้ำ/อาหารเหมือนการวางยาสลบ ยกเว้นกรณีคลินิกแจ้งให้ดมยาสลบหรือทำ IV sedation
Q : แผลดูดไขมันอยู่ตรงไหน? ใหญ่มากไหม?
A : แผลจากการดูดไขมันนมน้อยจะอยู่บริเวณรอยพับรักแร้หรือจุดที่สามารถซ่อนแผลได้ ขนาดแผลเล็กมากประมาณ 3–5 มิลลิเมตร และแพทย์มักเย็บแผลแบบซ่อนไหมหรือใช้กาวปิดแผลเพื่อให้รอยแผลเนียนที่สุด
Q : ใช้เวลาทำนานไหม?
A : ขั้นตอนทั้งหมดของการดูดไขมันนมน้อย ใช้เวลาประมาณ 30–60 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและเทคนิคที่ใช้ โดยไม่ต้องนอนคลินิก สามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว
Q : หลังทำกี่วันถึงออกกำลังกายได้?
A : ควรงดออกกำลังกายอย่างน้อย 7–10 วัน และควรหลีกเลี่ยงการยกแขนสูงหรือยกของหนักในช่วงแรก เพื่อป้องกันการอักเสบหรือบวมซ้ำ
Q : ผู้ชายทำได้ไหม?
A : ได้แน่นอน ผู้ชายที่มีไขมันสะสมใต้รักแร้หรือมีลักษณะนมน้อยสามารถเข้ารับการดูดไขมันได้เช่นเดียวกับผู้หญิง โดยแพทย์จะประเมินตามสรีระเฉพาะของแต่ละคน
Q : ดูดไขมันนมน้อยจะทำให้หน้าอกเล็กลงหรือไม่?
A : ไม่ทำให้หน้าอกเล็กลง เพราะเป็นการดูดเฉพาะจุดข้างเต้านม (นมน้อย) ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับไขมันบริเวณเต้านมโดยตรง
Q : ทำแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?
A : ถ้าดูแลตัวเองดี คุมอาหาร ออกกำลังกาย และไม่ปล่อยให้มีน้ำหนักขึ้นมาก ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถาวร เพราะเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาใหม่ แต่ยังมีโอกาสที่ไขมันส่วนที่เหลือจะพองโตได้หากพฤติกรรมเดิมกลับมา
ดูดไขมันนมน้อย VS ผ่าตัดเนื้อปลิ้นใต้รักแร้ แบบไหนดีกว่า?
แม้การดูดไขมันนมน้อยจะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม แต่ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดแทน เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของปัญหาและสภาพร่างกายของผู้ป่วยมากที่สุด โดยการเปรียบเทียบระหว่างสองวิธี มีข้อแตกต่างดังนี้
รายละเอียด |
ดูดไขมันนมน้อย |
ผ่าตัดเนื้อปลิ้นใต้รักแร้ |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณรักแร้ ไม่มีเนื้อเยื่อเต้านมหรือผิวหย่อนมาก | ผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมหรือผิวหนังส่วนเกินมาก |
ลักษณะการรักษา | ใช้เครื่องมือดูดไขมันเฉพาะจุด ร่วมกับเทคโนโลยีกระชับผิว | ผ่าตัดเลาะเอาเนื้อหรือผิวส่วนเกินออกโดยตรง |
แผล/การพักฟื้น | แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล | แผลใหญ่กว่า พักฟื้นนานกว่า อาจต้องตัดไหม |
ผลลัพธ์ผิวหลังทำ | ผิวเรียบขึ้น หากใช้เทคโนโลยีกระชับร่วม | ผิวตึงขึ้นทันที แต่ต้องการระยะพักฟื้นมากกว่า |
ข้อควรระวัง | หากดูดไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดผิวเป็นคลื่น | มีรอยแผลชัดเจนมากกว่า ต้องดูแลแผลมากขึ้น |
การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โดยอาจใช้การดูดไขมันเป็นขั้นตอนแรก และพิจารณาการผ่าตัดในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือมีเนื้อเยื่อส่วนเกินมากเกินกว่าจะดูดออกได้หมดในครั้งเดียว
สรุป
ทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาเนื้อปลิ้นใต้รักแร้ คือ ดูดไขมันนมน้อย เป็นวิธีที่ช่วยกำจัดไขมันได้อย่างเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะไขมันในจุดนี้ลดยากแม้จะพยายามออกกำลังกายแล้วก็ตาม ทั้งยังสามารถทำควบคู่ไปกับการยกกระชับผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง ได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว สนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น หากใครที่ต้องการแก้ปัญหานมน้อย เนื้อใต้รักแร้ปลิ้น หรืออยากดูแลรูปร่างให้ได้สัดส่วนมากขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้ทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ช่วยประเมินปัญหา วิเคราะห์สรีระร่างกาย เลือกเทคนิคในการรักษาที่เหมาะสม และออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคลให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้อย่างครอบคลุม