อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอยากรู้คือ ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้สามารถเตรียมตัวในการป้องกันปัญหาและบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยลง ทำให้ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรมคางออกมาดีและปลอดภัยมากที่สุด โดยปัญหาที่พบได้นั้นมีทั้งแบบที่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติและเป็นอาการผิดปกติที่ไม่ควรเกิดขึ้น สำหรับใครที่อยากเช็กอาการตัวเองหรืออยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าลักษณะผิดปกติเป็นอย่างไร แบบไหนคืออาการปกติที่พบได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหามีอะไรบ้าง สามารถป้องกันได้ไหม สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากข้อมูลต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Plastic Surgery
เสริมคาง คืออะไร? ทำไมบางคนถึงมีปัญหาหลังทำ?
เสริมคาง คือ ศัลยกรรมที่ช่วยปรับแต่งรูปทรงคางให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น ด้วยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้ ช่วยให้ใบหน้าได้เข้ารูปมากขึ้น ปรับลุคเปลี่ยนบุคลิกให้ดูดีขึ้น ซึ่งในแต่ละคนอาจเกิดอาการหรือปัญหาขึ้นได้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น การดูแลตัวเองหลังทำ ร่างกายของคนไข้แต่ละคน รวมไปถึงแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด เป็นต้น
ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?
ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อย มีด้วยกันหลายอย่างและเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงทำให้ปัญหาที่เกิดกับแต่ละคนแตกต่างกันออกไป โดยอาการผิดปกติที่ต้องรับการรักษาโดยแพทย์ มีดังนี้
ซิลิโคนคางเบี้ยว
ปัญหาคางเบี้ยวหรือคางเอียง สามารถเกิดขึ้นได้จากการถูกกดทับหรือกระทบกระเทือนรุนแรงในช่วงแรกหลังผ่าตัดซึ่งทุกอย่างยังไม่เข้าที่ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของซิลิโคนไปในตำแหน่งอื่น คางจึงผิดรูปทรงไปจากที่ต้องการ โดยพฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดปัญหา ได้แก่ นอนคว่ำ เท้าคาง ถูกกระแทก เป็นต้น
คางยื่นเกินไป
ปัญหา คางยื่น เกินไปหลังเสริมคาง อาจเกิดจากการเลือกรูปทรงหรือขนาดของซิลิโคนที่ไม่เหมาะกับโครงหน้าของคนไข้ เช่น เลือกซิลิโคนที่ยาวเกินความจำเป็น หรือแพทย์วางตำแหน่งซิลิโคนล้ำออกมาด้านหน้ามากเกินไป ทำให้สัดส่วนของใบหน้าเสียสมดุล คางดูยื่นจนผิดธรรมชาติคล้ายแม่มด หรือทำให้หน้าไม่สมดุลกับส่วนอื่น ๆ เช่น หน้าผากหรือจมูก
คางสั้นเกินไป
ในทางกลับกัน ยังมีปัญหาคางสั้น เนื่องจากหากเสริมคางแล้วคางยังดูสั้นหรือถอยร่นเข้าไป อาจเป็นเพราะเลือกซิลิโคนที่เล็กหรือสั้นเกินไปจากความจำเป็นของโครงหน้า หรือเกิดจากการวางซิลิโคนไม่ตรงตำแหน่งตามแนวฐานกระดูกคาง ส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ชัดเจน ใบหน้าดูไม่มีมิติ และไม่สามารถสร้างความสมดุลของรูปหน้าได้ตามต้องการ
อักเสบหลังเสริมคาง มีอาการบวมช้ำนานกว่าปกติ
โดยปกติแล้วหลังผ่าตัดเสริมคางอาจเกิดอาการบวมช้ำขึ้นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปได้เอง ขึ้นอยู่กับความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน หากใครที่มีอาการบวมช้ำนานมากกว่า 2 สัปดาห์ โดยมีอาการปวดหรือเจ็บที่แผลผ่าตัดมาก ๆ มีอาการบวมแดงไม่ยุบแต่กลับเพิ่มมากขึ้น อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อระหว่างผ่าตัดหรือการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ แนะนำว่าควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
คางทะลุ
ปัญหาคางทะลุสามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่หรือมีขนาดยาวเกินไป ไม่พอดีกับคนไข้ เมื่อขนาดซิลิโคนฝืนธรรมชาติของผิวคนไข้มากเกินไปผิวจึงเกิดการขยายตัวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวบางลงส่งผลให้ซิลิโคนดันตัวทะลุออกมา หากมีอาการปวดตึงคาง มีเลือดหรือน้ำซึมออกจากแผลผ่าตัด รวมถึงอาจเห็นซิลิโคนจากภายนอก ต้องรีบพบแพทย์ทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
คางห้อย คางย้อย
หากเสริมคางมาแล้วซิลิโคนไม่กลมกลืนไปกับคาง มองเห็นเป็นก้อนแยกออกมาชัดเจน มีลักษณะห้อยย้อยลงมา สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่เลือกซิลิโคนไม่เหมาะสมหรือเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์ เป็นต้น
คางเป็นก้อน
เสริมคางแล้วเป็นก้อน เป็นลักษณะของคางที่ดูหนาหรือเป็นก้อนชัดเจน ไม่เป็นธรรมชาติ เกิดขึ้นได้จากการที่ใช้ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เกินไป วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง รวมไปถึงคนไข้ฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางบ่อยหรือเยอะเกินไป จนจับตัวกับเนื้อเยื่อเป็นก้อนแข็ง เกิดพังผืด หลงเหลืออยู่บางส่วนถึงแม้จะขูดออกไปแล้ว แพทย์จะต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดเอาฟิลเลอร์เก่าเหล่านี้ออกให้หมดก่อนเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้พร้อมก่อนใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป
แผลผ่าตัดหายช้า หรือมีแผลเป็นชัดเจน
อาการเหล่านี้เกิดจากการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ ซึ่งคนที่มีประวัติเป็นคีลอยด์ (keloid) มีโอกาสที่จะเกิดแผลนูนได้หากทำแผลนอกใต้คาง รวมไปถึงคนที่ทายาลดรอยแผลเป็นไม่สม่ำเสมอหรือไม่ดูแลตามแพทย์แนะนำ ในกรณีของคนที่ทำแผลในปากไม่ต้องห่วงว่าจะเห็นแผลด้านนอก แต่จะต้องดูแลมากกว่าเพราะแผลอยู่ภายในปาก โดนทั้งน้ำลายและอาหารต่าง ๆ ทำให้มีโอกาสติดเชื้ออักเสบได้ง่ายหากไม่ดูแลให้ดี
เห็นรอยต่อที่คาง
หลังเสริมคางแล้วเห็นรอยต่อของซิลิโคนชัดเจน อาจเกิดขึ้นได้จากการเลือกขนาดซิลิโคนที่ไม่สมดุลกับคางของคนไข้ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ ทำให้คนไข้ต้องเจ็บตัวหลายครั้ง แนะนำให้เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จะทำให้ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ ให้น้อยลง
ปัญหาหลังเสริมคาง เกิดจากอะไร?
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหลังเสริมนั้นมีด้วยกันหลายปัจจัย ซึ่งในแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป โดยมีสาเหตุของการเกิดปัญหาดังนี้
แพทย์มีประสบการณ์น้อย
ในกรณีนี้อาจเกิดขึ้นจากการที่แพทย์มีประสบการณ์น้อย ทำให้ยังไม่เข้าใจเทคนิคการผ่าตัดเสริมคางมากพอ เลือกรูปทรงและขนาดของซิลิโคนได้ไม่เหมาะสม วางตำแหน่งซิลิโคนไม่แม่นยำ ทำให้เกิดปัญหาตามมาหลังผ่าตัด ทำให้รูปหน้าออกมาไม่สมดุล
ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน หรือเลือกรูปทรงไม่เหมาะกับใบหน้า
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาหลังเสริมคาง ได้แก่
- ใช้ซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ซิลิโคนเกรดต่ำ ไม่มีการรับรองความปลอดภัย หรือวัสดุแข็งเกินไป อาจทำให้เกิดอักเสบ พังผืด หรือซิลิโคนทะลุในระยะยาว
- เลือกรูปทรงหรือขนาดซิลิโคนไม่เหมาะสมกับโครงหน้า เช่น เลือกแบบที่ยาวหรือแหลมเกินไปเมื่อเทียบกับใบหน้า ทำให้ คางยาว , ยื่น, เบี้ยว หรือไม่รับกับส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า เช่น จมูกหรือหน้าผาก
การเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์และการวิเคราะห์โครงหน้าร่วมด้วย
การดูแลตัวเองหลังทำ
หลังผ่าตัดหากคนไข้ดูแลตัวเองไม่ดีอาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ เช่น คางเบี้ยวจากการนอนคว่ำ นอนตะแคง หรือเท้าคาง เกิดการอักเสบติดเชื้อจากการรักษาความสะอาดไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น
ต้องแก้หรือถอดซิลิโคนคางออกเมื่อไร? เมื่อพบปัญหาควรทำอย่างไร?
ในบางกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังเสริมคาง จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ว่า ควร แก้ไข โดยผ่าตัดใหม่ หรือ ถอดซิลิโคนออกทั้งหมด ซึ่งมักขึ้นอยู่กับลักษณะอาการ ความรุนแรง และระยะเวลาที่เกิดปัญหา โดยมีสัญญาณเตือนที่ควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ดังนี้
- มีอาการอักเสบติดเชื้อ เช่น คางบวมแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ็บแผลชัดเจน มีไข้ หรือมีน้ำ/เลือดซึมจากแผล หลังทำเกิน 1 สัปดาห์
- มองเห็นขอบซิลิโคน หรือรู้สึกซิลิโคนเคลื่อน อาจเกิดจากคางเบี้ยว คางเอียง หรือซิลิโคนใกล้ทะลุ
- ผ่านไป 1 เดือนแล้วยังคางผิดรูป เช่น คางไม่เข้าที่ คางยื่นผิดธรรมชาติ หรือไม่สมดุลกับใบหน้า
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหลังเสริมคาง
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหลังเสริมคาง ก่อนเลือกทำที่ไหนก็ตามควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด ช่วยให้คนไข้มีความเข้าใจที่มากขึ้นช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาหลังทำให้ลดลงได้ โดยสามารถทำได้ดังนี้
-
- เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาตติดไว้อย่างชัดเจน มีห้องผ่าตัดที่สะอาดได้มาตรฐาน แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจในเรื่องของกายวิภาคหน้าและเทคนิคการผ่าตัด เลือกซิลิโคนได้เหมาะสม ให้คำปรึกษาที่ถูกต้องครบถ้วน
- เลือกใช้ ซิลิโคนคาง ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองคุณภาพ สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและบริษัทนำเข้าได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ กินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น การเท้าคาง การนอนคว่ำ หรือกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนบริเวรคาง เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ปัญหาที่พบบ่อยหลังเสริมคาง
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาที่พบบ่อยหลังเสริมคางเพิ่มเติมอีก ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบได้บ่อยหรือมีคนถามเข้ามาเยอะ ซึ่งเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเสริมคาง เพื่อช่วยไขข้อข้องใจหรือความสงสัยของคนไข้ ดังนี้
Q : เสริมคางแล้วคางเอียง ต้องแก้หรือรอเข้าที่ก่อน?
A : หากพึ่งผ่าตัดมาไม่เกิน 1–2 สัปดาห์ อาจยังไม่เข้าที่ดี ควรรอสังเกต แต่ถ้าผ่านไปเกิน 1 เดือนแล้วยังเอียงชัดเจน ควรให้แพทย์ประเมิน อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดใหม่
Q : หลังเสริมคางแล้วรู้สึกปวด บวมแดงหลายวัน เสี่ยงติดเชื้อไหม?
A : อาการบวมปกติควรลดลงภายใน 7 วัน หากปวดมาก บวมแดงลุกลาม หรือมีน้ำซึมจากแผล ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจติดเชื้อ
Q : ซิลิโคนคางทะลุดูยังไง? อาการเริ่มต้นคืออะไร?
A : สัญญาณที่ต้องระวัง เช่น คางตึงผิดปกติ ผิวบาง เห็นขอบซิลิโคน หรือมีเลือดซึมจากแผลผ่าตัด หากมีอาการเหล่านี้อย่ารอ ควรพบแพทย์โดยด่วน
Q : เสริมคางแล้วเป็นก้อน หรือรู้สึกแข็ง เกิดจากอะไร?
A : อาจเกิดจากพังผืด การวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง หรือมีฟิลเลอร์ตกค้างเดิมอยู่ ควรให้แพทย์ตรวจเพื่อวางแผนการรักษา อาจต้องขูดพังผืดหรือเปลี่ยนซิลิโคนใหม่
Q : คางยื่นเกินไป ไม่เข้ากับใบหน้า แก้ได้ไหม?
A : แก้ได้ โดยแพทย์อาจใช้วิธีเปลี่ยนซิลิโคนให้พอดี หรือปรับสมดุลใบหน้าด้วยเทคนิคเสริม เช่น ฉีดฟิลเลอร์บางจุดร่วมด้วย
Q : เสริมคางแล้วเห็นรอยต่อ หรือขอบซิลิโคนชัด เกิดจากอะไร?
A : อาจเกิดจากการวางซิลิโคนตื้นเกินไป หรือเลือกทรงไม่เหมาะกับใบหน้า ซึ่งต้องให้แพทย์ประเมินว่าควรเปลี่ยนซิลิโคนหรือปรับตำแหน่งใหม่
Q : แผลเสริมคางหายช้า หรือมีแผลเป็นชัด ต้องทำอย่างไร?
A : แนะนำดูแลแผลตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด ใช้ยาทาลดรอยแผลเป็น หากมีแนวโน้มเป็นคีลอยด์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดยาหรือทำเลเซอร์ร่วมด้วย
สรุป
ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อย มักเกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ คือ แพทย์มีประสบการณ์น้อย จึงทำให้เลือกใช้เทคนิคผ่าตัดหรือเลือกรูปทรงซิลิโคนได้ไม่เหมาะสมกับคนไข้ นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้แต่ละคนด้วย หากใครที่ไม่อยากเจอปัญหาหลังทำควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้องและควรดูแลตัวเองหลังทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากใครที่อยากมีคางสวยได้สัดส่วนรับกับใบหน้า ปรับรูปหน้าเรียวสวยมีวีเชพมากขึ้น หรือต้องการแก้ไขคางที่เคยเสริมมาแล้วเกิดปัญหา แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงหน้า และออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล