
ดูดไขมันปีกหลัง คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง หลังทำมีผลข้างเคียงไหม?
ดูดไขมันปีกหลัง อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณด้านข้างลำตัวหรือหลังช่วงบน ซึ่งมักทำให้เกิดเนื้อปลิ้นเวลาสวมชุดชั้นในหรือเสื้อรัดรูป ซึ่งไขมันในบริเวณนี้เป็นจุดที่ลดได้ยาก ถึงแม้จะเป็นคนที่มีรูปร่างโดยรวมไม่อ้วนแต่ก็สามารถเกิดไขมันสะสมในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน ไม่มั่นใจในรูปร่างและการแต่งตัว แม้จะพยายามลดน้ำหนักมากเท่าไหร่ไขมันในบริเวณนี้ก็ยังไม่หายไป ทำให้หลายคนหมดกำลังใจไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร ในเนื้อหาต่อไปนี้ Vincent Clinic Plastic Surgery จะพาไปทำความรู้จักวิธีการดูดไขมันบริเวณปีกหลังว่าคืออะไร วิธีนี้เหมาะกับใคร มีเทคนิคอะไรบ้างที่ใช้ในการ ดูดไขมัน ทำไมไขมันในตำแหน่งนี้ถึงลดยาก แนะนำให้ติดตามอ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้

Key Takeaways
- ดูดไขมันปีกหลัง เป็นการกำจัดไขมันสะสมบริเวณด้านข้างลำตัวหรือแผ่นหลังส่วนบน ที่มักลดยากแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายก็ไม่ลดลง
- เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อปลิ้นบริเวณปีกหลัง รูปร่างผอมแต่มีไขมันเฉพาะจุด และต้องการเห็นผลเร็ว
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมไม่ได้ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักทั้งตัว
- การดูดไขมันช่วยปรับรูปร่างเฉพาะจุดได้ดี เห็นผลชัดเจน ฟื้นตัวไว แผลเล็ก และสามารถนำไขมันไปเติมเต็มส่วนอื่นได้
- หลังทำควรใส่ชุดกระชับอย่างสม่ำเสมอ รับประทานยา ทำความสะอาดแผล และงดกิจกรรมหนักตามที่แพทย์แนะนำ
- ผลลัพธ์เริ่มเห็นหลังทำทันทีบางส่วน และจะชัดเจนขึ้นในช่วง 1–3 เดือน โดยจะอยู่ได้นานมากขึ้นหากควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย
- ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นเครื่องดูดไขมันของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย
ดูดไขมันปีกหลังคืออะไร?
ดูดไขมันปีกหลัง คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณด้านข้างของลำตัวด้านหลัง โดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้แนวชุดชั้นในหรือสายเสื้อใน ไขมันสะสมตรงนี้มักมีลักษณะเป็นก้อนนูนชัดเมื่อใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือชุดชั้นในรัดแน่นจะมีเนื้อปลิ้นออกมา ถึงแม้จะมีรูปร่างผอม หุ่นดี หรือมีน้ำหนักปกติ ก็ยังพบว่าไขมันสะสมบริเวณปีกหลังได้เช่นกัน โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับการดูดไขมันสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวในตำแหน่งที่ต้องการแก้ปัญหา แล้วจึงปล่อยพลังงานเข้าสู่เซลล์ไขมันโดยตรงทำให้แตกตัวเล็กลงง่ายต่อการดูดไขมัน
ทำไมไขมันปีกหลังถึงลดยาก?
ไขมันปีกหลังเป็นหนึ่งในบริเวณที่ลดยาก แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างจริงจัง ก็อาจยังคงหลงเหลือไขมันบางส่วนให้เห็นอยู่ ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลาใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้ารัดรูป โดยเกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น
- ฮอร์โมนและพันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มสะสมไขมันรอบเอว ด้านข้างลำตัว หรือแผ่นหลังมากกว่าจุดอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลจากพันธุกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนไม่สมดุลทำให้เกิดการสะสมไขมันได้มากขึ้น หรือในกรณีที่พ่อแม่มีลักษณะอ้วนมีไขมันสะสมง่ายลักษณะนี้ก็สามารถส่งต่อให้ลูกได้เช่นกัน
- พฤติกรรมการนั่งนาน การนั่งท่าเดิมต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก ส่งผลให้ระบบเผาผลาญช้าลง และเกิดการสะสมของไขมันบริเวณลำตัวด้านหลังได้ง่ายขึ้น
- การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น เช่น เสื้อชั้นในแบบรัดแน่นเกินไปอาจไปกดเนื้อให้ปลิ้นออกมา เป็นต้น
- ออกกำลังกายไม่ตรงจุด การออกกำลังกายด้วยท่าทั่วไปไม่ใช่ท่าที่ใช้ลดไขมันเฉพาะจุด อาจทำให้ไขมันปีกหลังไม่ถูกกำจัดออกไป
- การเผาผลาญไขมันช้า โดยปกติร่างกายมักเผาผลาญไขมันจากบริเวณใบหน้า แขน หรือขาก่อนบริเวณลำตัวและหลัง ทำให้ไขมันที่อยู่ตรงปีกหลังถูกกำจัดได้น้อยหรือช้ากว่าตำแหน่งอื่น
- ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ สำหรับการออกกำลังกายต้องอาศัยความมีวินัยและความต่อเนื่องกว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ของไขมันที่ลดลง ใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน อาจทำให้หลายคนถอดใจไปเสียก่อน
ดูดไขมันปีกหลัง เหมาะกับใคร?
ดูดไขมันปีกหลัง นอกจากจะช่วยกำจัดไขมันให้หายไปแล้วยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ ดูแลรูปร่างและสัดส่วนให้เล็กลงได้อย่างเห็นผลชัดเจน จึงเป็นวิธีที่เหมาะกับคนกลุ่มต่อไปมนี้
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณปีกหลัง มีเนื้อปลิ้นออกมาเวลาสวมใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในรัดรูป
- ผู้ที่รูปร่างผอมแต่มีไขมันสะสมบริเวณปีกหลัง
- ผู้ที่ออกกำลังกายแต่ไขมันปีกหลังไม่ลดลง
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว โดยไม่ต้องออกกำลังกาย
- ผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างและสัดส่วนให้เล็กลง ใส่เสื้อผ้าสวยมากขึ้น
ดูดไขมันปีกหลัง ไม่เหมาะกับใคร?
แม้การดูดไขมันปีกหลังจะเป็นหัตถการที่ช่วยลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้อย่างเห็นผล แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เพราะยังมีบางกลุ่มที่อาจไม่เหมาะกับวิธีการนี้ ได้แก่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงหรือควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง หรือโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำหรือหลังทำได้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่คาดหวังเรื่องของผลลัพธ์ในการลดน้ำหนัก เพราะการดูดไขมันปีกหลังเป็นการกำจัดไขมันเฉพาะจุด จึงไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีประวัติเป็นคีลอยด์หรือแผลเป็นนูนได้ง่าย อาจต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อรับบริการ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

สิ่งที่ควรรู้ก่อนดูดไขมันปีกหลัง
ก่อนตัดสินใจดูดไขมันปีกหลัง การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายก่อนเข้ารับบริการเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ให้น้อยลง จึงมีสิ่งที่ควรรู้ก่อนทำดังนี้
- งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี โสม กระเทียม แอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs เป็นต้น อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะส่งผลต่อการสมานแผลที่ช้าลง การฟื้นตัวของร่างกายไม่เต็มประสิทธิภาพ
- งดอาหารและน้ำ 6–8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการในกรณีที่คนไข้ต้องการหัตถการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์
- หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนรับบริการทุกครั้ง
- ตรวจร่างกายตามแพทย์สั่ง เช่น ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น
- หลังทำต้องมีการสวมชุดกระชับตลอดเวลาในช่วง 1 เดือนแรก
ขั้นตอนการดูดไขมันปีกหลังเป็นอย่างไร?
สำหรับขั้นตอนการดูดไขมันปีกหลังมีไม่เยอะ แต่เทคนิคที่แพทย์ใช้ค่อนข้างมีความซับซ้อน โดยแพทย์จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างร่างกาย และความต้องการของคนไข้ เพื่อกำหนดตำแหน่งในการดูดไขมัน รวมไปถึงคำนวณปริมาณไขมันที่จะต้องดูดออกมา
- แพทย์ทำเครื่องหมายตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน เพื่อความแม่นยำ
- ดมยาสลบ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ หลังจากยาสลบออกฤทธิ์แพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กไม่เกิน 5 มิลลิเมตรและสอดท่อดูดไขมัน (Cannula) เข้าไปใต้ชั้นผิวแล้วจึงปล่อยพลังงานเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวเล็กลง หลังจากนั้นจึงปล่อยน้ำเข้าไปและทำการดูดไขมันออกมา
- หลังจากดูดไขมันเสร็จแล้วแพทย์จะเย็บแผลปิดไว้ไม่สนิทมาก เพื่อให้ร่างกายสามารถระบายน้ำที่ถูกฉีดเข้าไปในระหว่างการดูดไขมันออกมาได้หมด
แผลดูดไขมันปีกหลังอยู่ตรงไหน? ใหญ่ไหม?
แผลดูดไขมันปีกหลังจะมีขนาดเล็กมาก โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 2 – 5 มิลลิเมตร และมักจะซ่อนอยู่ในบริเวณที่มองไม่เห็นชัด เช่น ใกล้รอยพับใต้รักแร้ หรือ ขอบชุดชั้นในด้านหลัง เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะเลือกตำแหน่งแผลให้เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการลดไขมัน ปริมาณไขมันที่ต้องเอาออก สรีระรูปร่าง และความต้องการของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ดูดไขมันปีกหลังใช้เทคโนโลยีแบบไหน? เครื่องมือแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร?
ในการดูดไขมันปีกหลัง มีเทคโนโลยีให้เลือกใช้หลากหลายซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี สลายไขมันได้เยอะ ไม่ทำลายเนื้อเยื่ออื่น ๆ โดยรอบ ทั้งยังช่วยในเรื่องของการยกกระชับชั้นผิวได้อีกด้วย ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด โดยเทคโนโลยีที่นิยมเลือกใช้มีดังนี้
Vaser Smooth 2.2
เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลง ไขมันจึงถูกดูดออกมาได้ง่าย ลดอาการบวมช้ำ และสามารถควบคุมพลังงานให้เหมาะกับการนำไขมันไปใช้เติมเต็มจุดอื่นได้อีกด้วย
Body Tite
เครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เปลี่ยนเป็นความร้อนเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับมากขึ้นหลังดูดไขมัน เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
Body Jet
เป็นการใช้พลังงานน้ำเข้าไปทำให้ไขมันแยกออกจากเนื้อเยื่อของชั้นผิวหนัง โดยไม่ทำลายโครงสร้างของเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันที่ได้ยังคงสภาพดี สามารถนำไปเติมส่วนอื่นของร่างกายได้
PAL (Power Assisted Liposuction)
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การสั่นสะเทือนเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันหลุดออกจากกัน ลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยรอบในระหว่างการดูดไขมันให้น้อยลง สามารถกำจัดไขมันในปริมาณมากได้
ข้อดีของการดูดไขมันปีกหลัง
การดูดไขมันปีกหลังไม่ได้ช่วยแค่ในเรื่องของการลดไขมันเฉพาะจุดเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีในหลายด้านทั้งเรื่องรูปร่าง ความมั่นใจ และคุณภาพชีวิต โดยข้อดีที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่
- กำจัดไขมันดื้อในตำแหน่งที่ลดยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณปีกหลัง
- ทำให้รูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น
- ใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจขึ้น ไม่มีเนื้อปลิ้นเวลาใส่เสื้อชั้นในหรือเสื้อผ้ารัดรูป
- เห็นความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนที่ลดลงหลังทำ โดยไม่ต้องออกกำลังกาย
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้และประสบการณ์ของแพทย์
- สามารถนำไขมันไปใช้เติมเต็มส่วนอื่นได้ หากใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำ
ข้อจำกัดของการดูดไขมันปีกหลัง
แม้การดูดไขมันปีกหลังจะสามารถช่วยปรับรูปร่างและลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เข้าใจผลลัพธ์และการดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง ดังนี้
- ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก เพราะเป็นการจำกัดไขมันเฉพาะจุด
- ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้โดยตรง อาจจะต้องใช้เทคโนโลยียกกระชับเพิ่มเติม
- อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือระบมในช่วงแรกหลังทำ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีการเคลื่อนไหว
- ต้องใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ และลดลงเป็น 12 ชั่วโมงต่อวันในเดือนที่ 2 และ 3
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ความยืดหยุ่นของผิว ปริมาณไขมัน และการดูแลหลังทำ
ดูดไขมันปีกหลัง เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า?
ในเรื่องของความเจ็บระหว่างดูดไขมันปีกหลัง คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากมีการใช้ยาสลบ แต่ในช่วงหลังทำเสร็จแล้วและคนไข้ฟื้นขึ้นมาอาจมีอาการบวมช้ำ รู้สึกปวดตึง หรือระบมได้ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนที่ไวต่อความรู้สึกไม่เท่ากัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการดูดไขมันปีกหลัง
แม้การดูดไขมันปีกหลังจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหมาะกับคนไข้แต่ละคน แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลข้างเคียงบางประการขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น
- อาการบวม ช้ำ และระบม สามารถพบได้บ่อยและเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2–4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำและร่างกายของแต่ละคน
- รู้สึกตึงหรือชาในบริเวณที่ดูดไขมัน อาจเกิดจากเส้นประสาทถูกกระทบขณะดูดไขมัน โดยอาการมักดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ หรือบางรายอาจจะประมาณ 2–3 เดือน
- มีของเหลวซึมออกจากแผลในวันแรก ๆ เป็นการระบายน้ำเกลือที่ใส่เข้าไปในระหว่างดูดไขมันซึ่งยังคงเหลือค้างอยู่ให้ออกมาจนหมด เป็นเรื่องปกติที่พบได้
- ผิวไม่เรียบเสมอ หรือคลำเจอก้อนแข็ง เกิดจากการจับตัวของพังผืดหรือไขมันที่ยังไม่สลายตัว มักคลำเจอได้ในช่วง 2–3 สัปดาห์แรก และจะค่อย ๆ ยุบเมื่อมีการนวดหรือใส่ชุดกระชับอย่างสม่ำเสมอ
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากคนไข้ดูแลแผลหลังทำได้ไม่ดีพอ แผลโดนน้ำในช่วงแรก หรือไม่รักษาความสะอาด หากคนไข้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์มักจะไม่พบอาการเหล่านี้
ดูแลตัวเองหลังดูดไขมันปีกหลัง
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันปีกหลังสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี หายไว เข้าที่เร็วขึ้น ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยคนไข้สามารถปฏิบัติตัวหลังทำได้ดังนี้
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง
- ทำความสะอาดแผลด้วยด้วยน้ำเกลือและซับให้แห้ง เพื่อป้องกันความอับชื้นซึ่งจะก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้
- ขยับร่างกายลุกเดินบ้างระหว่างวัน ไม่ควรนอนนิ่งตลอดเวลา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน และช่วยให้ของเหลวในร่างกายระบายออกดีขึ้น
- สวมชุดกระชับตลอด 24 ชั่วโมง ประมาณ 1 เดือนแรกหลังทำ หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 และ 3 สามารถลดลงเหลือวันละ 12 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ผิวกระชับเข้าที่ไว ลดอาการบวม ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- งดทำกิจกรรมที่ที่ต้องออกแรงเยอะหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 3–4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนแผล
- งดยา อาหารเสริม หรือวิตามิน ที่ส่งผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือดในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพื่อให้ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกได้ดีขึ้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารรสจัด เพราะจะกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้มากขึ้น
ดูดไขมันปีกหลังเห็นผลเมื่อไหร่? อยู่ได้นานแค่ไหน?
สำหรับผลลัพธ์ของการดูดไขมันปีกหลัง สามารถเห็นสัดส่วนที่เล็กลงได้หลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) โดยจะเริ่มเข้าที่และฟื้นตัวเต็มที่ในอีกประมาณ 1 – 3 เดือน ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ การควบคุมอาหาร และออกกำลังกายร่วมด้วย หากดูแลตัวเองดีจะช่วยให้ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น แตกต่างกันไปในแต่ละรายบุคคล
ดูดไขมันปีกหลัง ราคาเท่าไหร่?
ราคาของการดูดไขมันปีกหลังจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคลขึ้นอยู่กับ ระดับปัญหา เทคนิคที่ใช้ ปริมาณไขมันที่ต้องดูดออกมา ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 60,000 บาท แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงจะทำให้ได้รับรายละเอียดเฉพาะรายบุคคลที่ครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด
เปรียบเทียบการดูดไขมันปีกหลังกับการลดไขมันด้วยวิธีอื่น
วิธี |
เหมาะกับ |
ผลลัพธ์ |
จำนวนครั้ง |
จุดเด่น |
ดูดไขมันปีกหลัง | มีไขมันเยอะ ต้องการเห็นผลไว ทำหลายวิธีแล้วไม่ได้ผล | ชัดเจน เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำ | ครั้งเดียว | กำจัดไขมันเฉพาะจุดได้ดี เข้าไปทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง |
สลายไขมันด้วยความเย็น | ไขมันน้อย | เห็นผลช้า ค่อยเป็นค่อยไป อาจเกิดผิวไม่เรียบเนียนเป็นคลื่น | 4–6 ครั้ง(ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) | ไม่ต้องผ่าตัด |
สลายไขมันด้วยความร้อน | ไขมันน้อย | เห็นผลช้า ค่อยเป็นค่อยไป ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่น ยกกระชับผิว | 4 – 6 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) | ไม่ต้องผ่าตัด |
คลื่นวิทยุ RF | ผิวแน่น กระชับ กระตุ้นคอลลาเจน | สลายไขมันได้บางส่วน | ทำหลายครั้ง (ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) | ไม่ต้องผ่าตัด |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดูดไขมันปีกหลัง
หลายคนที่สนใจดูดไขมันปีกหลังมักมีคำถามมากมาย เพื่อความมั่นใจและความเข้าใจที่ถูกต้อง ในหัวข้อนี้ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย เพื่อเอาไว้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Q: ถ้ามีไขมันปีกหลังน้อยมาก ควรดูดไหม หรือใช้วิธีอื่นจะดีกว่า?
A: สำหรับคนที่มีไขมันบริเวณปีกหลังค่อนข้างน้อย มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เวลาใส่เสื้อผ้าไม่เกิดอาการเนื้อปลิ้นมากนัก แพทย์อาจพิจารณาเลือกใช้วิธีการอื่นที่เจ็บน้อยและผลลัพธ์ดีเหมาะกับตำแหน่งที่ไขมันไม่เยอะ เช่น เครื่องสลายไขมันด้วยคลื่นวิทยุ RF เป็นต้น
Q: หลังดูดไขมันปีกหลัง ผิวจะหย่อนคล้อยไหม?
A: หากใช้เทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวร่วมด้วย ดูแลตัวเองตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ใส่ชุดกระชับอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการผิวหย่อนคล้อยให้น้อยลงได้ หากในกรณีของคนที่มีปริมาณไขมันเยอะหรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผ่าตัดผิวหนังส่วนเกินออกไป ใช้เครื่องยกกระชับผิว เป็นต้น
Q: หลังดูดไขมันปีกหลัง ต้องนอนพักฟื้นที่คลินิกไหม?
A: โดยปกติไม่จำเป็นต้องนอนค้างที่คลินิก หลังจากฤทธิ์ยาสลบหมดและไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ คนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย
Q: สามารถดูดไขมันปีกหลังพร้อมกับตำแหน่งอื่นได้ไหม?
A: ในคนที่ต้องการดูดไขมันหลายตำแหน่งพร้อมกัน สามารถทำได้ หากแพทย์จะประเมินแล้วว่าร่างกายของคนไข้สามารถทำได้ ปริมาณไขมันที่ดูดออกมาไม่มากเกินไปจนกระทบกับร่างกายของคนไข้ ไม่เกินปริมาณที่ร่างกายรับไหวคือประมาณ 5 ลิตร
Q: ไขมันที่ดูดออกจากปีกหลัง สามารถนำไปเติมส่วนอื่นของร่างกายได้ไหม?
A: ไขมันจากปีกหลังที่ดูดออกมาสามารถนำไปฉีดเติมในตำแหน่งอื่นได้หากมีปริมาณที่มากเพียงพอ ใช้เทคนิคในการดูดที่เหมาะสมไม่ทำให้เซลล์ไขมันตาย
Q: คนที่เคยผ่าตัดหลัง มีแผลเป็นบริเวณปีกหลัง ดูดไขมันจุดนี้ได้ไหม?
A: สามารถทำได้ หากแพทย์ประเมินแล้วว่าไม่มีพังผืดมากเกินไป เนื้อเยื่อไม่ได้เกิดการเสียหาย แต่ถ้าเป็นกรณีตรงกันข้ามแพทย์อาจแนะนำให้ใช้เทคนิคอื่นเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าปีกหลังมีไขมันพอให้ดูดหรือไม่?
A: ในกรณีนี้แพทย์จะเป็นผู้ตรวจประเมินอย่างละเอียดเพื่อใช้วางแผนการรักษา เช่น ปริมาณไขมัน ความหนาของชั้นไขมัน สภาพผิวหนัง เป็นต้น หากอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสมก็สามารถดูดไขมันบริเวณปีกหลังได้
Q: หลังดูดไขมันปีกหลังแล้วไขมันจะกลับมาอีกไหม?
A: ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาในจุดเดิม เพราะเซลล์ไขมันลดลงถาวร แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไม่มีการควบคุมอาหารที่ดี ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไขมันจะสามารถกลับมาสะสมในตำแหน่งเดิมได้อีก
สรุป
การดูดไขมันปีกหลัง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ อยากดูแลรูปร่างและสัดส่วนให้ดูดีขึ้นได้ แก้ปัญหาไขมันส่วนเกินที่ลดยากแบบเฉพาะจุดได้ดี เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนที่ลดลงได้หลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) ซึ่งบริเวณปีกหลังเป็นตำแหน่งที่แม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารไขมันก็แทบจะไม่ลดลงหรือลดลงได้น้อย เวลาที่ใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่รัดรูปจะทำให้เนื้อปลิ้นออกมาแลดูไม่สวยงาม สำหรับใครที่ต้องการดูแลรูปร่างและสัดส่วน อยากลดไขมันเฉพาะจุดหรือทั้งตัว สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery ได้เลย