ซิลิโคนหน้าอกทะลุ อันตรายแค่ไหน รักษาอย่างไร ป้องกันได้หรือไม่?

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ อีกหนึ่งปัญหาหลังการ เสริมหน้าอก ที่หลายคนกังวลใจ ซึ่งสามารถกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ จึงต้องทำการรักษาให้ทันท่วงที โดยปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ในเนื้อหาต่อไปนี้จะพาไปทำความเข้าใจปัญหาที่ให้มากขึ้นว่าคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง มีวิธีการแก้ไขอย่างไร อาการอะไรบ้างที่บ่งชี้ว่าหน้าอกกำลังมีปัญหา ป้องกันได้ไหม สามารถติดตามอ่านได้จากข้อมูลต่อไปนี้ได้เลย

Key Takeaways

• ซิลิโคนหน้าอกทะลุ เป็นอาการที่ซิลิโคนทะลุผ่านผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอก อาจเกิดจากการเสียดสี แรงกดทับ หรือการติดเชื้อ ทำให้แผลผ่าตัดเปิดออกและซิลิโคนดันออกมาภายนอก
• อาการซิลิโคนทะลุเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การเลือกขนาดซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป ใช้เทคนิคเสริมเหนือกล้ามเนื้อในผู้ที่มีเนื้อนมน้อย การติดเชื้อหลังผ่าตัด หรือการเสริมหน้าอกซ้ำหลายครั้งที่ทำให้เนื้อเยื่อบางลง เป็นต้น
• อาการที่ควรระวัง ได้แก่ ผิวบริเวณแผลผ่าตัดบางลงหรือมีการตึงที่ผิดปกติ แผลผ่าตัดเริ่มแยกออกจากกัน หรือมีอาการอักเสบ บวมแดง และเจ็บปวดบริเวณหน้าอก เป็นต้น
• หากซิลิโคนหน้าอกทะลุแต่ไม่มีการติดเชื้อรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาเย็บแผลใหม่ แต่หากแผลเปิดกว้างและมีการติดเชื้อ จำเป็นต้องถอดซิลิโคนออกชั่วคราว และพักไปก่อนประมาณ 3 – 6 เดือน
• ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เลือกซิลิโคนที่พอดีกับสรีระ ใช้เทคนิคที่เหมาะสม และดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดปัญหาตามมา 

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ คืออะไร?

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ คือ ลักษณะของการที่ซิลิโคนหน้าอกดันตัวออกมาจากบริเวณรอยแผลผ่าตัด จนแผลผ่าตัดเกิดการฉีกขาด สามารถมองเห็นซิลิโคนได้ชัดเจนจากภายนอก หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาสามารถนำไปสู่การอักเสบติดเชื้อได้ เนื้อเยื่อบริเวณเต้านมและผิวหนังบริเวณหน้าอกเกิดการเสียหายหนักมากขึ้น แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที โดยสามารถแบ่งลักษณะการทะลุเป็น 2 รูปแบบได้ดังนี้

ซิลิโคนหน้าอกทะลุผ่านเนื้อหน้าอก

ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้จากการที่เนื้อเต้านมบางมากเกินไป ทำให้ซิลิโคนเสียดสีหรือกดทับจนทำให้เกิดการทะลุ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ต้องรักษามะเร็งเต้านมด้วยการฉายรังสีซึ่งทำให้เนื้อเยื่อบางลง หลังจากมีการตัดเต้านมออกไปแล้วเสริมเต้านมเทียมเข้ามาแทน จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการทะลุได้เช่นกัน

ซิลิโคนหน้าอกทะลุผ่านแผลผ่าตัด

ลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกบริเวณใต้ราวนม หากเสริมขนาดใหญ่มากเกินไป แพทย์เย็บแผลไม่แน่นมากพอ ผิวหนังบริเวณนั้นตึงมากเกินไป เกิดการเสียดสีและกดทับจากซิลิโคน มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการทะลุได้มาก

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ เกิดจากอะไร?

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนหน้าอกทะลุมีด้วยกันหลายอย่าง ทั้งเรื่องของขนาดซิลิโคน สภาพผิวคนไข้ เทคนิคการผ่าตัด รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังทำ โดยมีรายละเอียดของสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา ดังนี้

• ขนาดซิลิโคนที่ใหญ่มากเกินไป ไม่สมดุลกับเนื้อเต้านมและผิวหนังเดิมของคนไข้ อาจทำให้เกิดการเสียดหรือแรงดันที่มากขึ้นจนทำให้เกิดการทะลุตามมาได้
• ตำแหน่งของการวางซิลิโคนไม่เหมาะสม เช่น คนไข้มีเนื้อหน้าอกน้อย ผิวบาง แต่เสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวได้มากขึ้นจนเกิดการทะลุได้
• มีการติดเชื้อหลังทำจากการดูแลที่ไม่ดีพอ ส่งผลทำให้เนื้อเยื่อเกิดการเสียหายจนบางลงและสามารถเกิดอาการทะลุได้
• เสริมหน้าอกซ้ำ ๆ หลายครั้ง ทำให้เนื้อเยื่อเกิดการเสียหายในตำแหน่งเดิมบ่อย ๆ ทำให้บางลง จึงมีโอกาสที่จะเกิดการทะลุได้ในอนาคต

เจาะลึก: เสริมหน้าอกกี่ CC ถึงดี เลือกซิลิโคนอย่างไร แต่ละซีซีต่างกันไหม?

อาการของซิลิโคนหน้าอกทะลุ สังเกตได้อย่างไร?

วิธีสังเกตอาการซิลิโคนหน้าอกทะลุสามารถดูได้จากหลายอาการประกอบกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกถึงความผิดปกติบริเวณหน้าอกที่เพิ่งทำมา โดยสามารถสังเกตได้ ดังนี้

• ผิวบริเวณแผลผ่าตัดบางลงหรือมีการตึงที่ผิดปกติ อาจเกิดจากการเย็บแผลด้านในหลุด หากแพทย์ประเมินว่าไม่มีการติดเชื้อหรือมีปัญหาแทรกซ้อนอื่น ๆ สามารถทำการเย็บแผลใหม่อีกรอบได้
• ผิวบริเวณแผลผ่าตัดมีอาการบาง ตึงมาก และมีการอักเสบบวมแดง อาจเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์อาจพิจารณาถอดซิลิโคนออกก่อนและทำการรักษาให้เรียบร้อย
• แผลผ่าตัดเริ่มแยกออกจากกัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ขนาดซิลิโคนใหญ่เกินไป เย็บแผลไม่ดี เป็นต้น ต้องรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ไม่ให้เกิดการลุกลามจนแก้ไขได้ยาก

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ กับ พังผืดรัดเต้านม ต่างกันอย่างไร?

ปัญหาซิลิโคนหน้าอกทะลุและพังผืดรัดเต้านม ถึงแม้จะเกิดที่บริเวณหน้าอกเหมือนกัน แต่ลักษณะอาการกับสาเหตุต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดของความแตกต่างกัน ดังนี้

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ

เกิดจากการที่ซิลิโคนทะลุผ่านผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอก ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเลือกขนาดซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป การวางตำแหน่งของซิลิโคนไม่เหมาะสม หรือการดูแลแผลผ่าตัดไม่ดี 

พังผืดรัดเต้านม

พังผืดรัดเต้านม เป็นภาวะที่ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมารอบซิลิโคนหน้าอก หรืออาการ พังผืดเกาะซิลิโคน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย แต่ในบางกรณี พังผืดอาจหดตัวและรัดซิลิโคนทำให้เต้านมแข็งผิดปกติ อาจมีอาการเจ็บหรือหน้าอกผิดรูปทรงได้ 

Gel Bleed คืออะไร? ต่างจากซิลิโคนหน้าอกทะลุอย่างไร?

อาการ Gel Bleed หรือเนื้อเจลซิลิโคนรั่วซึมออกจากถุงซิลิโคน แม้ตัวถุงจะไม่ฉีกขาดเหมือนกับภาวะ ซิลิโคนแตก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ซิลิโคนเสื่อมสภาพ ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐานมีคุณภาพต่ำ การแรงกระแทกรุนแรงบริเวรหน้าอก แพทย์ไม่มีประสบการณ์ทำให้เลือกซิลิโคนได้ไม่เหมาะสม ใช้เทคนิคการผ่าตัดไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดพังผืดรัดแน่นจนซิลิโคนรั่วซึม เป็นต้น โดยเนื้อเจลจะรั่วซึมอยู่ภายในเต้านม ไม่เหมือนกับซิลิโคนทะลุที่ถุงซิลิโคนจะทะลักออกมาทั้งหมดไม่ได้เกิดการรั่วซึม แตกต่างจากภาวะซิลิโคนหน้าอกทะลุ (Extrusion) ที่เกิดจากการที่ถุงซิลิโคนทั้งก้อนดันทะลุผ่านแผลผ่าตัดหรือผิวหนังออกมา ซึ่งสามารถมองเห็นจากภายนอกและมักมีแผลเปิดร่วมด้วย ถือว่าเป็นภาวะที่รุนแรงกว่าและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ซิลิโคนทะลุสามารถทำให้เป็นมะเร็งได้หรือไม่?

สำหรับอาการซิลิโคนหน้าอกทะลุ ไม่ได้เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง เนื่องจากในปัจจุบันมีการคิดค้นและวิจัยเทคโนโลยีในการผลิต ซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เมื่อใส่เข้าไปในร่างกายจึงไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ซิลิโคนหน้าอกทะลุ รักษาได้ไหม?

สำหรับวิธีรักษาอาการซิลิโคนหน้าอกทะลุ สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ๆ ซึ่งการแก้ไขมีความแตกต่างกันตามระดับความรุนแรง ดังนี้

วิธีรักษาเบื้องต้น

ในกรณีที่แผลเริ่มมีความผิดปกติ เช่น มีอาการตึงหรือแผลเริ่มแยก แต่ยังไม่พบอาการอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรง แพทย์จะทำการประเมินว่าซิลิโคนยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและไม่มีการดันออกนอกผิวหนัง หากพบว่าเป็นเพียงการหลุดของฝีเย็บชั้นใน แพทย์อาจพิจารณาเย็บแผลใหม่โดยไม่ต้องถอดซิลิโคนออก ทั้งนี้หลังเย็บควรมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแผลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนในระยะต่อมา

วิธีรักษาแบบผ่าตัดเอาซิลิโคนออก

ในกรณีที่แผลผ่าตัดมีลักษณะเปิดกว้างและมีอาการติดเชื้ออย่างชัดเจน เช่น มีหนอง ผิวหนังเน่าเสีย หรือมีอาการอักเสบลุกลาม แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเอาซิลิโคนออกชั่วคราวเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยทำการล้างแผลภายในอย่างละเอียดและให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อ หลังจากนั้นจะให้ร่างกายพักฟื้นเป็นระยะเวลา 3 – 6 เดือน เพื่อให้เนื้อเยื่อสมานตัวและไม่มีการอักเสบหลงเหลือ ก่อนจะวางแผนผ่าตัดใส่ซิลิโคนใหม่อีกครั้ง โดยอาจมีการพิจารณาเปลี่ยนขนาดซิลิโคน ตำแหน่งการวาง หรือเทคนิคใหม่ที่เหมาะสมกับสภาพเนื้อเยื่อที่ได้รับการฟื้นฟูแล้ว ระหว่างช่วงพักนี้ แพทย์จะนัดติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมแนะนำการดูแลเพื่อให้แผลหายดีที่สุด และลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดแก้ไขซิลิโคนทะลุ

สำหรับภาวะแทรกซ้อนหลังรักษาอาการซิลิโคนทะลุ ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น รวมถึงเทคนิคที่แพทย์ใช้ในการรักษา เป็นต้น โดยมีภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

• อักเสบติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นได้จากการดูแลและรักษาความสะอาดหลังทำที่ไม่ดีพอ รวมไปถึงความผิดพลาดระหว่างการผ่าตัด เป็นต้น
• อาจเกิดรอยแผลเป็นชัดเจน จากการที่ถูกผ่าตัดซ้ำ ในตำแหน่งเดิมจนเนื้อเยื่อได้รับความเสียหาย ร่างกายต้องซ่อมแซมซ้ำที่เดิมบ่อย ๆ เกิดการทับถมของคอลลาเจนที่มากเกินไป
• หน้าอกยุบไม่เท่ากัน เนื่องจากมีการเอาซิลิโคนออกทำให้เหลือเนื้อเต้านมเดิมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทำให้ไม่สมดุลกันทั้งสองข้าง

ซิลิโคนหน้าอกทะลุป้องกันได้หรือไม่?

หากใครที่ไม่อยากเกิดปัญหาซิลิโคนหน้าอกทะลุหลังทำนม สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด โดยพิจารณารายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้ 

• ควรเลือกซิลิโคนขนาดพอดีกับสรีระ ไม่เลือกขนาดที่ใหญ่เกินไป
• เลือกทำกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ มีความเข้าใจเทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน สามารถออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ได้
• หลังผ่าตัดควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ เพื่อป้องกันการกระแทกบริเวณเต้านม
• เลือกซิลิโคนที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซิลิโคนหน้าอกทะลุ (FAQ)

หากใครที่ยังมีความสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการซิลิโคนหน้าอกทะลุ ในเนื้อหานี้ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยและคำตอบที่จะช่วยไขข้อสงสัยให้กระจ่างขึ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ 

Q: ซิลิโคนหน้าอกทะลุ หากไม่มีอาการเจ็บ ยังต้องรีบพบแพทย์หรือไม่?
A: ถึงแม้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หากเริ่มมีอาการของซิลิโคนทะลุเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนแก้ไขได้ยาก ส่งผลกระทบกับการเสริมหน้าอกซึ่งอาจทำได้ยากขึ้น

Q: หลังซิลิโคนทะลุ จำเป็นต้องใส่ใหม่ไหม?
A: ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาที่แก้ไข หากปัญหาเกิดขึ้นจากฝีเย็บชั้นในหลุดและไม่มีการติดเชื้อ แพทย์อาจพิจารณาเย็บแผลใหม่อีกครั้ง โดยไม่ต้องถอดซิลิโคนออก แต่กรณีของคนที่เกิดการติดเชื้อรุนแรงแพทย์อาจเลือกวิธีการถอดซิลิโคนออกและให้พักไปก่อนประมาณ 3 – 6 เดือน เมื่อร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ แผลหายดี จึงกลับมาใส่ซิลิโคนอีกครั้ง

Q: ซิลิโคนที่มีอายุใช้งานเกิน 10 ปี แต่ยังไม่มีอาการ ต้องเปลี่ยนหรือยัง?
A: สำหรับซิลิโคนหน้าอกที่เป็นของแท้ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน สามารถใส่ได้ตลอดชีวิต แต่สำหรับกรณีที่เกิดปัญหาหรืออยากเปลี่ยนทรงหน้าอก ก็สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดหน้าอกเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ได้

สรุป

ปัญหาซิลิโคนหน้าอกทะลุหลังทำนม เป็นปัญหาที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น เลือกขนาดซิลิโคนใหญ่เกินไป เนื้อนมน้อย ผิวบางมาก แพทย์เย็บแผลไม่แน่น รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำที่ไม่ดีพอ เป็นต้น แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้การประเมินและออกแบบการรักษามีความแม่นยำ เหมาะกับสรีระของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด สำหรับใครอยากเสริมหน้าอกใหม่ เสริมหน้าอกมาแล้วไม่พอใจอยากแก้ หรือยังลังเลไม่แน่ใจว่านอกจากศัลยกรรมหน้าอกทำวิธีอื่นอีกได้ไหม แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับคำปรึกษาและประเมินจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้เลย