ศัลยกรรมดึงแก้ม คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ต่างจากดึงหน้าไหม?

ศัลยกรรมดึงแก้ม หรือ Mid face Lift อีกหนึ่งเทคนิคยกกระชับใบหน้าแบบเฉพาะจุดที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้แก้มกระชับ ร่องแก้มแลดูตื้นขึ้น หน้าแลดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดจึงทำให้หลายคนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงแก้มว่าคืออะไร เหมาะกับใคร ปัญหาแบบไหนที่ควรใช้วิธีการผ่าตัดดึงแก้ม ต่างจากการดึงหน้าเต็มอย่างไร มีขั้นตอนและกระบวนการทำอย่างไรบ้าง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้

Key takeaways

• ศัลยกรรมดึงแก้ม เป็นการผ่าตัดยกกระชับเฉพาะบริเวณใบหน้าส่วนกลาง ช่วยลดความหย่อนคล้อย แก้ปัญหาร่องแก้มลึก ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องดึงทั้งใบหน้า
• เหมาะกับผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป** ที่เริ่มมีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยเฉพาะจุด หรือเคยทำหัตถการแบบไม่ผ่าตัดแล้วไม่เห็นผลชัดเจน
• แตกต่างจากการดึงหน้าแบบ Full Face lift เพราะผ่าตัดเฉพาะจุด แผลเล็ก พักฟื้นน้อย เจ็บน้อยกว่า และให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5–10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแลตนเอง และปัจจัยเฉพาะบุคคล

ศัลยกรรมดึงแก้ม คืออะไร?

ศัลยกรรมดึงแก้ม (Mid Facelift) คือ ศัลยกรรมเพื่อยกกระชับเฉพาะจุดบริเวณช่วงกลางของใบหน้าหรือบริเวณแก้มที่เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับและเต่งตึง ช่วยลดความลึกของร่องแก้ม ใบหน้ากลับมาสดใส แลดูอ่อนเยาว์ และโครงหน้าได้รูปมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องทำทั้งใบหน้าเหมือนการ ดึงหน้า (Full Facelift)

ศัลยกรรมดึงแก้มเหมาะกับใคร?

การทำศัลยกรรมดึงแก้ม สามารถช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มหรือใบหน้าส่วนกลางได้ เป็นหนึ่งในวิธีการยกกระชับเฉพาะจุด ซึ่งไม่สามารถทำได้กับทุกคน โดยมีคนที่เหมาะกับการผ่าตัดดึงแก้มดังนี้ 

• ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และเริ่มมีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยชัดเจน
• ผู้ที่มีร่องแก้มลึก ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน เห็นผลเร็ว
• ผู้ที่เคยทำวิธีการยกกระชับแก้มโดยไม่ผ่าตัดมาแล้วเห็นผลน้อยหรือไม่พึงพอใจ
• ผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยบริเวณแก้มแต่ใบหน้าส่วนอื่นไม่หย่อนคล้อยหรือยังไม่จำเป็นต้องยกกระชับ 

เจาะลึก: ทำดึงหน้าตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด มีข้อควรรู้ก่อนทำอย่างไรบ้าง?

ปัญหาแบบไหนที่สามารถแก้ได้ด้วยศัลยกรรมดึงแก้ม?

ศัลยกรรมดึงแก้มเป็นหนึ่งในเทคนิคการยกกระชับใบหน้าที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเฉพาะช่วงกลางใบหน้า โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดดึงทั้งใบหน้า สามารช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

• ปัญหาแก้มตก แก้มย้อย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น เนื้อเยื่อใต้ผิวหย่อนคล้อยไม่เต่งตึง ส่งผลให้แก้มดูหย่อนลงมาและใบหน้าขาดความกระชับ เป็นต้น
• ปัญหาร่องแก้มลึกจากการหย่อนคล้อย เมื่อเนื้อแก้มเคลื่อนตัวลงต่ำ จะทำให้เกิดร่องลึกบริเวณกลายเป็นร่องแก้มซึ่งส่งผลทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย หน้าโทรม แลดูอิดโรย
• ปัญหาหน้าแก่กว่าวัย จากการที่แก้มหย่อนคล้อย ผิวขาดความเต่งตึงกระชับ ส่งผลทำให้ใบหน้าโดยรวมแลดูโทรม ไม่สดใส ใบหน้าไม่มีมิติ 
• ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด เมื่อแก้มเกิดการหย่อนคล้อยลงมา ชั้นผิวย้อยลงมากองบริเวณแนวกราม  ส่งผลทำให้กรอบหน้าไม่ชัดได้ 

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงแก้มมีอะไรบ้าง?

สำหรับขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงแก้มจะคล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้า แต่ระยะเวลาที่ใช้จะน้อยกว่า พักฟื้นน้อยกว่า ผ่าตัดเฉพาะจุดไม่ต้องเปิดแผลทั่วใบหน้า โดยมีขั้นตอนการผ่าตัดดังนี้

1. ประเมินใบหน้าและกำหนดตำแหน่งที่จะผ่าตัด

ก่อนผ่าตัดแพทย์จะทำการประเมินปัญหา สภาพผิว โครงสร้างหน้า ความต้องการของคนไข้ เป็นต้น เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาที่แม่นยำและตรงจุด ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและมีความเป็นธรรมชาติ 

2. วางยาสลบหรือฉีดยาชาเฉพาะจุด

หลังจากที่วางแผนและกำหนดตำแหน่งในการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ก่อนผ่าตัดจะมีการใช้ยาสลบหรือฉีดยาชาเฉพาะจุด โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน เพื่อช่วยให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บและผ่อนคลายระหว่างผ่าตัดมากขึ้น 

3. ผ่าตัดและเย็บแผล

ในส่วนของการผ่าตัดแพทย์จะเปิดแผลบริเวณแนวไรผมช่วงหางตาลงมาถึงประมาณช่วงแนวจอนผมแต่ยังไม่เกินติ่งหู เพื่อเข้าไปดึงผิวชั้น SMAS ให้ช่วงแก้มยกกระชับขึ้นไม่หย่อนคล้อย หรือแพทย์อาจพิจารณาเปิดแผลในตำแหน่งอื่นเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาแต่ละรายบุคคล หลังจากเสร็จขั้นตอนการผ่าตัดแพทย์จะเย็บแผลซ่อนไว้ตามแนวไรผม และคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย

ศัลยกรรมดึงแก้มต่างจากดึงหน้าแบบ Full Face Lift อย่างไร?

แม้การผ่าตัดดึงแก้ม (Mid face Lift) และการดึงหน้าเต็ม (Full Face lift) ถึงแม้จะช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ยกกระชับใบหน้า ผิวเต่งตึงเรียบเนียน ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งเรื่องของ กระบวนการผ่าตัด ตำแหน่งที่ทำการผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้ ระยะเวลาพักฟื้น เป็นต้น โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ข้อดีของการศัลยกรรมดึงแก้ม

การศัลยกรรมดึงแก้มเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าเฉพาะจุดให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ทั้งใบหน้า จึงมีข้อดีด้วยหลายอย่างดังนี้ 

• ยกกระชับโดยไม่ต้องเปิดแผลทั่วใบหน้า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะจุดช่วยให้แก้มยกกระชับ ร่องแก้มตื้นขึ้น ผิวหน้าช่วงกลางเต่งตึงเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงทั้งหน้า 
• แผลเล็ก เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นาน โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณแนวไรผมหรือตามแนวจอนผมไม่เกินติ่งหู จึงเจ็บน้อยกว่าและพักฟื้นน้อยกว่าการดึงทั้งหน้า
• ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าแบบไม่ผ่าตัด เพราะเป็นการผ่าตัดที่เข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ ตรงจุดและแม่นยำ จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแบบไม่ผ่าตัด 

ศัลยกรรมดึงแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์หลังทำศัลยกรรมดึงแก้ม สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับ อายุที่เพิ่มขึ้น การดูแลตัวเองหลังทำ สภาพผิว และปัจจัยส่วนตัวอื่น ๆ ของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป หากมีการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ผิวเสื่อมสภาพ จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานมากขึ้น

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงแก้มและการดูแลหลังทำ

เพื่อให้การผ่าตัดดึงแก้มเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดปัญหาตามมาหลังทำ แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถเตรียมตัวก่อนทำและดูแลตัวเองหลังทำได้ดังนี้

เตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมดึงแก้ม

• งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน โสม น้ำมันปลา วิตามินอี หรือยาต้านการอักเสบบางชนิด เป็นต้น อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
• หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการทุกครั้ง 
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบุหรี่ก่อนผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วันก่อนผ่าตัด

การดูแลหลังทำศัลยกรรมดึงแก้ม

• ในช่วง 2 – 3 วันแรกหลังผ่าตัด แนะนำให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมให้น้อยลงและยุบไว
• ควรนอนหงายและยกศีรษะสูง งดนอนตะแคงเพื่อไม่ให้เกิดแรงกดทับที่บริเวณใบหน้า
• หลีกเลี่ยงออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ออกแรงเยอะ ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
• ทำความสะอาดแผล ทายา และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
• เข้าพบแพทย์ทุกครั้งตามนัดหมาย

ผลข้างเคียงหลังทำศัลยกรรมดึงแก้มที่อาจเกิดขึ้น

แม้ศัลยกรรมดึงแก้มจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยหากดูแลโดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ แต่ก็อาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกหลังผ่าตัด เช่น อาการบวม ช้ำ ตึง หรือรู้สึกแน่นบริเวณใบหน้า ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปได้เองในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังทำ บางรายอาจมีอาการชาชั่วคราว หรือรู้สึกตึงขณะเคลื่อนไหวใบหน้าเล็กน้อย โดยทั่วไปถือว่าไม่อันตรายและสามารถหายได้เอง แต่ในกรณีของคนที่มีอาการบวมแดง ปวดมากผิดปกติ หรือมีของเหลวไหลจากแผล ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการและรักษาก่อนลุกลาม

ศัลยกรรมดึงแก้มราคาเท่าไร?

ราคาของการผ่าตัดดึงแก้มจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ใช้ ความซับซ้อนของใบหน้า และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 45,000 – 120,000 บาท แนะนำให้เข้ารับการประเมินกับแพทย์โดยตรงเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับศัลยกรรมดึงแก้ม

ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงแก้ม หลายคนอาจมีคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ผลลัพธ์ ระยะเวลาพักฟื้น หรือการดูแลหลังทำ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเข้าใจขั้นตอนมากยิ่งขึ้น เราจึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อย (FAQ) พร้อมด้วยคำตอบที่จะช่วยไขข้อข้องใจและสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อีกด้วย

Q : ศัลยกรรมดึงแก้มทำแล้วใบหน้าจะเปลี่ยนไปเยอะไหม?
A : หลังผ่าตัดดึงแก้ม หน้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปจนไม่ใช่ตัวเอง แต่จะเปลี่ยนไปในแง่ของความอ่อนเยาว์ แก้มยกกระชับมากขึ้น ใบหน้าสดใสไม่โทรม ร่องแก้มตื้นขึ้น ผิวบริเวณแก้มเรียบตึง ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งเกินไป

Q : ถ้าเคยร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์ที่แก้มมาก่อน จะผ่าตัดดึงแก้มได้ไหม?
A : สามารถทำได้ แต่ต้องแจ้งประวัติการทำหัตถการที่เคยทำมาแล้วให้แพทย์ทราบทั้งหมด เพราะอาจเกิดพังผืดใต้ชั้นผิวจนอาจต้องใช้เทคนิคพิเศษหรือต้องมีการแก้ไขก่อนผ่าตัด แพทย์จึงต้องประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด

Q : ดึงแก้มแล้วจะทำให้แก้มตอบ หรือหน้าดูโทรมหรือไม่?
A : หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคที่เหมาะสม ดึงและจัดเรียงชั้นผิวได้ถูกต้อง จะไม่มีปัญหาแก้มตอบหลังทำ แต่ในเคสที่ไขมันน้อยหรือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาหน้าตอบ แพทย์อาจพิจารณาเลือกเทคนิคการฉีดเติมเต็มใบหน้าร่วมด้วย เช่น ฉีดไขมันหน้า ฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น

Q : ศัลยกรรมดึงแก้มทำซ้ำได้ไหมถ้าอายุมากขึ้นแล้วหย่อนอีก?
A : สามารถทำซ้ำได้ หากผ่านไปหลายปีแล้วผิวเริ่มหย่อนคล้อย แพทย์จะทำการประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม บางรายอาจจะใช้เพียงเครื่องยกกระชับก็สามารถแก้ปัญหาได้ หรือบางรายที่หย่อนคล้อยค่อนข้างอาจต้องใช้การผ่าตัด 

Q : ศัลยกรรมดึงแก้มมีข้อจำกัดหรือมีใครที่ไม่ควรทำไหม?
A : สำหรับการผ่าตัดยกกระชับแก้มนั้น ผู้ที่ไม่ควรทำจะกลุ่มคนที่มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานขั้นรุนแรง โรคหัวใจบางชนิด หรือมีภาวะเลือดออกง่าย เป็นต้น รวมไปถึงคนที่มีประวัติเป็นคีลอยด์หรือเป็นแผลนูนได้ง่าย

Q : ศัลยกรรมดึงแก้มต่างจากการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดอย่างไร?
A : สำหรับการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด เช่น HIFU, Ulthera, Ultraformer หรือร้อยไหม เป็นต้น สามารถช่วยยกผิวในระดับตื้นไปจนถึงชั้น SMAS ชั้นเดียวกันกับการผ่าตัดดึงหน้า เหมาะกับผู้เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อย ระดับความรุนแรงไม่มาก และยังไม่พร้อมที่จะผ่าตัด ผลลัพธ์อยู่ไม่นานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่ไม่สามารถเข้าไปจัดเรียงชั้นผิว ไม่สามารถดึงผิวย้ายไปตรึงไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ และไม่สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยมาก ๆ ได้ เหมือนกับการผ่าตัด

สรุป

ศัลยกรรมดึงแก้มสามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการยกกระชับชั้น SMAS และจัดเรียงชั้นผิวอื่น ๆ ให้กระชับเรียบตึงมากขึ้น ช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้น แก้ปัญหาแก้มห้อยย้อย แลดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงทุกจุดบนใบหน้า สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย อยากยกแก้มให้กระชับไม่ย้อยลงมา อยากให้หน้าดูเด็กลง แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล