Key Takeaways
- อาการหลังเสริมจมูกแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ อาการปกติที่พบได้ทั่วไป และอาการผิดปกติที่ต้องได้รับการรักษา
- ควรสังเกตอาการหลังทำจมูกอย่างใกล้ชิดในช่วงพักฟื้น 7 – 14 วันแรกหลังผ่าตัด โดยแนะนำให้ถ่ายภาพจมูกไว้ทุกวัน เพื่อตรวจดูความเปลี่ยนแปลงเช่น อาการบวม รอยแดง ของเหลวที่ไหลออกมา เป็นต้น
- ระยะเวลาพักฟื้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 – 6 เดือน จมูกจะเริ่มเข้าที่ในช่วง 1 – 3 เดือน และจมูกจะเริ่มรัดแกนเต็มที่ในเดือนที่ 6 – 12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคผ่าตัด การดูแลหลังทำ และสภาพร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
- เทคนิคเสริมจมูกแต่ละแบบมีผลต่ออาการหลังทำโดยตรง เพราะมีการปรับแก้โครงสร้างและสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อจมูกมาก – น้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมินเลือกใช้ให้เหมาะกับรายบุคคล
- สามารถเลือกใช้หัตถการอื่นๆ ที่ช่วยลดอาการหลังเสริมจมูก เช่น ฉายแสงลดบวม เป็นต้น เพื่อช่วยให้อาการบวมหายไวขึ้น แผลหายเร็ว ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลง
อาการหลังเสริมจมูกเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการบางอย่างอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น มีหนองออกจากแผล จมูกเบี้ยวผิดรูป หรือมีอาการปวดรุนแรงไม่ลดลง เป็นต้น หากพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยให้คนไข้เข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที การรู้เท่าทันอาการเหล่านี้จะช่วยให้สามารถแยกแยะได้ว่าแบบไหนคือภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด อาการแบบไหนที่ควรรีบดูแลก่อนจะเกิดปัญหารุนแรงตามมา ในเนื้อหาต่อไปนี้ Vincent Clinic Plastic Surgery จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลัง เสริมจมูก ว่ามีอะไรบ้าง สาเหตุมาจากอะไร หลังเสริมจมูกพักฟื้นนานไหม ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากข้อมูลต่อไปนี้
อาการหลังเสริมจมูกที่พบได้ทั่วไป
อาการหลังเสริมจมูกที่สามารถเกิดขึ้นได้มีด้วยกันหลายอาการขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป แต่ควรใส่ใจในเรื่องของการดูแลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการให้น้อยลงและหายเร็วขึ้น ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำจมูกมักจะเป็นช่วงที่เกิดอาการต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่
อาการบวมและช้ำบริเวณจมูกและรอบดวงตา
อาการบวม และอาการช้ำเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยหลังการเสริมจมูก โดยเฉพาะบริเวณรอบจมูก ใต้ตา หรือแก้มด้านบน ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดฝอยถูกกระทบกระเทือนขณะผ่าตัด โดยทั่วไปอาการบวมจะชัดเจนใน 2 – 3 วันแรก และค่อยๆ ลดลงใน 1 – 2 สัปดาห์ แนะนำให้ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัดจะช่วยลดบวมได้ดี
อาการเจ็บตึงหรือระบม
อาการตึงจมูกหลังเสริมที่หลายคนมักรู้สึกปวดตึงหรือระบมบริเวณจมูก ซึ่งเป็นผลจากการปรับแต่งโครงสร้างภายใน อาการเจ็บมักอยู่ในระดับที่ทนได้ และจะค่อยๆ บรรเทาลงภายในไม่กี่วัน โดยแพทย์อาจให้ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการในช่วงแรก
มีของเหลวหรือเลือดซึมเล็กน้อย
ในช่วง 1 – 3 วันแรก อาจมีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกจากแผลบริเวณรูจมูกเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายหลังทำจมูก สามารถใช้ผ้าก๊อซสะอาดซับเบาๆ หรือใช้สำลีพันก้านชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการเช็ดหรือถูแรงๆ เพราะจะทำให้แผลระคายเคือง อักเสบ รวมไปถึงอาจทำให้เกิดแรงกระแทกต่อซิลิโคนจนเกิดการเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่นได้
อาการหายใจไม่สะดวก จมูกตัน
อาการคัดจมูกหรือรู้สึกหายใจไม่สะดวกเป็นเรื่องที่พบบ่อยในช่วงแรกหลังเสริมจมูก เนื่องจากเนื้อเยื่อภายในจมูกบวม หรือมีเลือดคั่ง อาการนี้มักดีขึ้นภายในไม่กี่วันเมื่ออาการบวมลดลง ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรงๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อาการผิดปกติหลังเสริมจมูกที่ควรระวัง
แม้อาการหลังเสริมจมูกโดยทั่วไปจะเป็นเรื่องปกติและหายได้เอง แต่ยังมีบางอาการที่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติ ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนลุกลามจนกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงแก้ไขได้ยาก โดยมีอาการผิดปกติหลังทำจมูกที่ควรระวัง ดังนี้
อาการปวดรุนแรง
อาการเจ็บหรือระบมหลังผ่าตัดมักเกิดขึ้นในระดับที่สามารถทนได้และดีขึ้นเมื่อทานยาแก้ปวด แต่หากรู้สึกเจ็บรุนแรงมากจนรบกวนการใช้ชีวิตหรือทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น อาจมีการติดเชื้อ หรือเกิดความผิดปกติภายในจมูก ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที
แผลอักเสบมีหนองหรือมีกลิ่น
แผลที่หายตามปกติจะค่อยๆ แห้ง และตกสะเก็ด แต่หากแผลมีลักษณะบวมแดง แสบร้อน มีหนอง หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ อาการเช่นนี้ไม่ควรปล่อยไว้ ควรได้รับการรักษาโดยด่วนเพื่อป้องกันการลุกลาม
จมูกเบี้ยว จมูกเอียง
หลังทำจมูกหากสังเกตเห็นลักษณะของรูปทรงจมูกที่ผิดรูป เบี้ยว จมูกเอียง หรือไม่สมดุล อาจเกิดจากการที่ซิลิโคนเคลื่อนตำแหน่งไปจากเดิม ซึ่งควรรีบเข้ารับการประเมินเพื่อวางแผนการแก้ไขก่อนที่ซิลิโคนจะยึดติดแน่นกับเนื้อเยื่อ
ปลายจมูกบาง แดง หรือเริ่มโปร่งแสง
หลังทำศัลยกรรมเสริมจมูกหากผิวบริเวณปลายจมูกบางลง เห็นเป็นสีแดง หรือมีลักษณะโปร่งใสจนสามารถมองเห็นซิลิโคน เป็นสัญญาณเตือนว่าซิลิโคนเสียดสีหรือดันผิวมากเกินไป หากปล่อยไว้อาจเกิดปัญหา ซิลิโคนทะลุ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวางแผนการแก้ไขทันที
ระยะเวลาฟื้นตัวหลังเสริมจมูก
อาการหลังเสริมจมูกที่สามารถเกิดได้เป็นปกติ สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายช่วงเวลาซึ่งสอดคล้องไปกับช่วงเวลาในการพักฟื้นหลังผ่าตัด โดยระยะเวลาพักฟื้นของร่างกายจะอยู่ในช่วง 3 – 6 เดือน ในแต่ละช่วงเวลาจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ระยะเวลา |
อาการโดยทั่วไป |
อาการหลังเสริมจมูก 1 – 3 วันแรก | ปวดบวม เขียวช้ำ ระบม |
อาการหลังเสริมจมูก 4 – 7 วัน | อาการบวมลดลง รอยช้ำเริ่มจาง |
อาการหลังเสริมจมูก 2 สัปดาห์ | อาการต่างๆ ดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ
หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด |
อาการหลังเสริมจมูก 1 เดือน | จมูกเริ่มเข้าที่ เห็นทรงชัดขึ้น |
อาการหลังเสริมจมูก 3 – 6 เดือน | รูปทรงจมูกเข้าที่มากขึ้น |
อาการหลังเสริมจมูก 6 – 12 เดือน | จมูกรัดแกนและเข้าทรงเต็มที่ |
ฟื้นฟูอาการหลังเสริมจมูกต้องหยุดงานหรือกิจกรรมต่างๆ กี่วัน?
เพื่อฟื้นฟูอาการหลังเสริมจมูกต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลหายดี จมูกเข้าที่ไวขึ้น โดยไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรักษาความสะอาดของแผลและดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อจมูกให้น้อยที่สุด โดยมีระยะเวลาที่จะต้องพักฟื้นและดูแลตัวเอง ดังนี้
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก อย่าเพิ่งออกกำลังแรงๆ ควรอยู่นิ่งๆ ไปก่อน เพราะอาจจมูกเบี้ยวได้
- ในช่วง 2 – 3 วันแรก สามารถเริ่มกลับไปทำงานที่ไม่ออกแรงเยอะได้แล้ว
- ในช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด สามารถกลับไปแต่งหน้าเบาๆ หรือทำงานที่ออกแรงเล็กน้อยได้
- ประมาณ 1 เดือนหลังผ่าตัด สามารถกลับไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ออกแรงได้มากขึ้น
วิธีดูแลอาการหลังเสริมจมูก
การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดอาการหลังเสริมจมูกให้น้อยลง ป้องกันการเกิดผลข้างเคียง โดยเฉพาะในช่วงแรกเป็นช่วงที่ควรระมัดระวังมากที่สุดเพราะซิลิโคนยังไม่เข้าที่ แผลไม่ยังหายดี จึงต้องดูแลอย่างเคร่งครัด ดังนี้
ประคบเย็นใน 48 ชม. แรก แล้วเปลี่ยนเป็นประคบร้อน
ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังเสริมจมูกควรประคบเย็นรอบจมูก และบริเวณใต้ตาเพื่อลดอาการบวมช้ำ โดยให้หลีกเลี่ยงการกดทับจมูกโดยตรง จากนั้นเมื่อเข้าสู่วันที่ 3 หากอาการบวมลดลงแล้วสามารถเปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้รอยช้ำจางลงเร็วขึ้น
งดนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
แนะนำให้นอนหงาย หนุนหมอนเพื่อยกศีรษะให้สูงขึ้น เพื่อให้ของเหลวในร่างกายไม่ไหลลงมาที่จมูกจนทำให้บวมมากขึ้น หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้าอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกดทับ จมูกเบี้ยว หรือซิลิโคนเคลื่อน
งดอาหารหมักดอง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่
ในช่วง 2 – 4 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรงดอาหารหมักดอง ของเผ็ดจัด เค็มจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้แผลบวมนานขึ้น ทั้งยังทำให้แผลหายช้า ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ ควรเน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสี เช่น ปลา ไข่ ผักใบเขียว และผลไม้สด เพื่อช่วยให้แผลสมานตัวได้ดีขึ้น
งดใส่แว่น บีบจมูก หรือสัมผัสบริเวณจมูก
หลังเสริมจมูกควรงดใส่แว่นตาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะแรงกดจากแว่นอาจทำให้ ซิลิโคนจมูกเคลื่อน หรือทำให้จมูกผิดรูป รวมถึงหลีกเลี่ยงการจับ กด หรือถูบริเวณจมูกโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้แผลระคายเคืองและเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเบี้ยวได้
ทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ให้ลดลง และควรไปตรวจตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามอาการและการฟื้นตัวของคนไข้ได้อย่างใกล้ชิด หากเกิดความผิดปกติก็สามารถแก้ไขได้ทัน
คำแนะนำจากแพทย์ เพื่อใช้สังเกตอาการหลังเสริมจมูก
หลังเสริมจมูกแนะนำให้สังเกตอาการต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถรักษาหรือแก้ไขอาการผิดปกติได้ทันเวลา โดยสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนการสังเกตอาการได้ดังนี้
- ถ่ายภาพความเปลี่ยนหลังทำไว้ทุกวัน โดยถ่ายรูปจมูกจากมุมเดิมเป็นประจำทุกวัน เพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลง เช่น อาการบวม แดง หรือความเอียงของจมูก เป็นต้น
- สังเกตอาการบวมแดง โดยตรวจสอบว่าอาการบวมแดงเกิดขึ้นทั้งจมูกหรือเฉพาะบางจุด มีความรู้สึกแสบร้อนหรือปวดมากผิดปกติหรือไม่ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะอักเสบติดเชื้อ
- สังเกตของเหลวที่ไหลออกมา หากของเหลวที่ไหลออกมานั้นมีลักษณะผิดปกติ เช่น เป็นหนอง มีเลือดไหลหรือซึมออกมาซึ่งมีสีที่ผิดปกติ หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น ควรรีบแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อดำเนินการรักษาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลุกลามจนแก้ไขได้ยาก
- ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหายามาทานเอง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย
- หากเกิดความผิดปกติหรืออาการไม่ดีขึ้นในช่วง 3 – 5 วันแรกหลังผ่าตัด ควรเข้าพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้
อาการหลังแก้จมูกต่างจากอาการหลังเสริมจมูกครั้งแรกอย่างไร?
อาการหลังเสริมจมูกครั้งแรกจะมีความแตกต่างจากอาการหลังแก้จมูก เนื่องจากการแก้จมูกมีความซับซ้อนมากกว่า ทำให้เนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บซ้ำซ้อน จึงอาจทำให้เกิดอาการหรือผลข้างเคียงที่มากกว่า โดยอาการหลังแก้จมูกมีความแตกต่างจากการทำจมูกครั้งแรก ดังนี้
- อาจมีอาการบวมมากกว่าหรือหายช้ากว่า เนื่องจากโครงสร้างและเนื้อจมูกเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน ทำให้เนื้อเยื่อไวต่อการบวมและฟื้นตัวยากกว่าปกติ อาการบวมช้ำจึงมักนานกว่าการทำจมูกครั้งแรก
- เสี่ยงต่อการเกิดพังผืดมากขึ้นหรือเนื้อเยื่อบางลง เนื่องจากการแก้จมูกแพทย์อาจจะต้องเลาะพังผืดที่เกิดจากการเสริมจมูกครั้งก่อนออกไป นอกจากนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ ส่งผลทำให้เนื้อจมูกหรือผิวหนังบริเวณนั้นบางลงได้
- อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น การแก้จมูกบางกรณีอาจต้องผ่าตัดแก้ไขในหลายจุด ทำให้เกิดการเสียหายต่อเนื้อเยื่อค่อนข้างมาก ทำให้การฟื้นตัวทำได้ช้ากว่า แผลหายช้า
เทคนิคเสริมจมูกมีผลต่ออาการหลังทำหรือไม่?
สำหรับอาการหลังเสริมจมูกเกี่ยวข้องโดยตรงกับเทคนิคเสริมจมูกที่แพทย์เลือกใช้ เนื่องจากแต่ละเทคนิคมีวิธีการผ่าตัดและการสร้างผลกระทบต่อเนื้อเยื่อจมูกแตกต่างกัน ทั้งเรื่องของอาการบวม ระยะพักฟื้น ความเจ็บ เป็นต้น โดยแต่ละเทคนิคมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- เทคนิคเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นเทคนิคที่แพทย์จะเปิดแผลภายในโพรงจมูก โดยไม่มีแผลภายนอกให้เห็น เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับเฉพาะสันจมูกให้โด่งขึ้น มีปัญหาน้อยไม่ซับซ้อน ไม่ต้องปรับแก้โครงสร้างจมูกมากนัก จึงทำให้บวมน้อย เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็ว
- เทคนิคเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เทคนิคนี้แพทย์จะเปิดแผลที่ฐานจมูกเพื่อเข้าไปปรับและแก้ไขโครงสร้างภายในของจมูก แพทย์มองเห็นภายในชัดเจน แก้ไขได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ทรงจมูกอย่างละเอียด มีปัญหาเยอะ ต้องแก้ไขหลายจุด รวมไปถึงเคสแก้จมูกหรือเคสเนื้อจมูกน้อย ทำให้เนื้อเยื่อได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะจึงต้องพักฟื้นนาน อาจมีอาการบวมช้ำมากในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- เทคนิคเสริมจมูก SSTP เป็นเทคนิคเฉพาะของ Vincent Clinic ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่มีเนื้อจมูกน้อยแต่อยากได้ทรงโด่งพุ่งสวย ด้วยการเพิ่มพื้นที่ในการใส่ซิลิโคนให้มากขึ้น มีเทคนิคการเย็บแผลแบบละเอียด ช่วยลดอาการบวมช้ำ พักฟื้นน้อย หายไวขึ้น กลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น
- ใช้วัสดุรองปลายจมูก สำหรับคนที่เนื้อปลายจมูกบาง แพทย์อาจใช้วัสดุรองปลายที่มาจากตัวของคนไข้เอง เช่น เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อเทียม เนื้อเยื่อก้นกบ กระดูกอ่อนซี่โครง เพื่อป้องกันปัญหาปลายจมูกทะลุ จึงอาจมีระยะการพักฟื้นมากกว่าเพราะมีแผลผ่าตัดที่มากกว่าหนึ่งตำแหน่ง
หัตถการช่วยลดอาการหลังเสริมจมูก
ในกรณีของคนที่อยากลดระยะเวลาของอาการหลังเสริมจมูกให้น้อยลง อย่างเช่น อาการบวมช้ำ ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีแสงบำบัดได้ด้วยแสงที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปกระตุ้นการฟื้นฟูร่างกาย กระตุ้นคอลลาเจน กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดสามารถลำเลียงออกซิเจนสู่เซลล์ผิวได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการบวม ลดโอกาสเกิดพังผืดให้น้อยลง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับอาการหลังเสริมจมูก
สำหรับใครที่มีความกังวลหรือสงสัยในประเด็นอื่นๆ เกี่ยวกับอาการหลังเสริมจมูก ในเนื้อหาต่อไปนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยว่าไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม ดังนี้
Q: หลังเสริมจมูกล้างหน้าได้ไหม? ใช้น้ำได้เมื่อไหร่?
A: สามารถล้างหน้าได้หลังจากเสริมจมูกมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ในส่วนของบริเวณโดยรอบจมูกแนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำแล้วเช็ดเบาๆ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนตัวซิลิโคนที่ยังไม่เข้าที่
Q: หลังเสริมจมูกแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?
A: สำหรับคนที่อยากแต่งหน้าหลังเสริมจมูก แนะนำให้แต่งหน้าเบาๆ หลังผ่านไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเริ่มล้างหน้าได้แล้ว หากแต่งหน้าในช่วงที่ยังล้างหน้าไม่ได้เครื่องสำอางที่ตกค้างอาจทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อได้
Q: กินอะไรได้บ้างหลังเสริมจมูก? ต้องงดอาหารอะไรบ้าง?
A: หลังทำจมูกควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และอาหารทะเลบางชนิด เพราะอาจทำให้อาการบวมเพิ่มมากขึ้น เสี่ยงติดเชื้อได้มากขึ้น แนะนำเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย และเป็นอาหารอ่อน ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก
Q: หลังเสริมจมูกมีก้อนแข็งตรงดั้งหรือปลายจมูก เป็นปกติหรือไม่?
A: หากเสริมจมูกมาแล้วเกิดอาการสันจมูกนูน มีก้อนแข็ง ผิวไม่เรียบเนียน อาจเกิดขึ้นจากการวางซิลิโคนไม่พอดีหรือผิดตำแหน่ง สันกระดูกเดิมดันซิลิโคนให้โก่ง เป็นต้น แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
Q: หลังเสริมจมูกอากาศเย็นหรือร้อนมีผลต่อซิลิโคนหรือไม่?
A: โดยทั่วไปอุณหภูมิไม่มีผลกับตัวซิลิโคน แต่จะมีผลกับการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อและอาการหลังเสริมจมูก เนื่องจากอาการร้อนจะทำให้เลือดไหลเวียนได้มากขึ้นส่งผลทำให้อาการบวมช้ำมากขึ้นตามไปด้วย แต่อาการเย็นหรือการอยู่ในห้องแอร์จะช่วยลดอาการบวมให้น้อยลง ยุบบวมไวขึ้น เหมือนกับการประคบเย็นในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด
Q: ต้องนวดจมูกหรือไม่หลังเสริม?
A: ในช่วงแรกหลังเสริมจมูกไม่ควรกด บีบ สัมผัส หรือนวดบริเวณจมูกเพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของซิลิโคนไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ รวมไปถึงเพิ่มโอกาสติดเชื้อที่แผลผ่าตัดได้มากยิ่งขึ้น
Q: อาการจมูกขยับได้เวลาขยับหน้าหรือยิ้ม ถือว่าผิดปกติไหม?
A: อาการจมูกขยับได้เวลาที่ขยับหน้าหรือมีการยิ้ม อาจเกิดจากปัญหาซิลิโคนลอยหรือซิลิโคนเคลื่อนไปในตำแหน่งอื่น ซึ่งถือว่าเป็นอาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
Q: มีน้ำมูกไหลหลังเสริมจมูก ถือว่าอันตรายไหม?
A: หากมีน้ำมูกใสไหลออกมาหลังเสริมจมูก แนะนำให้รีบทานยาลดน้ำมูกเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมูกสัมผัสกับแผลผ่าตัดมากเกินไปจนเกิดการติดเชื้อ แต่ถ้าน้ำที่ไหลออกมาเป็นหนองหรือเลือดอาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อรุนแรง ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
Q: หลังเสริมจมูกจะจับซิลิโคนขยับดูได้ไหม?
A: การจับหรือขยับซิลิโคนจมูกหลังทำศัลยกรรมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนผิดตำแหน่ง เกิดเป็นปัญหาจมูกผิดรูปทรงตามมาได้
สรุป
การเข้าใจอาการหลังเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลดความกังวล สามารถแยกแยะได้ว่าอาการแบบไหนคืออาการปกติที่พบได้ทั่วไปหลังศัลยกรรมจมูก หรืออาการแบบไหนที่ผิดปกติต้องพบแพทย์เพื่อรักษาทันที เช่น ปวดรุนแรง แผลอักเสบ จมูกเบี้ยว มีหนองไหลออกมา เป็นต้น การดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังทำที่ออกมาดีและปลอดภัย ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา สำหรับใครที่อยากเสริมจมูกปรับลุคให้ดูดีขึ้น หรืออยากแก้จมูกที่เคยทำมาแล้วแต่ไม่พึงพอใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อเข้ารับการประเมิน วางแผนการรักษา และออกแบบทรงจมูกที่รับกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด