Key Takeaways
- ดูดไขมันสะโพก คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณสะโพก เพื่อปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนและดูเพรียวขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายไขมันก็ไม่หายไปหรือหายไปเพียงบางส่วน
- หลังทำควรดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ใส่ชุดกระชับ งดกิจกรรมหนัก ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
- ก่อนตัดสินใจควรเข้ารับการประเมินอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับปัญหา รูปร่าง และความต้องการของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและปลอดภัย
ดูดไขมันสะโพก เป็นหนึ่งวิธีกำจัดไขมันเฉพาะจุดที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยดูแลรูปร่างและสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะไขมันในตำแหน่งนี้เป็นจุดที่ลดได้ยาก แม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารมากแค่ไหนไขมันในตำแหน่งนี้ก็ยังไม่ลดลงหรือลดไปเพียงเล็กน้อย ในเนื้อหานี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูดไขมันบริเวณสะโพกให้มากขึ้น เหมาะกับใครบ้าง ใช้เทคนิคอะไรในการดูดไขมัน อันตรายไหม ต่างจากการดูดไขมันข้างสะโพกอย่างไร สามารถติดตามอ่านได้จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาให้ต่อไปนี้ได้เลย
ดูดไขมันสะโพก คืออะไร?
ดูดไขมันสะโพก (Hip Liposuction) คือ เทคนิคการดูดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณสะโพกให้ลดลง แก้ปัญหาในคนที่สะโพกเผละ สะโพกใหญ่จากไขมันที่สะสมมากเกินไปจนทำให้ดูตัวหนา เทอะทะ ช่วยทำให้สะโพกได้รูปทรงมากขึ้น เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน รูปร่างดูเพรียวบางลง สามารถเห็นผลลัพธ์ของสัดส่วนที่เล็กลงได้หลังทำ
ดูดไขมันสะโพก เหมาะกับใคร?
สำหรับการดูดไขมันสะโพก เป็นวิธีการกำจัดไขมันเฉพาะจุดที่ลดยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดูดีขึ้น จึงเหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณสะโพกมากเกินไป
- ผู้ที่มีรูปร่างทรงลูกแพร์และต้องการปรับรูปร่างให้สมส่วนมากขึ้น
- ผู้ที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ไขมันสะโพกยังไม่ลดลง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูเพรียว มีเส้นโค้งเว้าชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันให้เห็นผลอย่างชัดเจนและรวดเร็ว
ดูดไขมันสะโพก ไม่เหมาะกับใคร?
ดูดไขมันสะโพกจะช่วยปรับรูปร่างให้ดูสมส่วนและกระชับขึ้น แต่ก็ไม่ใช่หัตถการที่เหมาะกับทุกคน เพราะยังมีข้อจำกัดและข้อควรระวังในบางกลุ่ม ซึ่งหากฝืนทำอาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียงหรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด
- ผู้ที่ต้องการใช้การดูดไขมันเป็นการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่ในระดับที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยมาก
- ผู้ที่ควาดหวังผลลัพธ์ที่มากเกินความเป็นจริง เช่น หลังทำจะต้องผอมเลยทันที เป็นต้น
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาสลบ
ดูดไขมันสะโพก อันตรายไหม?
สำหรับการดูดไขมันสะโพกในปัจจุบันมีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ สามารถลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงให้น้อยลง ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังทำที่ออกมาดีตรงตามที่ต้องการ
ดูดไขมันสะโพกใช้เทคนิคแบบไหนได้บ้าง?
การดูดไขมันสะโพกในปัจจุบันมีหลายเทคนิคให้เลือก แต่ละเทคโนโลยีมีจุดเด่นเฉพาะตัว เหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป โดยสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด โดยแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย และความแตกต่างกัน ดังนี้
- Vaser Smooth 2.2 กำจัดไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasonic Assisted Liposuction) ส่งเข้าไปยังชั้นไขมันโดยตรงเพื่อทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลง ช่วยให้ดูดออกมาได้ง่ายขึ้น โดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อข้างเคียงมาก
- Body Tite กำจัดไขมันด้วยคลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) ทำให้เกิดความร้อนในชั้นไขมัน ช่วยให้ไขมันแตกตัวได้ดี พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจนและทำให้ผิวกระชับในเวลาเดียวกัน
- Body Jet กำจัดไขมันด้วยพลังน้ำที่ปล่อยเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อทำการแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อ ทำให้สามารถเก็บไขมันที่ยังสมบูรณ์ไว้ใช้เติมเต็มในจุดอื่นได้
- PAL (Power Assisted Liposuction) กำจัดไขมันด้วยระบบสั่นเพื่อช่วยให้ไขมันแตกตัวเล็กลงได้ดีและดูดออกมาได้เร็ว ช่วยให้สามารถกำจัดไขมันในปริมาณมาก ๆ ได้
ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของเทคนิคดูดไขมันสะโพกแต่ละแบบ
เทคโนโลยี | วิธีการทำงาน | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|---|
Vaser Smooth 2.2 | ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ช่วยสลายไขมันก่อนดูดออก |
|
|
Body Tite | ใช้พลังงานคลื่น RF ทำให้ไขมันแตกตัว และกระตุ้นผิวกระชับไปพร้อมกัน |
|
|
Body Jet | ใช้พลังงานจากแรงดันน้ำแยกไขมันออกจากกันอย่างอ่อนโยน |
|
|
PAL (Power Assisted Liposuction) | ใช้หัวดูดแบบสั่นสลายไขมันให้แตกตัวง่ายขึ้น |
|
|
**ตารางนี้เป็นเพียงการเปรียบเทียบเบื้องต้นเท่านั้น ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล
ดูดไขมันสะโพก ต่างจาก ดูดไขมันข้างสะโพกอย่างไร?
การดูดไขมันสะโพกเป็นการจัดการไขมันทั้งหมดของบริเวณสะโพก แต่การดูดไขมันข้างสะโพกเป็นการเฉพาะเจาะจงลงไปที่ด้านข้างของสะโพกเท่านั้น ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป แพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมของแต่ละคน เพื่อกำหนดตำแหน่งในการดูดไขมันให้ตอบโจทย์ปัยหาและความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันสะโพก
ก่อนเข้ารับการดูดไขมันสะโพก การเตรียมตัวอย่างถูกต้องและเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยสามารถเตรียมตัวเบื้องต้นก่อนเข้ารับบริการ ดังนี้
- แพทย์จะทำการประเมินสภาพร่างกายโดยรวม ตรวจเช็กความยืดหยุ่นของผิว และประเมินปริมาณไขมันที่ต้องกำจัด เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ผู้หากมีประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง ควรแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
- งดรับประทานยา อาหารเสริม หรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ล่วงหน้า เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- งดรับประทานอาหารก่อนเข้ารับบริการประมาณ 6–8 ชั่วโมง
ขั้นตอนการดูดไขมันสะโพกเป็นอย่างไร?
สำหรับขั้นตอนในการดูดไขมันสะโพกมีด้วยกันหลายขั้นตอน ซึ่งต้องดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีที่มันสมัยได้มาตรฐาน โดยมีรายละเอียดของการดูดไขมันบริเวณสะโพกดังนี้
- แพทย์จะตรวจวิเคราะห์รูปร่าง สัดส่วน ผิวหนัง และปริมาณไขมันสะสม เพื่อออกแบบแนวการดูดไขมันให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ตรวจสุขภาพทั่วไป แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยา รวมถึงงดอาหารและน้ำก่อนทำหัตถการตามคำแนะนำของแพทย์
- ทำความสะอาดผิวหนังและทำเครื่องหมายเพื่อกำหนดตำแหน่งที่จะดูดไขมัน
- คนไข้ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ เมื่อยาสลบออกฤทธิ์จึงเริ่มดูดไขมันโดยใช้หัวดูดไขมันสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว หลังจากนั้นจึงทำการดูดออกมา หลังเสร็จสิ้นกระบวนการแพทย์จะทำการเย็บแผลปิดไว้
- เมื่อยาสลบหมดฤทธิ์คนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย
การดูแลหลังทำดูดไขมันสะโพก
หลังจากการดูดไขมันสะโพกเสร็จสิ้น การดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้นถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้แผลหายไว ลดอาการบวมช้ำ และเห็นผลลัพธ์เข้าที่เร็วขึ้น การปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และส่งเสริมให้รูปร่างเข้าที่เร็วขึ้น โดยมีแนวทางการดูแลหลังทำดังนี้
- รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งและเข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย
- ทำความสะอาดแผลวันละครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และช่วยให้แผลแห้งสะอาดอยู่เสมอ
- ขยับร่างกายเบา ๆ และลุกเดินเป็นระยะ เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดี ลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มอุดตัน
- ใส่ชุดกระชับสัดส่วนตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อช่วยพยุงผิวให้กระชับ ลดบวม และทำให้ของเสียขับออกจากร่างกายได้ดีขึ้น เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2–3 สามารถลดเหลือวันละ 12 ชั่วโมงได้
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือยกของหนักเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือนหรือเกิดการอักเสบ
- งดการใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี หรือสมุนไพรบางชนิด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ หรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดี ฟื้นตัวได้ไว และไม่เกิดภาวะขาดน้ำ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารหมักดอง และอาหารรสจัด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจรบกวนกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย ทำให้แผลหายช้า และเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ
ดูดไขมันสะโพกราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคาของการดูดไขมันสะโพกมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณไขมันที่ต้องดูด พื้นที่ในการทำ เทคนิคที่เลือกใช้ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 40,000 – 120,000 บาท แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อให้ได้ข้อมูลเฉพาะรายบุคคลที่ถูกต้องครบถ้วนมากที่สุด
ดูดไขมันสะโพกควรทำร่วมกับตำแหน่งอื่นไหม?
ในส่วนของการดูดไขมันสะโพกสามารถทำร่วมกับการดูดไขมันตำแหน่งอื่นได้ เช่น ดูดไขมันลำตัว เพื่อให้รูปร่างสมส่วน ดูเพรียวบางลง หรือ ดูดไขมัน Sexy Line เพื่อสร้างรูปร่างที่สุขภาพดีมีกล้ามหน้าท้อง เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้และร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด
เลือกคลินิกดูดไขมันสะโพกอย่างไรให้ปลอดภัย?
การเลือกคลินิกเพื่อดูดไขมันสะโพกไม่ควรมองแค่ราคาถูก แต่ควรคำนึงถึง ความปลอดภัย และ มาตรฐานของการรักษา เป็นหลัก เพราะหัตถการนี้มีความเกี่ยวข้องกับทั้งร่างกาย เส้นเลือด และเนื้อเยื่อโดยตรง หากเลือกคลินิกหรือแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมาได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญต่อไปนี้
- เลือกคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาตติดไว้ให้มองเห็นชัดเจน มีห้องผ่าตัดที่สะอาด ได้มาตรฐาน แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจในเรื่องของเทคนิคการดูดไขมัน สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
- ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐาน นำเข้าอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้
- ดูรีวิวจากเคสจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพรีวิวก่อน-หลังทำ จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจนมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดูดไขมันสะโพก
เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการดูดไขมันสะโพกที่มากขึ้น เนื้อหาต่อไปนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: ดูดไขมันสะโพกช่วยให้บั้นท้ายกระชับขึ้นด้วยหรือไม่?
A: การดูดไขมันสะโพกเน้นลดไขมันส่วนเกินบริเวณสะโพกด้านข้างและด้านหลัง ทำให้รูปร่างช่วงล่างดูเล็กลงและมีสัดส่วนมากขึ้น จึงสามารถส่งผลทำให้บั้นท้ายได้รูปทรงชัดเจนตามไปด้วย แต่ไม่ได้ทำให้บั้นท้ายกระชับขึ้นเหมือนกับการใช้เครื่องยกกระชับโดยตรง
Q: หลังดูดไขมันสะโพก เวลาใส่กางเกงรัดรูปจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนไหม?
A: สามารถเห็นผลลัพธ์ของรูปร่างและรูปทรงสะโพกที่ได้สัดส่วนชัดเจน โดยเฉพาะในคนที่มีไขมันสะสมบริเวณสะโพกค่อนข้างมาก หลังดูดไขมันจะสามารถใส่กางเกงเอวสูงหรือชุดแนบเนื้อแล้วเห็นส่วนโค้งเว้าของเอวและสะโพกชัดขึ้น ทำให้รูปร่างดูสมส่วนและมั่นใจมากกว่าเดิม
Q: สามารถดูดไขมันสะโพกพร้อมกับดูดบริเวณอื่นได้หรือไม่?
A: สำหรับการดูดไขมันในแต่ละครั้งสามารถทำหลายตำแหน่งพร้อมกันได้ เช่น ดูดไขมันต้นขา เอว หรือข้างสะโพกพร้อมกัน เป็นต้น เพื่อให้ได้สัดส่วนของรูปร่างที่มีความสมดุลกันทั้งหมด ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ เพราะปริมาณไขมันที่สามารถดูดออกจากร่างกายในแต่ละครั้งมีปริมาณที่จำกัด หากมากเกินไปจะส่งผลเสียกับร่างกายทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ จึงต้องให้แพทย์วางแผนการรักาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด
Q: มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักตัวหรือ BMI สำหรับคนที่จะดูดไขมันสะโพกหรือไม่?
A: โดยทั่วไปผู้ที่มี BMI ไม่เกิน 30 จะเหมาะกับการดูดไขมันมากที่สุด เพราะเป็นช่วงน้ำหนักที่สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัย แต่กรณีที่น้ำหนักมากกว่านี้ แพทย์อาจแนะนำให้ลดน้ำหนักบางส่วนก่อนที่จะดูดไขมัน เพื่อความปลอดภัยและแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
Q: หลังดูดไขมันสะโพกสามารถนั่งหรือนอนตะแคงได้ตามปกติไหม?
A: ในช่วงประมาณ 3–7 วันแรกหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนตะแคงที่มากเกินไปสำหรับข้างที่ทำการดูดไขมัน เพื่อป้องกันอาการบวมหรือช้ำและช่วยให้ผิวกระชับเรียบเนียนเร็วขึ้น หลังจากนั้นสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ตามการแนะนำของแพทย์
สรุป
ดูดไขมันสะโพกเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สามารถเข้าไปทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลงได้อย่างเห็นผล ด้วยคลื่นพลังงานที่แตกต่างกัน ทำให้ดูดออกมาได้ง่าย รวดเร็ว และได้ปริมาณที่มากเพียงพอกับการลดสัดส่วน ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน สะโพกเพรียวบาง สวยได้รูปรับกับสรีระ ใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจมากขึ้น สำหรับใครที่อยากดูแลรูปร่างให้ได้สัดส่วน ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล