ผ่าตัดกราม อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการปรับโครงหน้าให้ได้รูปมากขึ้น ลดสัดส่วนของกรามที่ขนาดใหญ่มากกว่าปกติ ไม่สมดุลกับใบหน้า จนทำให้เกิดปัญหา หน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ หน้าดูบาน หน้าแข็งไม่ละมุน เป็นต้น ซึ่งมักเกิดขึ้นกับโครงสร้างของกระดูกจึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยหัตถการทั่วไป ต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วยจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและได้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ถาวร สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าศัลยกรรมผ่าตัดบริเวณกรามคืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร อันตรายไหม ใช้เทคนิคอะไรในการผ่าตัด มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง Vincent Clinic Plastic Surgery แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาต่อไปนี้
Key Takeaways
- ผ่าตัดกรามคือการศัลยกรรมปรับโครงสร้างกระดูกกรามโดยตรง ช่วยลดความเหลี่ยมและขนาดของกราม ทำให้ใบหน้าเรียวได้รูป ผลลัพธ์ชัดเจนและถาวร ต่างจากหัตถการทั่วไปที่แก้ได้เพียงกล้ามเนื้อหรือไขมัน
- ผ่าตัดกรามเหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกกรามใหญ่ ใบหน้าเหลี่ยมหรือกว้าง สันกรามนูน กรามสองข้างไม่เท่ากัน โครงหน้าไม่สมดุล หรือเคยแก้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัดแล้วไม่เห็นผล
- ผ่าตัดกรามไม่เหมาะกับผู้ที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ป่วยโรคประจำตัวรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูง
- การผ่าตัดกรามมีทั้งเพื่อความงามที่เน้นปรับรูปหน้าให้สมส่วนและละมุน และเพื่อการรักษาโครงสร้างขากรรไกรที่ผิดปกติซึ่งส่งผลต่อการเคี้ยวหรือการพูด บางกรณีทำร่วมกับการจัดฟันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- แม้ผลลัพธ์ผ่าตัดกรามจะชัดเจนและถาวร แต่การผ่าตัดต้องพักฟื้นนาน 1–2 เดือน ใบหน้าจะเข้าที่เต็มที่ภายใน 6–12 เดือน และอาจมีอาการบวม ชา หรือเสี่ยงติดเชื้อหากดูแลไม่ดี
- ผ่าตัดกรามต่างจากวิธีลดกรามอื่นที่ให้ผลชั่วคราว เช่น โบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อกราม HIFU หรือร้อยไหมที่ช่วยยกกระชับผิวอยู่ได้ การผ่าตัดกรามจึงเป็นวิธีเดียวที่แก้ปัญหาโครงกระดูกและให้ผลถาวร
ผ่าตัดกราม คืออะไร?
ผ่าตัดกราม คือ ศัลยกรรมเพื่อปรับโครงสร้างกระดูกกรามให้ได้รับกับรูปหน้ามากขึ้น ช่วยลดความเหลี่ยมของกรามทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณมุมกรามทั้งสองข้างเพื่อเข้าไปตัดส่วนหนึ่งของกระดูกกราม ซึ่งเป็นต้นตอของกรามใหญ่ หน้าเหลี่ยม ให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง หน้าจึงมีความเรียว ละมุน หน้าวีเชฟ ได้รูปมากขึ้น
ผ่าตัดกรามเหมาะกับใคร?
สำหรับการตัดกรามนั้น เป็นศัลยกรรมที่ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างชัดเจน แก้ปัญหาในส่วนที่หัตถการแบบไม่ผ่าตัดไม่สามารถทำได้ จึงเป็นการผ่าตัดที่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูก ถ้ากรามกว้างไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อ แต่เกิดจากโครงสร้างกระดูกขากรรไกรล่าง การผ่าตัดกรามจะแก้ไขได้ดีกว่า
- ผู้ที่มีรูปหน้าเหลี่ยมชัดเจน ทำให้ดูแข็งหรือดุ การตัดกรามช่วยลดเหลี่ยมและปรับเส้นกรอบหน้าให้ดูละมุนขึ้น
ผู้ที่มีสันกระดูกกรามชัดเจนเกินไป สันกระดูกที่นูนออกมาทำให้ใบหน้าดูแข็งแรงเกินไป การผ่าตัดสามารถปรับแนวกระดูกให้เข้ารูปมากขึ้น - ผู้ที่มีหน้าใหญ่หรือหน้ากว้าง ใบหน้าดูกว้างเพราะโครงสร้างกระดูก ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทั่วไป การผ่าตัดช่วยให้หน้าเรียวเล็กลงถาวร
- ผู้ที่มีกระดูกกรามทั้งสองข้างไม่เท่ากัน มีความไม่สมมาตรของใบหน้าที่เห็นได้ชัด เช่น กรามซ้ายและขวาไม่เท่ากัน การตัดกรามช่วยปรับให้สมดุลมากขึ้น
- ผู้ที่มีโครงหน้าไม่ได้สัดส่วน เช่น กรามใหญ่เมื่อเทียบกับหน้าผากหรือคาง ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล การผ่าตัดช่วยให้รูปหน้าสมส่วนขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียวสวย และได้ผลลัพธ์ถาวร แตกต่างจากหัตถการทั่วไปที่ผลลัพธ์อยู่ไม่นาน การผ่าตัดกรามสามารถเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกและให้ผลระยะยาว
- ผู้ที่เคยแก้ปัญหากรามใหญ่ด้วยเทคนิคอื่นแล้วไม่เห็นผล เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ลดกราม หรือทำหัตถการอื่น แต่ยังคงมีใบหน้าเหลี่ยมหรือกรามชัดอยู่ การผ่าตัดถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่า
ใครไม่เหมาะกับการผ่าตัดกราม?
ศัลยกรรมตัดกราม เป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหากระดูกกรามใหญ่มากเกินไป ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น หน้าเรียวสวยได้อย่างเห็นผลชัดเจนและถาวร แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับวิธีนี้เช่นกัน ได้แก่
- ผู้ที่ไม่ได้มีปัญหากรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูก หากกรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ เช่น กัดฟันบ่อย เคี้ยวแรง หรือใช้กล้ามเนื้อบดเคี้ยวมากเกินไป จะเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามมากกว่าการผ่าตัด
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากกระดูกใบหน้าและร่างกายยังอยู่ในช่วงพัฒนา หากรีบผ่าตัดอาจทำให้โครงหน้าเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาหลังผ่าตัด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรงและควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างหรือหลังการผ่าตัด
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การดมยาสลบ และการใช้ยาต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อทารกได้ จึงควรเลื่อนการผ่าตัดออกไปจนกว่าจะปลอดภัย
ผ่าตัดกรามมีกี่ประเภท?
การผ่าตัดกรามสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก โดยมีวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน คือผ่าตัดเพื่อความงามที่เน้นปรับโครงหน้าให้สวยงามได้สัดส่วน และผ่าตัดเพื่อรักษาอาการผิดปกติที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีรายละเอียดของการผ่าตัดบริเวณกรามที่แตกต่างกัน ดังนี้
ผ่าตัดกรามเพื่อความงาม (V-line surgery)
การผ่าตัดกรามเพื่อความกรามเป็นการผ่าตัดที่มุ่งเน้นการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยและได้สัดส่วนมากขึ้น โดยการเข้าไปตัดกระดูกส่วนหนึ่งของมุมกรามที่มีขนาดใหญ่ หรือ เหลากราม ในจุดที่ทำให้ใบหน้าขาดสมดุลออกไป เพื่อสร้าง V-Line ทำให้กรอบหน้าเรียวได้สัดส่วนรับกับโครงหน้าโดยรวมมากขึ้น
ผ่าตัดกรามเพื่อรักษาสุขภาพช่องปาก
การผ่าตัดกรามเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากเป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกขากรรไกรซึ่งทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ เช่น การสบฟันผิดปกติ เคี้ยวอาหารหรือพูดลำบาก โดยการปรับเลื่อนขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งอาจทำร่วมกับการจัดฟันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
เตรียมตัวอย่างไรก่อนผ่าตัดกราม?
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดกรามเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดและทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น โดยสามารถปฏิบัติเบื้องต้นได้ดังนี้
- เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอย่างละเอียด เช่น X-Ray ตรวจโครงสร้างกระดูกกรามและใบหน้า สุขภาพช่องปาก และตรวจร่างกาย พร้อมแจ้งประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา และยาที่ใช้อยู่ทั้งหมด เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและปัญหาการฟื้นตัว
- หยุดใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริม โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือสมุนไพรบางชนิด
- เตรียมเวลาพักฟื้นร่างกายให้เพียงพอ เพราะการผ่าตัดกรามหลังทำต้องพักฟื้น คอยดูแลแผลให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ขั้นตอนการผ่าตัดกราม
สำหรับขั้นตอนการทำศัลยกรรมตัดกราม มีด้วยกันหลายขั้นตอนซึ่งโดยรวมจะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันออกไปตามเทคนิคที่แพทย์เลือกใช้แตกต่างกันไปตามปัญหาของคนไข้ที่ไม่เหมือนกัน
- แพทย์ประเมินและทบทวนแผนการรักษากับคนไข้อีกครั้ง หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือมีปัญหาที่เกิดเพิ่มเติม ก็สามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
- แพทย์กำหนดตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัดให้รับกับโครงสร้างของใบหน้า
- ดมยาสลบโดย วิสัญญีแพทย์ เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บในระหว่างทำ
- เมื่อยาสลบออกฤทธิ์แพทย์จะเริ่มผ่าตัดตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เพื่อเข้าไปตัดชิ้นส่วนของกระดูกกรามออกไป หรือเข้าไปปรับเลื่อนตำแหน่งของขากรรไกรให้เข้าที่มากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการจึงทำการเย็บปิดแผลซ่อนไว้ในตำแหน่งที่สังเกตได้ยาก
ผ่าตัดกรามอันตรายไหม?
การผ่าตัดกรามหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ เข้าใจเทคนิคในการผ่าตัด สามารถเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ จะช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงให้น้อยลง ป้องกันภาวะแรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว หากผ่าตัดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพออาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น กระทบเส้นประสาท ตัดกระดูกออกมากเกินไป โครงหน้าผิดสัดส่วน กรามสองข้างไม่เท่ากัน
ผ่าตัดกรามเจ็บไหม? ฟื้นตัวนานแค่ไหน?
การผ่าตัดกรามทำภายใต้การดมยาสลบทำให้ระหว่างผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากยาสลบหมดฤทธิ์อาจมีอาการปวด บวม และตึงบริเวณใบหน้า ซึ่งแพทย์จะให้ยาแก้ปวดและยาลดบวมเพื่อบรรเทาอาการ โดยอาการบวมมักชัดเจนในช่วง 3 – 5 วันแรก และค่อยๆ ลดลงภายใน 2 – 4 สัปดาห์ ส่วนการฟื้นตัวให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังทำ ผลลัพธ์จะค่อยๆ เข้าที่ประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน การดูแลหลังผ่าตัด และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ข้อดีของการผ่าตัดกราม
ศัลยกรรมตัดกรามสามารถช่วยปัญหาที่เกี่ยวกับโครงหน้าได้หลายอย่าง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับบริเวณกระดูกกราม จึงเป็นการผ่าตัดที่มีข้อดี ดังนี้
- ปรับรูปหน้าให้สมส่วน หน้าเรียว มีความละมุนขึ้น
- ให้ผลลัพธ์ใบหน้าที่ได้สัดส่วนดีขึ้นอย่างถาวร
- ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการสบฟัน การพูด หรือการเคี้ยวอาหาร
- ช่วยเสริมความมั่นใจและปรับลุคให้ดูดีขึ้น
ข้อจำกัดและผลข้างเคียงของการผ่าตัดกราม
แม้ว่าการตัดกรามจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร แต่ก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ควรศึกษา ทำความเข้าใจก่อนทำ เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ให้น้อยลง เพราะร่างกายของแต่ละคนมีข้อจำกัดทางสุขภาพที่แตกต่างกัน ทำให้การผ่าตัดเพื่อแก้ไขกรามมีข้อจำกัดหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
- ต้องพักฟื้นเป็นเวลานานเพราะเป็นการผ่าตัดบริเวณกระดูก
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นประสาทบาดเจ็บทำให้เกิดอาการชา หรือปัญหาการเคลื่อนไหวของขากรรไกร หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
- อาจเกิดการติดเชื้อ อักเสบ หากไม่ดูแลอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์
- อาจเกิดอาการบวมช้ำมากในช่วงแรก ซึ่งอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
- รับประทานหรือเคี้ยวอาหารลำบากในช่วงแรกหลังทำ
- ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อหรือไขมันได้
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกราม
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกรามเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วขึ้น โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการปวดบวม
- นอนหนุนหมอนสูง ช่วยลดการบวมของใบหน้า
- รับประทานอาหารอ่อนหรืออาหารเหลว เช่น โจ๊ก ซุป สมูทตี้ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว กรอบ หรืออาหารที่เคี้ยวยากในช่วงแรก
- ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรืออักเสบ
- งดออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนใบหน้าในช่วงแรกที่ผลลัพธ์ยังไม่เข้าที่
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและเข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย
ผ่าตัดกรามต่างจากหัตถการลดกรามอื่นอย่างไร?
การทำศัลยกรรมตัดกราม เป็นหนึ่งในวิธีการปรับขนาดกรามให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น นอกจากการผ่าตัดแล้วยังสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่น ข้อจำกัด และความเหมาะสมที่แตกต่างกัน จึงให้ผลลัพธ์และระยะเวลาคงอยู่ที่ต่างกันออกไป ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบ ผ่าตัดกราม/โบท็อกซ์/ร้อยไหม/Hifu
วิธีลดกราม | ขั้นตอน | ผลลัพธ์ | ระยะเวลาคงอยู่ | เหมาะกับใคร | ระยะพักฟื้น |
---|---|---|---|---|---|
ผ่าตัดกราม | ตัดกระดูกกรามหรือปรับตำแหน่งกระดูกขากรรไกร | ลดความเหลี่ยม ลดขนาดกราม ปรับโครงหน้า | คงอยู่ถาวร | ผู้ที่มีปัญหาจากโครงสร้างกระดูกกรามใหญ่ | 1–2 เดือนขึ้นไป |
โบท็อกซ์ลดกราม | ฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กล้ามเนื้อลีบเล็กลง | กรามเล็กลงจากการลดขนาดกล้ามเนื้อ | คงอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน | ผู้ที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่กระดูก | ไม่ต้องพักฟื้น |
ร้อยไหมยกกระชับกราม | ใช้เส้นไหมสำหรับการยกกระชับ สอดเข้าใต้ผิวเพื่อดึงชั้นผิวและกล้ามเนื้อที่เกิดการหย่นอคล้อยขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าเข้าที่มากขึ้น | ผิวหน้าเต่งตึงกระชับ ลดความหย่อนคล้อย กรอบหน้าชัดขึ้น | 8 – 12 เดือน | ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ต้องการยกกระชับ | 1–3 วัน |
Hifu ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ลดกราม | ใช้คลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นคอลลาเจนและกระชับผิวลึกชั้น SMAS | ผิวยกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น
หน้าเรียวได้รูปมากขึ้น |
1 – 2 ปี | ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย–ปานกลาง ไม่ต้องการผ่าตัด ชั้น SMAS หย่อนลงมาจนทำให้กรอบหน้าไม่ชัด | ไม่ต้องพักฟื้น |
**ตารางนี้เป็นการเปรียบเทียบเบื้องต้นเท่านั้น ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล
ผ่าตัดกรามราคาเท่าไหร่?
ราคาสำหรับการตัดกรามจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด ความต้องการของคนไข้ ประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 150,000 บาท แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อรับการประเมินเฉพาะรายบุคคล จะทำให้ได้รับรายละเอียดที่ครบถ้วนและถูกต้องมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดกราม (FAQ)
เผื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับศัลยกรรมตัดกรามมากขึ้น ในเนื้อหาต่อไปนี้จึงได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: ผ่าตัดกรามเจ็บมากไหม? ต้องเตรียมใจแค่ไหน?
A: เนื่องจากก่อนทำการผ่าตัดจะมีการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ ขณะผ่าตัดจึงไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากยาสลบหมดฤทธิ์แล้วอาจจะรู้สึกปวดตึงหรือมีอาการบวมได้บ้าง ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 – 7 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
Q: สามารถนอนตะแคงหลังผ่าตัดกรามได้ไหม?
A: สำหรับการนอนหลังจากตัดกรามมาแล้วนั้น แนะนำว่าในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะอาจเพิ่มอาการบวมหรือกดทับแผลได้ แนะนำให้นอนหงายโดยหนุนศีรษะสูงเล็กน้อย
Q: อาการพูดไม่ชัดหลังผ่าตัดกรามเป็นนานไหม?
A: การพูดอาจติดขัดเล็กน้อยในช่วงแรก เนื่องจากกล้ามเนื้อยังบวมและเคลื่อนไหวไม่คล่อง ซึ่งจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงประมาณ 2 – 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด หากไม่ดีขึ้นควรเข้าพบแพทย์ทันที
Q: มีอาการชาใบหน้าหลังผ่าตัดกรามไหม?
A: หลังผ่าตัดบริเวณกรามอาจเกิดอาการชาได้บ้าง เนื่องจากเส้นประสาทถูกกระทบกระเทือน ซึ่งมักจะค่อยๆ หายไปได้เอง ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำและเทคนิคที่แพทย์ใช้
Q: ผ่าตัดกรามต้องใส่เหล็กดามใบหน้าหรือไม่?
A: สำหรับการตัดกรามเพื่อความสวยงาม ปรับโครงสร้างใบหน้าให้เรียวขึ้น ไม่จำเป็นต้องใส่วัสดุยึดขากรรไกร แต่ในกรณีของคนที่ผ่าตัดเลื่อนตำแหน่งกรามหรือมีการจัดระเบียบกระดูกขากรรไกรใหม่ อาจจะต้องใส่วัสดุยึดกระดูกกรามเอาไว้ ขึ้นอยู่กับปัญหาและแพทย์เป็นผู้ประเมินเลือกใช้ให้เหมาะสม
สรุป
ผ่าตัดกรามเป็นการศัลยกรรมเพื่อปรับโครงสร้างกระดูกกรามให้ได้สัดส่วนรับกับรูปหน้ามากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกกรามใหญ่หรือรูปหน้าเหลี่ยมจากโครงกระดูก ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยหัตถการทั่วไป ช่วยปรับให้หน้าเรียว ละมุนสวย มีความสมดุลกับใบหน้าโดยรวมมากขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ถาวร สำหรับใครที่มีปัญหาโครงหน้าไม่ได้รูป อยากหน้าเรียว ต้องการปรับลุคเปลี่ยนบุคลิกให้ละมุนสวยมีมิติมากขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคลได้เลย