

เสริมจมูกแบบปิด คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
เสริมจมูกแบบปิด หนึ่งในเทคนิคศัลยกรรมจมูกที่สามารถช่วยปรับทรงจมูกให้ดูดีขึ้นได้ เพราะจมูกคือจุดศูนย์กลางของใบหน้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจะส่งผลทำให้ใบหน้าในองค์รวมเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย หากจมูกรับกับหน้าก็จะทำให้ดูดีขึ้นแต่หากจมูกไม่สมส่วนกับหน้าก็จะทำให้ใบหน้าดูแปลก ไม่สวยตามต้องการ การทำศัลยกรรมจมูกจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกทำ โดยการทำจมูกด้วยเทคนิคแบบปิดคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร มีผลข้างเคียงอะไรไหม สามารถติตดามอ่านได้จากบทความนี้

เสริมจมูกแบบปิด คืออะไร?
เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) คือ ศัลยกรรมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดเปิดแผลจากภายในจมูกและใส่ซิลิโคนเข้าไปเพื่อปรับรูปทรงให้จมูกโด่งได้ทรงตามต้องการ จึงทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ภายนอก ความซับซ้อนของกระบวนการผ่าตัดและระยะการพักฟื้นน้อยกว่าการทำจมูกด้วยเทคนิคแบบเปิด นอกจากนั้นยังสามารถใช้การฉีดยาชาเฉพาะจุดโดยไม่ต้องดมยาสลบได้อีกด้วย

เสริมจมูกแบบปิด เหมาะกับใครบ้าง?
ทำจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนที่จมูกไม่ค่อยมีปัญหา ไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างหรือปรับเปลี่ยนเยอะ ไม่มีปัญหาจมูกสั้น ปลายจมูกมีเนื้อพอสมควร ต้องการเสริมจมูกให้มีความโด่งหรือยืดปลายจมูกไม่เกิน 3 – 5 มม. นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ทำจมูกครั้งแรกอีกด้วย
เสริมจมูกแบบปิด มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
เสริมจมูกแบบปิด ถึงแม้จะมีกระบวนการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แผลผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็มีข้อจำกัดในหลาย ๆ เรื่อง ดังนี้
- มีข้อจำกัดในเรื่องของการลดสัดส่วนจมูก ไม่ว่าจะเป็น ดั้งโก่ง ดั้งงอ จมูกใหญ่ เป็นต้น
- มีโอกาสที่ซิลิโคนจะเกิดปัญหาทะลุหรือทำให้เนื้อเยื่อบางลง ถึงแม้จะใช้กระดูกอ่อนรองปลายแล้วก็ตาม
- หากใส่ซิลิโคนยาวไปถึงปลายจมูก บริเวณรูจมูกจะไม่ยืดขึ้น

เสริมจมูกแบบปิด กับ เสริมจมูกแบบโอเพ่น แตกต่างกันอย่างไร?
เสริมจมูกแบบปิด กับ เสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นเทคนิคที่มีความแตกต่างกันในหลายเรื่อง ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
- เหมาะกับเคสทำจมูกครั้งแรก ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก
- เน้นช่วยในเรื่องของการเสริมดั้งให้โด่ง พักฟื้นน้อย ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน
- สามารถฉีดยาชาเฉพาะจุดได้ ไม่ต้องดมยาสลบ
- ซ่อนแผลไว้ภายใน ไม่มีรอยแผลภายนอก แผลบวมน้อย ดูแลง่ายกว่า
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด
- ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างจมูกได้ จึงแก้ปัญหาจมูกที่ซับซ้อนมาก ๆ ไม่ได้ เช่น ปัญหาจมูกสั้น ปัญหาจมูกเชิด หรือมีปัญหาจมูกงุ้มมาก ๆ เป็นต้น
- ทำทรงจมูกโด่งพุ่งได้ไม่มากเท่ากับเทคนิคอื่น
- ไม่สามารถปรับโครงสร้างเพื่อลดขนาดสันจมูกหรือลดขนาดจมูกให้เล็กลงได้
- มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีปัญหาจมูกทะลุหรือเบี้ยวได้ในอนาคต
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
- สามารถใช้ทำได้กับทุกเคส แก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม
- แพทย์สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ปรับแก้โครงสร้างจมูกได้มากกว่า
- แก้ปัญหาโครงสร้างจมูกที่มีความซับซ้อนได้ดีกว่า
- สามารถปรับแต่งทรงจมูกได้ตามองศาที่ต้องการ ทั้งยังตกแต่งปลายจมูกด้วยการใส่กระดูกอ่อนเข้าไปเสริมเพื่อทำปลายหยดน้ำ
- ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุหรือปัญหาจมูกเบี้ยวในอนาคต
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด
- สามารถเห็นรอยแผลหลังผ่าตัดอยู่ที่บริเวณใต้จมูก รวมถึงอาจมีแผลในบริเวณที่ตัดเอากระดูกอ่อนออกมา เช่น บริเวณหลังใบหู บริเวณใต้ราวนม หรือบริเวณก้นกบ เป็นต้น
- มีขั้นตอนการผ่าตัดที่ซับซ้อน การแก้ไขมีความยุ่งยากหากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต
- ระยะเวลาในการผ่าตัดและระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่า
- ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงกว่าเทคนิคแบบปิด
เลือกทรงจมูกอย่างไรให้เหมาะกับใบหน้า?
เสริมจมูกแบบปิด ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ช่วยทำให้จมูกโด่งได้ทรงสวยตามต้องการ แต่ต้องรู้จักเลือกให้เหมาะกับใบหน้าของคนไข้แต่ละคนด้วย เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำทรงเดียวกันได้ จึงต้องร่วมออกแบบทรงจมูกกับแพทย์มากประสบการณ์เพื่อให้ได้ทรงจมูกตามต้องการและรับกับใบหน้ามากที่สุด โดยมีวิธีการเลือกทรงจมูก ดังนี้
- เลือกทรงจมูกที่รับกับบริเวณหน้าผาก เช่น คนที่มีหน้าผากค่อนข้างสูงสามารถเลือกซิลิโคนที่มีทรงสูงได้โดยที่ไม่ทำให้ดูหลอกตา
- เลือกทรงจมูกที่รับกับโครงหน้าด้านกว้าง เช่น คนที่มีโหนกแก้มขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับการทำให้ตรงกลางจมูกสูงมากเกินไป เนื่องจากทรงจมูกจะไม่สมดุลกับใบหน้า
- เลือกทรงจมูกที่รับกับความยาวของใบหน้า เช่น หากมีใบหน้าที่กลมหรือหน้าสั้นไม่เหมาะกับการทำจมูกทรงหยดน้ำที่ทำให้ดูยาวขึ้น หรือคนที่มีคางค่อนข้างยาวแนะนำทำทรงจมูกให้ยาวรับกัน
ก่อนเสริมจมูกแบบปิดควรเตรียมตัวอย่างไร?
ก่อนทำจมูกแบบปิด ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบลื่น ทั้งยังไม่ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาในอนาคต โดยมีวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ ดังนี้
- หากคนไข้มีโรคประจำตัว มียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
- ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด ควรงดสมุนไพร อาหารเสริม วิตามิน หรือยา ที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ แอสไพริน วิตามินซี น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
- อย่างน้อย 1 เดือนก่อนผ่าตัด งดสูบบุหรี่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือด
- ประมาณ 1 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมง ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับ และแนะนำให้สระผมก่อนเข้ารับบริการ
- งดทาเล็บหรือต่อเล็บทุกชนิด
- งดอาหารและน้ำตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หรือในกรณีที่ฉีดยาชาเฉพาะจุดไม่ได้ดมยาสลบอาจจะไม่ต้องงด ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
หลังเสริมจมูกแบบปิด มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
เสริมจมูกแบบปิด เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปบริเวณจมูกทำให้เนื้อเยื่อเกิดการกระทบกระเทือนขึ้น จึงทำให้หลังทำอาจเกิดอาการบางอย่างขึ้นได้ ดังนี้
- ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังทำอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดจมูก แผลผ่าตัดอาจมีเลือดออก
- อาจเกิดเลือดกำเดาไหลออกมาได้บ้าง เกิดจากแรงดันบริเวณโพรงจมูก เกิดขึ้นได้จากการจามแบบเปิดปาก เป็นต้น ในช่วงแรกหลังผ่าตัด
- อาจรู้สึกตึงหรือปวดบริเวณแผลผ่าตัด บริเวณใต้ตาบวม มีรอบเขียวช้ำ แต่จะหายไปได้เองในประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
- หายใจทางจมูกลำบากขึ้น
- แผลผ่าตัดอาจเกิดการติดเชื้อขึ้นได้หากดูแลได้ไม่ดี

เสริมจมูกแบบปิด ดูแลตัวเองหลังทำอย่างไร?
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเสริมจมูกแบบปิด เป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา โดยสามารถดูแลตัวเองได้ตามหัวข้อต่อไปนี้
- หากเกิดอาการปวดขึ้น สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาได้ นอกจากนั้นควรทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- 1 เดือนหลังผ่าตัด แนะนำให้นอนหมอนสูงเพื่อช่วยลดอาการบวม
- ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในช่วง 1 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนตำแหน่งไปในจุดที่ไม่ต้องการ
- งดกด แกะ เกา แคะ หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณจมูก
- สามารถประคบเย็นในช่วง 7 วันแรกหลังผ่าตัดเพื่อช่วยลดอาการบวมได้ หลังจากครบเจ็ดวันแล้วสามารถใช้การประคบอุ่นเพื่อช่วยลดอาการช้ำได้เช่นกัน แนะนำว่าควรประคบรอบ ๆ ไม่ประคบลงบริเวณจมูกโดยตรง
- ก่อนตัดไหม ไม่ควรให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด
- ควรใช้สำลีพันก้านชุบน้ำเกลือเช็ดแผลทุกวันเพื่อช่วยทำความสะอาด จนกว่าจะมีการตัดไหม
- งดอาหารรสจัดหรืออาหารที่ทำให้เกิดอาการบวม เช่น อาหารรสเค็ม อาหารรสเผ็ด เป็นต้น
- ควรงดหรือรับประทานอาหารหมักดองให้น้อยลง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อให้น้อยลง
- งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด
- งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนัก ๆ ที่ทำให้เกิดการกระแทกอาจส่งผลทำให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนตำแหน่งหรือเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
เสริมจมูกแบบปิด ราคาเท่าไหร่?
ราคาเสริมจมูกแบบปิด โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 70,000 บาท ขึ้นอยู่กับโครงสร้างจมูกเดิม ความซับซ้อนของปัญหา ซิลิโคนที่เลือกใช้ เทคนิคของแพทย์ และความต้องการของคนไข้ที่มีความแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบการรักษาร่วมกันคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี รับกับใบหน้า และมีความปลอดภัย แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินจากปัญหาจริง
สรุป
เสริมจมูกแบบปิด อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงดูดีขึ้นได้ เหมาะกับคนที่มีปัญหาจมูกไม่มาก ไม่ต้องปรับแก้โครงสร้างจมูกเยอะ นอกจากนั้นยังไม่มีรอยแผลเป็นภายนอกให้เห็นอีกด้วยเพราะรอยแผลจะอยู่ด้านในจมูก ระยะเวลาในการผ่าตัดและการพักฟื้นน้อย สำหรับใครที่ต้องการเสริมจมูกครั้งแรกหรือต้องการแก้ไขจมูกที่เคยเสริมมาแล้วให้ดูดีขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์มากประสบการณ์ของ Vincent Clinic เพื่อให้แพทย์ประเมินจากปัญหาจริงและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด