Key Takeaways
- คางตัด คือ ลักษณะของปลายคางที่ตัดตรง ไม่มีปลายยื่นหรือโค้งมน ทำให้ใบหน้าดูแข็ง หน้าสั้น ขาดมิติ และไม่สมดุลกับสัดส่วนของโครงหน้า
- ปัญหาคางตัด เกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือพันธุกรรม ซึ่งมักพบได้ในคนเอเชีย และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความมั่นใจ
- คางตัดแตกต่างจากคางถอยและคางสั้น ทั้งในเรื่องตำแหน่ง ความยาว และความเรียวของปลายคาง
- แก้คางตัดได้ทั้งแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมร่วมกับความต้องการของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน
- ผลลัพธ์ของการแก้คางตัด สามารถช่วยปรับให้โครงหน้าดูเรียวยาวขึ้น กรอบหน้าชัด และสัดส่วนใบหน้าสมดุล
คางตัดถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาพ แต่ส่งผลต่อใบหน้าโดยตรง อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้โครงหน้าโดยรวมขาดสมดุล หน้าดูสั้นไม่สมส่วน ไม่มีมิติ ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่มั่นใจ นอกจากนั้นยังอาจส่งผลทางความเชื่อเกี่ยวกับโหงวเฮ้งบนใบหน้าได้อีกด้วย สำหรับใครที่อยากรู้ว่าคางลักษณะนี้เป็นอย่างไร เกิดขึ้นจากสาเหตุใด แตกต่างจากคางสั้นและคางถอยอย่างไร แก้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง Vincent Clinic Plastic Surgery แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
คางตัด คืออะไร? มีลักษณะเป็นอย่างไร?
คางตัด คือ ลักษณะของคางที่ตัดตรงไม่มีปลายยื่นหรือแหลมออกมาคล้ายกับคางเหลี่ยม ส่งผลทำให้หน้าแข็ง โครงหน้าเหลี่ยมชัดเจน หน้าขาดมิติ ไม่ได้สัดส่วน โครงหน้าดูสั้น หากเกิดกับผู้หญิงจะทำให้หน้าดูเข้ม หน้าแมนมากเกินไป ไม่ละมุนสวย
คางตัด เกิดจากอะไร?
คางตัด โดยทั่วไปมักจะพบในกรณีที่เกิดจากพันธุกรรม สาเหตุมาจากโครงสร้างกระดูกและใบหน้าของคนเอเชียจะมีส่วนกรามที่ค่อนข้างใหญ่ คางทู่ไม่มีปลายแหลมยื่นออกมาทำให้หน้าไม่เรียว ไม่หน้าวีเชฟ นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นได้จากการที่โครงสร้างกระดูกคางเติบโตหรือพัฒนาได้ไม่เต็มที่ได้เช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างคางตัด คางถอย และคางสั้น
ลักษณะคางตัด คางถอย และคางสั้น หากดูผิวเผินอาจจะมองว่ามีความคล้ายกัน แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยมีรายละเอียดของความแตกต่างกัน ดังนี้
- คางตัด ลักษณะของปลายคางจะตัดตรง ขนานราบไปกับพื้น ไม่มีความโค้งมน ไม่มีความแหลม หรือยื่นออกมา
- คางถอย ลักษณะของคางที่ร่นไปด้านหลังมากกว่าปกติ โดยอาจจะมีปลายคางแหลม โค้งมน ได้เหมือนคางทั่วไป
- คางสั้น ลักษณะของคางที่มีสัดส่วนค่อนข้างสั้นกว่าปกติ โดยยังมีปลายคางโค้งมนหรือยื่นออกมาเหมือนคางปกติ
คางตัดในผู้หญิงและผู้ชาย ต่างกันหรือไม่?
ลักษณะคางตัดในผู้หญิงและผู้ชายนั้นเกิดขึ้นได้จากสาเหตุเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน โดยในผู้หญิงจะทำให้หน้าดูแมนไม่ละมุนหวาน หน้าสั้นไม่มีวีเชฟ หน้าไม่เรียว ในส่วนของผู้ชายหน้าจะดูแข็งทื่อ ขาดมิติ เห็นความเหลี่ยมชัดเจน ไม่เป็นธรรมชาติ
ผู้ชายกับคางตัดควรแก้ไขอย่างไร?
สำหรับการแก้คางตัดในผู้ชายนั้นจะแตกต่างจากผู้หญิง เนื่องจากมีโครงสร้างใบหน้าที่ต่างกัน ผู้ชายจะเน้นออกแบบให้ทรงคางให้มีความโค้งมน รับกับใบหน้า หน้าดูแมนเข้มขึ้น ไม่ทำให้ใบหน้าดูหวานเกินไป โดยแพทย์อาจจะเลือกใช้การ เสริมคางผู้ชาย หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อช่วยให้กรอบหน้าหรือ Jawline มีความคมชัดมากขึ้น โดยไม่เน้นความเรียวยาวแบบของผู้หญิง
แก้คางตัด เหมาะกับใคร?
ในส่วนของการแก้คางตัดด้วยการศัลยกรรมหรือการผ่าตัด สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องของสัดส่วนและความสมดุลของโครงหน้าได้อย่างชัดเจน จึงเป็นวิธีการที่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- คนที่มีปัญหากระดูกคางตัดไม่สมส่วน ทำให้รูปหน้าดูแข็ง ไม่ละมุน ต้องการปรับรูปหน้าให้ละมุน สมส่วนมากขึ้น
- คนที่มีโครงหน้าคางตัดสั้น จนทำให้ใบหน้าสั้นเกินไปมักทำให้ดูหน้าอ้วน หน้าไม่สมดุล หรือขาดมิติ
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ถาวร เพราะการศัลยกรรมคางทำเพียงครั้งเดียวอยู่ได้ถาวร ไม่ต้องมาทำซ้ำ
- คนที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างกระดูกค่อนข้างเยอะ คางตัดจนเสียสมดุลกับโหนกแก้มและกราม ซึ่งต้องใช้การผ่าตัดปรับโครงสร้างเพื่อแก้ไข
- คนที่ต้องการปรับหน้าเรียว การแก้คางตัดสามารถทำให้กรอบหน้าดูเรียวได้รูป หน้าดูวีเชฟมากขึ้น
แก้คางตัด ไม่เหมาะกับใคร?
สำหรับการแก้คางตัดด้วยการผ่าตัดนั้น ถึงแม้จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจน แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัด ดังนี้
- คนที่ยังไม่มีเวลาสำหรับการพักฟื้น เพราะหลังการผ่าตัดแก้คาง จำเป็นต้องมีช่วงพักฟื้นเพื่อให้แผลหาย และโครงหน้าปรับเข้าที่
- คนที่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด หากยังมีความกังวล หรือไม่มั่นใจในผลลัพธ์ รวมถึงยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพียงพอยังไม่ควรทำ
- คนที่ไม่ได้มีปัญหาเชิงโครงสร้างกระดูกหรือมีปัญหาน้อย หากคางตัดไม่รุนแรง สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง
- คนที่มีโรคประจำตัวรุนแรงในระดับที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัด
ก่อนทำศัลยกรรมแก้คางตัด ควรเตรียมตัวอย่างไร?
เพื่อให้การแก้คางตัดเป็นไปอย่างราบลื่น ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงร้ายแรง ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้
- หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนผ่าตัด
- งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยา ที่มีผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี โสม ยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดระหว่างผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดการสูบบุหรี่ อย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพราะทำให้เลือดไหลไม่หยุด และเพิ่มอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด
- ควรเตรียมวันหยุดสำหรับใช้ในการพักฟื้นไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูได้เต็มที่หลังจากผ่าตัดศัลยกรรมแก้ปัญหาคางตัด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการผ่าตัด ร่างกายฟื้นตัวได้ดี ไม่มีผลข้างเคียงหลังจากทำ
แก้คางตัดมีด้วยกันกี่วิธี?
สำหรับปัญหาคางตัด สามารถแก้ไขได้ด้วยหลายวิธี ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามระดับความรุนแรงของปัญหาแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน โดยมีวิธีที่นิยมเลือกใช้ดังนี้
เสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคาง เพื่อแก้ปัญหาคางตัดวิธีนี้ คือ แพทย์จะใช้การผ่าตัดเพื่อเข้าไปจัดการโครงสร้างกระดูกคาง แล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปเพื่อให้คางได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น สามารถทำได้ทั้งการเสริมคางแบบแผลนอกและการเสริมคางแบบแผลใน ขึ้นอยู่กับแพทย์เลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
ผ่าตัดเลื่อนกระดูกคาง
ผ่าตัดเลื่อนกระดูกคางแก้คางตัดวิธีนี้ คือ การผ่าตัดด้วยเทคนิคทางการแพทย์เพื่อเข้าไปปรับเลื่อนตำแหน่งของกระดูกคางหรือขากรรไกรให้ขยับออกมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมรับกับโครงสร้างใบหน้ามากขึ้น และอาจ เหลาคาง เพื่อลดเหลี่ยมมุมปรับให้หน้าเรียวขึ้น บางครั้งอาจทำร่วมกับการเสริมคางด้วยซิลิโคน เพื่อช่วยปรับสัดส่วนคางให้มีความสมดุลกับโครงหน้าของแต่ละคนมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง คือ อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการปรับรูปทรงคางให้รับกับใบหน้ามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid เข้าไปเติมปลายคางให้ยาวขึ้น มีความโค้งมน เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่เยอะ ไม่ต้องปรับแก้โครงสร้างกระดูก แต่ต้องฉีดเติมเรื่อยๆ หากต้องการผลลัพธ์ที่คงอยู่นานขึ้น เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้ ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
ตารางเปรียบเทียบวิธีแก้ไขคางตัดแต่ละแบบ
วิธีการ | รายละเอียด | ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|
ฟิลเลอร์คาง | ฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับปลายคางให้ดูเรียวยาวขึ้นแบบชั่วคราว | – เห็นผลทันทีหลังทำ
– ไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น – ปรับทรงได้ง่าย |
– อยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน
– ต้องฉีดซ้ำ – ผลลัพธ์ไม่ถาวร – ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างกระดูกภายในได้ – ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างค่อนข้างเยอะ |
เสริมคางซิลิโคน | เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปบริเวณคาง เพื่อเพิ่มความยาวและปรับรูปทรง | – ผลลัพธ์ชัดเจน ถาวร
– เลือกรูปทรงได้หลากหลาย – แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ – สามารถทำร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้ |
– มีแผลผ่าตัด
– ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น – มีโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนหากดูแลไม่ดีในช่วงแรก |
ผ่าตัดเลื่อนกระดูกคาง | ศัลยกรรมเลื่อนตำแหน่งกระดูกคางหรือขากรรไกรให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม | – แก้ไขปัญหาคางตัดถาวร
– เหมาะกับคนที่โครงสร้างคางผิดรูปชัดเจน – สามารถทำร่วมกับการใส่ซิลิโคนหรือเทคนิคอื่นได้ |
– มีอาการเจ็บได้มากกว่าวิธีอื่น
– ใช้เวลาพักฟื้นนาน – ค่าใช้จ่ายสูง – ต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ |
*ตารางนี้เป็นเพียงการเปรียบเทียบเบื้องต้นเท่านั้น
คางตัด ต้องผ่าตัดเท่านั้นจริงไหม?
ปัญหาคางตัดไม่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยในกรณีของคนที่มีปัญหาคางตัดค่อนข้างเยอะ ต้องปรับแก้โครงสร้างกระดูก การผ่าตัดจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะสามารถแก้ไขได้ตรงจุด แม่นยำ และครบถ้วน แต่ในกรณีของคนที่มีปัญหาน้อย ไม่ต้องปรับแก้โครงสร้างกระดูก สามารถเลือกวิธีการแก้ไขแบบไม่ผ่าตัดได้
วิธีดูแลหลังทำศัลยกรรมแก้คางตัด
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังแก้คางตัดที่ออกมาดีและปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมา แนะนำให้ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถทำได้ดังนี้
ช่วง 3 – 5 วันแรกหลังทำ
- ควรประคบเย็นบริเวณที่บวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดอาการ
- หลีกเลี่ยงการพูดเยอะ เคี้ยวอาหารแรง หรือหัวเราะแรง
- ควรนอนหงายและยกศีรษะสูง โดยใช้หมอน 2 ใบหนุนคอไว้
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า ป้องกันไม่ให้คางถูกกดทับหรือได้รับการกระทบกระเทือน
ช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังทำ
- งดอาหารรสจัด อาหารเหนียว อาหารแข็ง เพื่อป้องกันแผลผ่าตัดฉีกขาด
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ และไม่ควรหยุดยาเอง
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้แผลหายช้าและการฟื้นตัวของร่างกายไม่เต็มที่
- งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนกับแผลผ่าตัดและซิลิโคนเคลื่อน
ช่วง 2 สัปดาห์หลังทำ
- สามารถเริ่มกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เช่น เคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
- หากยังมีอาการผิดปกติ เช่น คางเอียง บวมไม่ลด หรือเจ็บมาก ควรรีบพบแพทย์
- พบแพทย์ตามนัดหมาย
เคล็ดลับช่วยให้แผลหายไวและฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน ช่วยให้ร่างกายขับของเสีย ลดการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง
- นอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติ ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- รับประทานอาหารช่วยลดบวม เช่น ฟักทองต้ม น้ำใบบัวบก หรือน้ำมะพร้าว เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการจับ กด นวด บีบ หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณคาง
แก้คางตัดอันตรายไหม? มีผลข้างเคียงหรือไม่?
การแก้คางตัดไม่ถือว่าอันตราย หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ คลินิกที่น่าเชื่อถือได้มาตรฐาน ใช้ ซิลิโคนคาง ที่เป็นของแท้สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งอาการทั่วไปที่สามารถพบได้หลังทำนั้นมักจะเป็น อาการบวมช้ำ ปวดตึงบริเวณคาง เป็นต้น ซึ่งจะหายไปได้เองตามระยะเวลาการฟื้นตัวของร่างกายและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคนที่ต่างกัน
หลังแก้คางตัด ต้องพักฟื้นนานไหม?
ระยะเวลาการพักฟื้นหลังแก้คางตัดด้วยการผ่าตัดโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำ ความเร็วในการฟื้นตัวของร่างกายแต่ละคนที่ต่างกัน เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด ระดับความซับซ้อนของปัญหาที่ถูกแก้ไข ในกรณีของคนที่ใช้สารเติมเต็มหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่ต้องพักฟื้น เพราะไม่มีการผ่าตัด
คางตัดแก้ไขแล้วแต่ไม่สวย เกิดจากอะไร?
บางคนแก้ไขปัญหาคางตัดมาแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่สวยตามต้องการ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น คนไข้ตั้งความคาดหวังไว้มากเกินจริง แพทย์มีประสบการณ์น้อยทำให้ออกแบบการรักษาไม่แม่นยำ เลือกทรงคางไม่รับกับใบหน้า แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
รูปทรงคางยอดนิยมสำหรับการแก้คางตัดมีแบบไหนบ้าง?
เลือกทรงคางให้เหมาะกับปัญหาคางตัด ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเข้ากันของโครงหน้าที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างกระดูกคางและใบหน้า ร่วมกับคนไข้เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์ความต้องการและปัญหาของคนไข้ได้อย่างครอบคลุม โดยมีทรงคางที่นิยมทำ ดังนี้
- คางทรงวีมน ลักษณะของคางทรงนี้จะไม่เน้นที่ความแหลมเล็ก เน้นที่ความโค้งมนละมุน ปลายคางไม่แหลมมาก ลดความแข็งของหน้า เพิ่มความละมุน โดยทรงนี้จะรับกับคนที่มีแก้มหรือมีโหนกแก้มค่อนข้างสูง
- คางทรงวีเชฟ ลักษณะของคางทรงนี้จะมีปลายที่ค่อนข้างเรียวเป็นวีเชฟ ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาว หน้าเล็กลง เหมาะกับคนที่หน้าเล็ก กรอบหน้าหรือกรามไม่ชัด
- คางทรงป้านเหลี่ยม ลักษณะของคางทรงนี้จะไม่แหลมเล็ก จึงเหมาะกับใบหน้าของผู้ชาย ช่วยเพิ่มความเท่ หน้าคมชัด ช่วยให้หน้าดูเรียวขึ้น แต่ไม่หวานจนเกินไป
- คางทรงเรียวเล็ก ลักษณะของคางทรงนี้จะช่วยให้ใบหน้าแลดูยาวขึ้น โครงหน้าเรียวเล็ก เหมาะกับคนที่อยากได้ใบหน้าสายฝอ ต้องการให้ใบหน้าแลดูอินเตอร์มากขึ้น
รีวิวการแก้คางตัด
หากแก้คางตัดไปแล้วไม่พอใจ ทำซ้ำได้ไหม?
สำหรับคนที่มีปัญหาคางตัดและเคยแก้ไขมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจสามารถกลับมาแก้ไขใหม่ได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจำเป็นต้องทำซ้ำอีกครั้งหรือไม่ ควรใช้เทคนิคอะไรในการแก้ไข มีผลกระทบต่อสุขภาพในระดับไหน เป็นต้น โดยหากต้องแก้ไขซ้ำอาจจะต้องเว้นระยะห่างประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับรายบุคคลก่อนที่จะเข้ารับบริการผ่าตัดใหม่อีกครั้ง
โหงวเฮ้งคางตัด ไม่ดีจริงไหม?
ตามหลักความเชื่อในเรื่องโหงวเฮ้ง คางตัด เป็นลักษณะที่ไม่ค่อยส่งเสริมใบหน้าและความมงคล โดยคางที่ดีจะช่วยเสริมในเรื่องของความสมบูรณ์ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การเงิน ความรัก การงาน วาสนา เป็นต้น ซึ่งลักษณะของคางที่ดีควรต้องมีความสมดุลกับโครงหน้า เช่น
- ปลายคางมีเนื้อเยอะ มีความใหญ่พอดีรับกับใบหน้า
- ปลายคางยืนออกมาเพียงแค่เล็กน้อยรับกับใบหน้า ไม่ควรแหลมมากเกินไป
- ผิวบริเวณคางเรียบเนียน ไม่ขรุขระ เป็นก้อน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคางตัด (FAQ)
สำหรับคนที่มีคางตัดและยังมีข้อข้องใจนอกเหนือจากรายละเอียดข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ในเนื้อหาต่อไปนี้ได้ รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: หากเสริมปลายคางมาแล้ว แต่ยังดูเป็นคางตัด แก้ไขได้ไหม?
A: สำหรับคนที่เคยทำคางมาแล้วยังคงปัญหาคางตัดอยู่ สามารถแก้ไขได้ แต่จะต้องให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ต้องเลือกใช้วิธีแก้ไขอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพราะการแก้คางที่เคยผ่าตัดมาแล้วจะมีความซับซ้อนกว่าการเสริมครั้งแรก
Q: แก้คางตัดครั้งเดียวจบไหม หรือต้องทำกี่ครั้ง?
A: โดยปกติหากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ วางแผนการรักษาอย่างละเอียด เลือกเทคนิคการผ่าตัดและออกแบบทรงคางได้เหมาะสม ทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถจบปัญหาคางตัดได้แล้ว แต่ในกรณีของคนที่ฉีดฟิลเลอร์คางอาจจะต้องฉีดเติมเรื่อยๆ เพราะสารเติมเต็มประเภท HA สามารถสลายได้ จึงไม่อยู่ถาวร
Q: สามารถใช้ฟิลเลอร์แก้คางตัดถาวรได้หรือไม่?
A: สำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่คงอยู่ถาวร เนื่องจากสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid สามารถสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ จึงต้องฉีดเติมซ้ำหลายครั้ง หากต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น นอกจากนั้นวิธีการนี้ยังไม่สามารถเข้าไปปรับแก้โครงสร้างกระดูกภายในได้ เป็นเพียงการฉีดเติมเต็มให้คางได้รูปทรงขึ้นมาเพียงเล็กน้อยและช่วยให้ผิวบริเวณนั้นเต่งตึงมากขึ้นเท่านั้น
Q: คางตัดในผู้หญิง vs ผู้ชาย มีผลต่อภาพลักษณ์อย่างไร?
A: คางตัดในผู้หญิงมักทำให้ใบหน้าดูแข็ง หน้าสั้น โครงหน้าไม่เรียวสวย ขาดความละมุน ในขณะที่ใบหน้าของผู้ชายอาจทำให้ดูดุ หน้าแข็ง เห็นความเหลี่ยมคมชัดเจน การออกแบบทรงคางจึงมีความแตกต่างกันไปตามโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน
สรุป
คางตัดสามารถแก้ไขได้ทั้งการผ่าตัดเสริมคางหรือแบบไม่ผ่าตัด โดยวิธีการผ่าตัดสามารถเข้าไปปรับแก้โครงสร้างกระดูกคางหรือจัดตำแหน่งกรามใหม่ได้ ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร เพื่อปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น ช่วยให้หน้ามีมิติ เรียวยาวมีวีเชฟ ทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง สำหรับการฉีดคางด้วยสารเติมเต็มจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรต้องทำซ้ำหลายครั้ง ไม่สามารถแก้ไขปรับโครงสร้างภายในได้ สำหรับใครที่ต้องการปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วน ปรับรูปหน้าเรียวสวย หรือเคยทำคางมาแล้วต้องการแก้ไขให้ดีขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคลจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์