คางเบี้ยว เป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่สังเกต แต่สามารถส่งผลต่อความมั่นใจและรูปลักษณ์ของใบหน้าได้อย่างมาก คางที่เบี้ยวไปทางใดทางหนึ่งทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลและไม่เป็นธรรมชาติ โดยอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือปัญหาทางพันธุกรรม หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในระยะยาว และบางครั้งอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เพื่อปรับโครงหน้าให้สมดุลขึ้น หากยังไม่แน่ใจว่าคางมีลักษณะเบี้ยวหรือต้องการหาวิธีรักษา Vincent Clinic Plastic Surgery จะพาไปทำความรู้จักสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหามีอะไรบ้าง รักษาได้ด้วยวิธีใด สามารถเช็กเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง แนะนำให้ติดตามอ่านเพิ่มเติมจากเนื้อหาต่อไปนี้
Key Takeaways
- คางเบี้ยวสามารถเกิดจากการผิดรูปของกระดูกคาง พฤติกรรมการนอนหรือเคี้ยวข้างเดียว หรือแม้แต่ผลข้างเคียงจากการศัลยกรรม
- การตรวจสอบโครงสร้างคางก่อนการทำศัลยกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดคางเบี้ยวและทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
- การแก้ปัญหาคางเบี้ยวสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การผ่าตัดปรับกระดูก เสริมคางด้วยซิลิโคน หรือการฉีดฟิลเลอร์คาง
- การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การนอนตะแคงหรือการเคี้ยวอาหารข้างเดียวบ่อย ๆ สามารถช่วยลดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อคางที่อาจทำให้คางเบี้ยวได้
- การเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเสริมคางและการแก้ไขคางเบี้ยวจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงหลังทำ
คางเบี้ยว คืออะไร? ลักษณะอาการและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
คางเบี้ยว คือ ลักษณะของคางที่ไม่อยู่ตรงกลางของใบหน้า อาจเอียงไปอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งทางพันธุกรรม การบาดเจ็บ หรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกใบหน้า ลักษณะอาการของคางเบี้ยวมักจะเห็นได้ชัดเมื่อมองจากด้านข้างหรือในมุมมองใกล้ ๆ โดยส่วนหนึ่งของคางจะเอียงไปด้านหนึ่ง ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลหรือไม่สวยงามตามธรรมชาติ ปัญหาคางเบี้ยวอาจส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ของบุคคลได้ การรักษาคางเบี้ยวจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างกระดูกหรือการทำศัลยกรรมเสริมคางเพื่อแก้ไขให้คางตรงและสมดุลกับใบหน้า
คางเบี้ยวเกิดจากอะไรได้บ้าง?
คางเบี้ยว เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เป็นปัญหาทางกายภาพและจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งการระบุสาเหตุที่ชัดเจนจะช่วยให้การรักษาเป็นไปได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
คางเบี้ยวโดยกำเนิดหรือโครงหน้าผิดรูป
บางคนเกิดมาพร้อมกับโครงสร้างใบหน้าที่ไม่สมดุล ซึ่งอาจทำให้คางเบี้ยวไปทางใดทางหนึ่ง การมีคางเบี้ยวจากการผิดรูปโดยกำเนิด สามารถพบได้ในบางรายที่มีปัญหาการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรหรือกระดูกคางตั้งแต่ในครรภ์
พฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างการเคี้ยวอาหารข้างเดียวบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างของคางและกราม เมื่อเวลาผ่านไปการกระทำเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อข้างที่ใช้งานมาก ๆ เกิดการไม่สมดุล และทำให้คางเบี้ยวได้
คางเบี้ยวหลังศัลยกรรม
หลังการเสริมคางหากไม่ดูแลให้ดีหรือมีการกระทบกระเทือนบริเวณคาง อาจทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของซิลิโคนคางไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้ นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นได้จากการวางตำแหน่งซิลิโคนที่ไม่แม่นยำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์น้อย แนะนำให้ศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์น่าเชื่อถือ
อุบัติเหตุที่กระทบต่อขากรรไกรหรือคาง
ในกรณีของคนที่ประสบอุบัติเหตุที่กระทบต่อบริเวณขากรรไกรหรือคาง เช่น การประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ การหกล้ม หรือถูกต่อยอย่างรุนแรง เป็นต้น อาจทำให้กระดูกคางเกิดการผิดรูปหรือได้รับการบาดเจ็บ ส่งผลให้คางเบี้ยวได้
วิธีเช็กเบื้องต้นว่าคางเบี้ยวจริงไหม
การเช็กเบื้องต้นว่าคางเบี้ยวจริงหรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่ามีความเบี้ยวของคางหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจไปพบแพทย์ โดยสามารถสังเกตตัวเองได้ดังนี้
- เทียบจากภาพถ่ายหน้าตรง เริ่มจากการถ่ายภาพหน้าตรงในท่าทางธรรมชาติ ทำหน้านิ่งไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ ให้สังเกตว่าแนวคางตรงกับสันจมูกและริมฝีปากหรือไม่ หากคางไม่อยู่ตรงกลางใบหน้ามีลักษณะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง จะทำให้ใบหน้าไม่สมดุล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไข
- สังเกตเวลาพูดหรือยิ้ม การพูดหรือยิ้มเป็นอีกวิธีที่สามารถสังเกตได้ว่าคางเบี้ยวหรือไม่ อาจจะให้เพื่อนช่วยดูให้หรืออัดคลิปวีดีโอหน้าตรงแล้วลองพูดคุยหรือยิ้ม หากคางมีการเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่
คางเบี้ยวแบบไหนควรรีบปรึกษาแพทย์?
สำหรับอาการคางเบี้ยว อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม อุบัติเหตุ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพหรือการใช้ชีวิตประจำวันได้ อย่างไรก็ตามหากพบคางเบี้ยวในลักษณะดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
- คางเบี้ยวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากคางเบี้ยวเกิดขึ้นอย่างกระทันหันหรือมีการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น เช่น หลังจากได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกหรือการบาดเจ็บที่ต้องการการรักษาด่วน
- คางเบี้ยวที่มีอาการเจ็บหรือบวม หากมีอาการเจ็บหรือบวมร่วมกับการเบี้ยวของคาง นี่อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บภายในที่มองไม่เห็น จึงต้องให้แพทย์ดูแล
- คางเบี้ยวที่ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล หากคางเบี้ยวทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน การปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาหรือศัลยกรรมปรับโครงหน้าอาจเป็นทางเลือกที่ดี
- คางเบี้ยวจากการทำศัลยกรรม หากคุณมีปัญหาคางเบี้ยวหลังการทำศัลยกรรมเสริมคาง เช่น ซิลิโคนเคลื่อน ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
- คางเบี้ยวที่ส่งผลต่อการเคี้ยวหรือพูด หากคางเบี้ยวมีผลกระทบต่อการเคี้ยวอาหารหรือการพูดที่ลำบากมากขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
วิธีแก้คางเบี้ยว มีอะไรบ้าง?
สำหรับวิธีแก้คางเบี้ยว มีด้วยกันหลายวิธีขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินจากความรุนแรงของปัญหา ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยมีวิธีการรักษาดังนี้
ปรับพฤติกรรม
หนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาคางเบี้ยวเบื้องต้นคือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การนอน การเคี้ยวอาหารข้างเดียว การนอนตะแคง เป็นต้น เพราะการกระทำเหล่านี้ส่งผลทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ การปรับพฤติกรรมจะช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการให้น้อยลง
ฉีดโบท็อกซ์
สำหรับการฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับใช้ในการปรับสมดุลกล้ามเนื้อที่ทำงานไม่สมดุล เช่น การฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามหรือคาง เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งสองข้างลงบางส่วน ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งจนคางเบี้ยว ให้เกิดความสมดุลมากขึ้น
ศัลยกรรมเสริมคาง
เสริมคาง เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางเบี้ยวหลังจากการทำศัลยกรรมหรือมีปัญหามาตั้งแต่กำเนิด สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในตำแหน่งที่ถูกต้อง รับกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติ
ผ่าตัดปรับกระดูกกรามหรือขากรรไกร
ในกรณีที่เกิดปัญหารุนแรง เช่น กระดูกกรามหรือขากรรไกรผิดรูป เป็นต้น แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างกระดูกใหม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ใบหน้ามีความสมดุล นอกจากการผ่าตัดปรับกระดูกขากรรไกร ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาใช้เทคนิค เหลาคาง ร่วมด้วย เพื่อปรับปลายคางให้สมดุลกับรูปหน้า
คางเบี้ยวหลังเสริมคางเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สำหรับปัญหาคางไม่เท่ากันหรือมีลักษณะเบี้ยวผิดรูปหลังเสริมคาง ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ส่งผลทำให้โครงหน้าไม่สมดุล ใบหน้าโดยรวมผิดรูปทรง โดยมีสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังนี้
- ซิลิโคนวางเอียงหรือเคลื่อนที่ การเสริมคางด้วยซิลิโคนอาจเกิดปัญหาซิลิโคนที่วางไม่ตรงหรือเคลื่อนที่หลังจากการผ่าตัดได้ หากซิลิโคนเคลื่อนที่หรือวางเอียง จะทำให้คางดูเบี้ยวและไม่สมดุล การดูแลและการวางซิลิโคนอย่างรอบคอบจากศัลยแพทย์แพทย์จะช่วยลดปัญหานี้ได้
- ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่เท่ากัน สำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเกิดการกระจายตัวของฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน อาจทำให้รูปทรงคางดูเบี้ยวได้ ทำให้รูปหน้าดูไม่สมดุล อาจเกิดมาจากเทคนิคการฉีดหรือเลือกโมเลกุลฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม รวมไปถึงแพทย์ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์น้อย ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้เช่นกัน
- ไม่ได้ปรับโครงสร้างคางก่อนศัลยกรรม หากโครงสร้างเดิมของคางมีความไม่สมดุล เช่น คางที่ยื่นหรือคางที่ยุบตัวไม่เท่ากัน เป็นต้น แต่แพทย์ไม่ได้ปรับแก้หรือแก้ไขไม่ครบทุกส่วน อาจทำให้การวางซิลิโคนเกิดปัญหาเบี้ยวได้
- วางซิลิโคนคางผิดตำแหน่ง ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่แพทย์ประเมินคลาดเคลื่อนจึงวางซิลิโคนได้ไม่แม่นยำ ทำให้คางเลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
วิธีป้องกันไม่ให้คางเบี้ยวหลังทำศัลยกรรม
แก้แก้คางเบี้ยวด้วยการทำศัลยกรรมเสริมคางสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีและช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลขึ้น แต่เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาคางผิดรูปหรือเบี้ยวเอียงหลังการผ่าตัด ควรทำตามวิธีการป้องกันเหล่านี้
- เลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์ การเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการเสริมคางเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์ที่มีทักษะจะสามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของคางเบี้ยว
- เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ การเลือกคลินิกที่จะเข้ารับบริการก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ต้องเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน สะอาด
- ตรวจสอบโครงสร้างคางก่อนการผ่าตัด ก่อนการเสริมคาง ควรทำการตรวจสอบโครงสร้างคางและใบหน้าอย่างละเอียดเพื่อประเมินความเหมาะสม แพทย์จะพิจารณาโครงสร้างกระดูกของคางและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เพื่อหาวิธีเสริมคางที่เหมาะสมที่สุด
- เลือกวิธีการเสริมคางที่เหมาะสม การเลือกวิธีการเสริมคางที่เหมาะสมกับโครงสร้างกระดูกคางและปัญหาที่ต้องแก้ไขจะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาคางเบี้ยวได้ เช่น หากมีปัญหากระดูกคางที่ไม่เท่ากันค่อนข้างหนัก ควรเลือกผ่าตัดเสริมคางเพราะแพทย์สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างคางให้สมดุลก่อนวางซิลิโคนได้ เป็นต้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัด หลังการเสริมคาง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือการเคี้ยวอาหารข้างเดียว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้คางเบี้ยวได้
- การติดตามผลหลังการผ่าตัด การติดตามผลหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แพทย์สามารถตรวจสอบตำแหน่งของซิลิโคนหรือฟิลเลอร์และแก้ไขปัญหาหากมีการเคลื่อนที่หรือความผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจติดตามตามเวลาที่แพทย์กำหนด
เจาะลึก: ปัญหาหลังเสริมคางที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง เกิดจากอะไร ป้องกันได้ไหม?
คางเบี้ยวสามารถแก้ไขให้กลับมาตรงได้ไหม?
ในกรณีของคนที่คางเบี้ยวสามารถแก้ไขได้ด้วยหลายวิธี เช่น คนที่มีคางเบี้ยวเล็กน้อยอาจเลือกฉีดฟิลเลอร์คาง คนที่มีคางเบี้ยวจากกล้ามเนื้อดึงรั้งอาจเลือกฉีดโบท็อกช่วยระงับการทำงานของกล้ามเนื้อได้ หรือคนที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างกระดูกแนะนำให้เลือกใช้การผ่าตัดเสริมคางจะเห็นผลดีกว่า เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคางเบี้ยว (FAQ)
คางเบี้ยวเป็นปัญหาที่หลายคนอาจพบเจอ และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของใบหน้า ในบทความนี้ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบที่จะช่วยไขข้อข้องใจและใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Q: คางเบี้ยวตั้งแต่เด็ก จำเป็นต้องรักษาหรือปล่อยไว้ได้ไหม?
A: หากคางเบี้ยวไม่มากและไม่กระทบการพูด การเคี้ยว หรือบุคลิกภาพมากนัก อาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากกระทบต่อการใช้ชีวิตหรือมีความไม่มั่นใจในใบหน้า แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
Q: คางเบี้ยวสามารถจัดฟันเพื่อช่วยให้สมมาตรขึ้นได้หรือไม่?
A: การจัดฟันสามารถช่วยได้ในบางกรณี โดยเฉพาะหากคางเบี้ยวสัมพันธ์กับการสบฟันผิดปกติ การจัดฟันร่วมกับการปรับแนวขากรรไกรอาจช่วยได้ แต่หากคางเบี้ยวจากกล้ามเนื้อหรือโครงกระดูกส่วนล่าง จัดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องร่วมกับหัตถการอื่น
Q: ถ่ายรูปแล้วคางเบี้ยว แต่ส่องกระจกปกติ เกิดจากอะไร?
A: ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น แสง-เงา มุมกล้อง หรือองศาการวางศีรษะตอนถ่ายรูป เป็นต้น อาจทำให้ใบหน้าดูเบี้ยวได้มากกว่าความจริง ควรเช็กด้วยวิธีการถ่ายภาพหน้าตรงอยู่ในท่าทางธรรมชาติ หน้านิ่งไม่ยิ้มหรือแสดงสีหน้าอารมณ์ เพื่อดูความสมมาตรของคางกับใบหน้า
Q: ใช้เครื่องนวดหน้าหรือเครื่องยกกระชับสามารถช่วยให้คางตรงขึ้นได้ไหม?
A: เครื่องนวดหน้าและเครื่องยกกระชับอาจช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณใบหน้าให้ตึงกระชับขึ้น แต่ไม่สามารถจัดโครงสร้างกระดูกหรือปรับสมมาตรคางที่เบี้ยวได้ หากคางเบี้ยวชัดเจน ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์โดยตรง
Q: แก้คางเบี้ยวแล้ว ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?
A: ผลลัพธ์หลังแก้ปัญหาคางไม่เท่ากันจะอยู่ได้นานไหมขึ้นอยู่กับวิธีการรักาที่เลือกใช้ หากแก้ไขด้วยโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4–12 เดือนและต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น ส่วนการแก้ด้วยการผ่าตัดเสริมคาง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ถาวร
Q: คางเบี้ยวเล็กน้อยจำเป็นต้องแก้ไขไหม?
A: หากปัญหาคางไม่เท่ากันไม่กระทบการใช้ชีวิตหรือความมั่นใจ อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่หากรู้สึกว่าทำให้เสียบุคลิกภาพ หรือเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ควรเข้ารับการประเมินเบื้องต้นกับแพทย์เพื่อดูทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
สรุป
คางเบี้ยวเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างกระดูกที่ไม่สมดุล พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือแม้แต่ผลข้างเคียงจากการศัลยกรรม หากพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณคางไม่ว่าจะเอียง เบี้ยว หรือไม่สมมาตร ซึ่งส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตที่ลำบากมากขึ้นหรือทำให้สูญเสียความมั่นใจ แนะนำให้เข้ามาที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล
