คางยื่น คืออะไร ส่งผลเสียกับใบหน้าอย่างไร แก้ไขได้ด้วยวิธีใด?

หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนก็คือ คางยื่น ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยบริเวณคางเป็นหนึ่งในสัดส่วนสำคัญที่ทำให้โครงหน้ามีความสมดุล ใบหน้าได้รูปสวย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคางไม่ได้ส่งผลเพียงแค่เรื่องของรูปลักษณ์หรือความสวยงามเท่านั้น ในกรณีของคนที่มีระดับของปัญหาค่อนข้างเยอะสามารถส่งผลได้ถึงการพูด การรับประทานอาหาร หรือการใช้ชีวิตประจำวันอื่น ๆ ได้อีกด้วย เนื้อหาต่อไปนี้จะพาไปทำความเข้าใจเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นกับคางจนทำให้มีลักษณะยื่นออกมาว่ามีสาเหตุจากอะไรบ้าง มีวิธีการรักษาไหม พร้อมคำแนะนำจากทีมแพทย์เฉพาะทางของ Vincent Clinic Plastic Surgery

คางยื่น คืออะไร? 

คางยื่น คือ ลักษณะของคางที่ยื่นออกมาด้านหน้ามากกว่าปกติ ส่งผลกระทบกับโครงหน้าไม่ได้สัดส่วน ทำให้ดูใบหน้าหน้าสั้นหรือหน้าหัก ในกรณีของคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรที่ยื่นออกมาด้านหน้ามากเกินไป ไม่เพียงแต่ทำให้ฟันสบกันไม่สนิทแล้วยังสามารถส่งผลกับการเคี้ยว การรับประทานอาหาร รวมไปถึงการพูดได้อีกด้วย 

คางยื่นกระทบกับใบหน้าอย่างไร?

ลักษณะของคางที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ก็สามารถส่งผลให้ใบหน้าดูผิดสัดส่วนได้อย่างชัดเจน เช่น ทำให้หน้าดูสั้น หน้าหัก หรือขาดความสมดุลระหว่างส่วนกลางและล่างของใบหน้า โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นแนวโครงหน้าขาดความกลมกลืนชัดเจน คางที่ยื่นยังอาจทำให้ใบหน้าดูดุดัน หรือน่ากลัวกว่าปกติในบางกรณี ส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการเข้าสังคม นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจัดฟัน การสบฟัน และการยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกด้วย

ลักษณะของคางยื่น

แบ่งลักษณะออกเป็น 2 รูปแบบ ตามความรุนแรงได้ดังนี้

1.อาการผิดปกติไม่รุนแรง 

ฟันจะยังสามารถสบกันได้ปกติ เพราะขากรรไกรล่างยื่นออกมาด้านหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อาจทำให้ใบหน้าโดยรวมไม่สมส่วนได้ เพราะคางไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

2.อาการผิดปกติรุนแรง 

ฟันล่างและฟันบนจะสบกันไม่ได้ตามปกติ ขากรรไกรล่างยื่นออกมาด้านหน้ามากเกินไป ทำให้มองเห็นความผิดปกติของใบหน้าที่ไม่สมส่วนได้ชัดเจน อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหากับการใช้ชีวิตประวันได้ เช่น พูดออกเสียงไม่ชัดเจน เคี้ยวอาหารลำบาก เป็นต้น

คางยื่น vs คางยาว ต่างกันอย่างไร?

แม้คางยื่นและคางยาวจะดูคล้ายกัน แต่ในทางการแพทย์และศัลยกรรมโครงหน้า ถือเป็นคนละลักษณะกัน ซึ่งมีผลต่อการวินิจฉัยและแนวทางการแก้ไขที่ต่างกันอย่างชัดเจน:

• คางยื่น (Prognathism) คือลักษณะที่คางพุ่งไปด้านหน้าเกินแนวแก้มและจมูก หรือเกิดจากขากรรไกรล่างยื่นออกมา มักมีผลกระทบกับการสบฟันร่วมด้วย เช่น ฟันล่างคร่อมฟันบน หรือฟันสบกันไม่สนิท ทำให้ใบหน้าดูสั้นหรือหน้าหัก และต้องพิจารณาผ่าตัดกระดูกเป็นหลัก
  
• คางยาว (Long chin) คือคางที่ยื่นลงด้านล่างมากเกินไป ทำให้ใบหน้าดูยาวช่วงล่างเกินสมดุล โดยไม่ได้ยื่นไปข้างหน้า อาจเกิดจากคางมีขนาดใหญ่หรือมีเนื้อเยอะโดยไม่เกี่ยวกับขากรรไกร การแก้ไขทำได้โดยการตัดกระดูกคางหรือเหลาให้สั้นลง และไม่จำเป็นต้องจัดฟันหรือผ่าตัดขากรรไกร

การแยกแยะทั้งสองลักษณะนี้จึงมีความสำคัญ เพราะส่งผลต่อวิธีรักษาโดยตรง หากประเมินผิด อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงตามความคาดหวัง หรือแก้ไขได้ไม่ตรงจุด

สาเหตุของคางยื่นเกิดจากอะไรได้บ้าง?

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาคางยื่น มีด้วยกันหลายสาเหตุ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบกับใบหน้าและการใช้ชีวิตไม่มากก็น้อย ทำให้ขาดความมั่นใจ เป็นอุปสรรคกับการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้ดังนี้

• พันธุกรรม สำหรับครอบครัวไหนที่มีลักษณะของคางที่ยื่นออกมาด้านหน้ามากกว่าปกติหรือมีโครงสร้างกระดูกขากรรไกรที่ผิดปกติ สามารถส่งต่อลักษณะเฉพาะนี้ไปสู่ลูกหลายในครอบครัวได้เช่นกัน
• ฮอร์โมนผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้หากฮอร์โมนในการเจริญเติบโตผิดปกติ ทำให้กระดูกขากรรไกรเติบโตไม่เป็นไปตามปกติที่ควรจะเป็น หรือกระดูกบริเวณขากรรไกรบนและล่างมีการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน
• อุบัติเหตุ เป็นลักษณะของคางที่ผิดปกติจากการถูกกระทบกระเทือนรุนแรง จนทำให้กระดูกขากรรไกรผิดรูปทรง

คางยื่นต่างจากคางยาวหรือคางบุ๋มอย่างไร?

แม้คำว่า คางยื่น, คางยาว และ คางบุ๋ม จะถูกใช้ปะปนกันในชีวิตประจำวัน แต่ลักษณะปัญหาทางโครงสร้างและวิธีรักษาแตกต่างกันชัดเจน

• คางยื่น คือ ภาวะที่คางยื่นออกมาด้านหน้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากกระดูกขากรรไกรล่างยื่น ส่งผลให้ฟันล่างสบไม่พอดีกับฟันบน และโครงหน้าเสียสมดุล

• คางยาว คือ คางที่มีความยาวมากกว่าสัดส่วนใบหน้ากลางหรือตา จมูก ซึ่งอาจทำให้หน้าดูยาวกว่าปกติ ส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดจากโครงสร้างขากรรไกรผิดปกติ แต่เป็นความยาวของกระดูกคางหรือการเจริญเติบโตเฉพาะส่วน

อ่านเพิ่มเติม : คางยาว เกิดจากสาเหตุอะไร ต่างจากคางยื่นไหม แก้ไขได้ด้วยวิธีใด?

• คางบุ๋ม คือ คางที่เว้าหรือยุบลงไปกลางคาง ทำให้รูปหน้าดูไม่คมชัด หรือขาดความนูนของสัดส่วนล่างของใบหน้า มักแก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์หรือผ่าตัดเสริมซิลิโคน
  

การแยกประเภทปัญหาอย่างถูกต้องมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้วางแผนการรักษาได้ตรงจุดและปลอดภัยมากขึ้น

ปัญหาคางยื่นส่งผลต่อบุคลิกภาพและจิตใจอย่างไร?

แม้คางยื่นจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใบหน้า แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงด้านรูปลักษณ์เท่านั้น หลายคนที่มีคางยื่นมักสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกว่าตนเองดูต่างจากคนอื่น หรือรู้สึกว่าหน้าดูแปลกเมื่อต้องถ่ายภาพ พูดคุย หรือยิ้มในที่สาธารณะ บางรายอาจถึงขั้นหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือมีความเครียดสะสมจากความไม่พึงพอใจในรูปร่างใบหน้าของตน

ในกรณีที่ปัญหารุนแรงมาก อาจเกิดผลกระทบต่อการพูด การออกเสียง หรือการเคี้ยวอาหาร ซึ่งยิ่งเพิ่มความอึดอัดและความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน การแก้ไขคางยื่นให้เข้ารูปนอกจากจะปรับสมดุลโครงหน้าให้ดีขึ้น ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของผู้เข้ารับการรักษาโดยตรง ช่วยให้มีความมั่นใจ กล้าพูด กล้ายิ้ม และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

คางยื่นรักษาช้าไปมีผลเสียหรือไม่?

การปล่อยให้ปัญหาคางยื่นโดยไม่เข้ารับการรักษาหรือปรึกษาแพทย์ อาจส่งผลเสียทั้งด้านโครงสร้างและสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่มีความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรร่วมด้วย หากปล่อยไว้นาน ฟันอาจยิ่งสบกันผิดตำแหน่งมากขึ้น ส่งผลให้ต้องใช้วิธีการแก้ไขที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ต้องจัดฟันนานหลายปี หรือจำเป็นต้องผ่าตัดกระดูกแทนที่จะเสริมคางเพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้ หากคางยื่นส่งผลต่อการพูด การออกเสียง หรือการเคี้ยวอาหาร การปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก ระบบย่อยอาหาร หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการพูดจาและบุคลิกภาพที่ไม่มั่นใจตามมา ดังนั้นหากมีข้อสงสัยว่าตนเองมีคางยื่นหรือไม่ ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสมและง่ายกว่าการปล่อยให้ลุกลาม

คางยื่นในวัยรุ่น แก้ไขได้ไหม? ควรเริ่มรักษาเมื่อไหร่?

ปัญหาคางยื่นไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้ใหญ่ แต่สามารถสังเกตได้ตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่โครงสร้างกระดูกใบหน้าและขากรรไกรยังอยู่ในระยะเจริญเติบโต หากได้รับการประเมินและดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่ในอนาคต

• วัยรุ่นที่มีแนวโน้มคางยื่นควรเข้ารับการประเมินโดยทันตแพทย์จัดฟันหรือศัลยแพทย์ช่องปากตั้งแต่อายุประมาณ 12–15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถใช้การจัดฟันเพื่อควบคุมทิศทางการเจริญของกระดูกขากรรไกรได้ดี
• หากปล่อยไว้จนกระดูกพัฒนาเต็มที่ในวัยผู้ใหญ่ อาจต้องพึ่งการผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย ซึ่งซับซ้อนและใช้ระยะเวลาพักฟื้นมากกว่า
• สำหรับวัยรุ่นบางคนที่ยังไม่มีปัญหาเรื่องฟันสบผิดปกติ แต่มีลักษณะคางยื่นเล็กน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์หรือซิลิโคนร่วมกับการจัดฟันในระยะหลังได้เช่นกัน

การวางแผนรักษาตั้งแต่วัยรุ่นไม่เพียงแค่ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น แต่ยังป้องกันความผิดปกติด้านการสบฟันและความมั่นใจในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

คางยื่นกับโครงหน้าโดยรวม ส่งผลอย่างไรกับความสมดุลของใบหน้า?

คางเป็นองค์ประกอบสำคัญของใบหน้า โดยเฉพาะในแง่ของ สัดส่วนแนวดิ่งและแนวด้านข้าง (Profile) หากคางยื่นมากเกินไป อาจทำให้ใบหน้าดู “สั้น” หรือ “หัก” โดยเฉพาะเมื่อมองด้านข้าง และยังส่งผลให้ภาพรวมของโครงหน้าเสียสมดุล ดังนี้

• ใบหน้าอาจดูสั้นหรือแบน เพราะแนวคางพุ่งไปข้างหน้า ทำให้จมูกและหน้าผากดูถอยไป
• ทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้นผิดธรรมชาติ และสัดส่วนของใบหน้าช่วงล่าง (Lower face) ดูไม่สมดุลกับช่วงบน
• บางรายอาจส่งผลกับความมั่นใจเวลาเข้ากล้อง ถ่ายรูป หรือยิ้มเห็นฟัน เพราะรูปหน้าไม่บาลานซ์
• หากมีการสบฟันผิดปกติร่วมด้วย ยังทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเกิดแรงดึงผิดธรรมชาติ อาจเกิดริ้วรอยรอบปากหรือร่องแก้มลึกก่อนวัย

การปรับโครงคางให้อยู่ในแนวที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเรื่องความสวยงาม แต่ยังช่วยให้โครงหน้าดูกลมกลืน รับกับหน้าผาก แก้ม และสันจมูกอย่างลงตัว

คางยื่นรักษาได้ไหม? มีวิธีแก้อย่างไร?

คางยื่น สามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธีขึ้นอยู่กับระดับปัญหา ตำแหน่งที่เกิดปัญหา และความต้องการของคนไข้ โดยแพทย์จะช่วยประเมินปัญหาและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละรายบุคคลมากที่สุด โดยมีวิธีการรักษาที่สามารถทำได้ดังนี้

จัดฟัน 

เหมาะกับการแก้ปัญหาในกรณีของคนที่มีปัญหาคางยื่นไม่รุนแรง เช่น ฟันล่างยื่นเล็กน้อยแต่ยังสบฟันได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือปรับโครงสร้างกระดูกขากรรไกร การจัดฟันจะช่วยให้แนวฟันเรียงตัวได้ดีขึ้น ลดความยื่นของฟันล่างที่ทำให้คางดูยื่นเกินจริง ทั้งยังช่วยปรับสมดุลโครงหน้าให้ดูกลมกลืนมากขึ้น เมื่อทำร่วมกับการประเมินของทันตแพทย์อย่างเหมาะสม อาจสามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้ในบางราย

ผ่าตัดเสริมคาง 

สำหรับการ ศัลยกรรมเสริมคาง เป็นการใช้เทคนิคทางการแพทย์ทำการเปิดแผลบริเวณคางเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปช่วยปรับแก้โครงสร้างคางทำให้ใบหน้าได้สัดส่วน มีวีเชพ หน้าดูเรียวยาวมากขึ้น 

ฉีดฟิลเลอร์คาง 

การทำโปรแกรม ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการใช้สารเติมเต็มเข้าไปช่วยเติมวอลลุ่มในส่วนที่ขาดหายไปหรือช่วยเติมสัดส่วนให้กับคางมีความสมดุลมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวรเพราะสารเติมเต็มประเภท HA สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงต้องฉีดเติมบ่อย ๆ เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่เยอะ ไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างภายในของกระดูกคาง

ผ่าตัดขากรรไกร

เป็นวิธีรักษาคางยื่นที่ใช้ในกรณีที่ปัญหาเกิดจากความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรล่างที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้ฟันสบกันไม่สนิท ใบหน้าเสียสมดุล การผ่าตัดจะช่วยปรับโครงสร้างกระดูด ขยับตำแหน่งให้กรามอยู่ในจุดที่เหมาะสมได้ เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรและต้องปรับแก้โครงสร้างกระดูกให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟัน ฉีดฟิลเลอร์คาง เสริมคาง หรือผ่าตัดขากรรไกร โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงามตามธรรมชาติ

คางยื่นแต่ไม่อยากผ่าตัด ทำอย่างไรได้บ้าง?

หลายคนมีปัญหาคางยื่นในระดับไม่รุนแรง แต่ลังเลที่จะเข้ารับการผ่าตัดด้วยเหตุผลด้านความกลัว ผลข้างเคียง หรือระยะเวลาพักฟื้น โชคดีที่ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลากหลายที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะในกรณีที่ฟันยังสบกันได้ดีและคางยื่นไม่มากนัก

• จัดฟันเพื่อปรับแนวฟัน ช่วยให้ฟันล่างเรียงตัวดีขึ้น ลดความรู้สึกว่าคางยื่นเกินไป และปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลยิ่งขึ้น
• ฉีดฟิลเลอร์คาง เติมวอลลุ่มในจุดที่ต้องการให้คางดูมีทรงสมดุลมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่คางบุ๋มหรือมีปัญหาร่วม
• เสริมซิลิโคนคางเล็กน้อย  ในบางกรณีที่คางยื่นเพราะแนวกรามและคางไม่กลมกลืนกัน อาจเสริมคางด้านบนเพื่อเบรกความยื่น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสมดุลมากขึ้น โดยไม่ต้องแก้โครงสร้างขากรรไกรโดยตรง

แม้ว่าวิธีเหล่านี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถาวรหรือไม่เหมาะกับทุกคน แต่ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ และต้องการปรับลุคอย่างเป็นธรรมชาติในระยะสั้นถึงปานกลาง

เลือกวิธีรักษาคางยื่นแบบไหนดี?

การรักษาคางยื่นมีหลายทางเลือก ตั้งแต่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การจัดฟัน หรือฉีดฟิลเลอร์ ไปจนถึงการผ่าตัดโครงสร้างขากรรไกรหรือเสริมคาง ซึ่งแต่ละวิธีเหมาะกับระดับปัญหาและเป้าหมายที่แตกต่างกัน หากปัญหาคางยื่นเกิดจากฟันล่างยื่นเล็กน้อยและยังสบฟันได้ดี การจัดฟันอาจเพียงพอ แต่หากปัญหาเกิดจากโครงสร้างกระดูก การผ่าตัดขากรรไกรอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

บางกรณีอาจใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น จัดฟันก่อน แล้วผ่าตัดปรับรูปหน้าภายหลัง หรือเสริมคางร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้ละมุนขึ้น การเลือกวิธีควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเหมาะกับใบหน้าเฉพาะบุคคลมากที่สุด

หลังผ่าตัดแก้คางยื่น ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังจากที่รับการผ่าตัดแก้ไขคางยื่นไปแล้ว แนะนำให้ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง ช่วยให้แผลหายไวและฟื้นตัวได้ไวขึ้น โดยสามารถดูแลตัวเองหลังผ่าตัดได้ดังนี้

• หลังผ่าตัดในช่วง 1 – 3 วันแรก สามารถใช้การประคบเย็นเข้าช่วยบรรเทาอาการบวมให้น้อยลง
• เมื่อผ่านไปประมาณ 4 – 5 วันหลังทำ สามารถใช้การประคบอุ่นเข้าช่วยลดอาการเขียวช้ำให้ลดลง
• ควรนอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม เลือดคั่ง ให้น้อยลงในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ
• งดนอนคว่ำ งดนอนตะแคง แนะนำให้นอนหงายในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเกิดการกระทบกระเทือนเคลื่อนไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
• งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ ในช่วง 1 เดือนแรก
• งดบีบ กด นวด หรือสัมผัสแรง ๆ ในช่วงแรกหลังทำประมาณ 1 เดือน
• สำหรับคนที่ผ่าตัดแบบแผลในควรบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหารในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ
• รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ให้ครบตามกำหนด

รักษาคางยื่นราคาเท่าไหร่?

ราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาคางยื่นมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา ระดับความรุนแรงของปัญหา เทคนิคที่ใช้ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยราคาในการผ่าตัดเสริมคางเพื่อแก้ปัญหาคางที่มีลักษณะยื่นนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 100,000 บาท

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคางยื่น (FAQ)

เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบได้บ่อยเอาไว้เพื่อช่วยไขข้อสงสัยให้กระจ่างมากขึ้น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

Q : จำเป็นต้องผ่าตัดไหมถ้าคางยื่น?

A : การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาคางที่มีลักษณะยื่นออกมาไม่จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดทั้งหมด ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น หากมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูกคางหรือขากรรไกรค่อนข้างมาก อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วยปรับสมดุลของโครงสร้างโดยรวมให้ดีขึ้น

Q : ผ่าตัดขากรรไกรเพื่อแก้คางยื่นเจ็บไหม?

A : ในกรณีของการผ่าตัดเพียงแค่เสริมซิลิโคนคาง จะมีการใช้ยาชาเพื่อช่วยทำให้ไม่รู้สึกเจ็บและผ่อนคลายมากขึ้น แต่หากต้องมีการผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรหรือปรับโครงสร้างกระดูกบริเวณคางที่ค่อนข้างมาก แพทย์จะใช้การดมยาสลบกับคนไข้เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องกังวลเรื่องของความเจ็บปวดระหว่างทำ

Q : ต้องจัดฟันก่อนผ่าตัดคางยื่นหรือไม่?

A : แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด ในบางกรณีอาจจะต้องมีการใช้วิธีการดัดฟันเข้าช่วยจัดระเบียบโครงสร้างของขากรรไกรก่อนผ่าตัด หรือในบางกรณีอาจจะไม่ต้องดัดฟันก่อนผ่าตัดก็ได้เช่นกัน

Q : ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหนหลังผ่าตัดคางยื่น?

A : หลังผ่าตัดรักษาไปแล้วจะใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูของร่างกายแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน 

Q : คางยื่นสามารถแก้ได้ด้วยการเสริมคางไหม?

A : สำหรับปัญหาคางยื่นที่ไม่หนักมาก ฟันยังสบกันได้อยู่ สามารถใช้วิธีการเสริมคางเพื่อแก้ไขปัญหาได้ โดยแพทย์อาจจะใช้เทคนิคการเหลากระดูกคางให้ได้สัดส่วนและใส่ซิลิโคนคางซึ่งเป็นรูปทรงที่รับกับใบหน้า วางลงไปในตำแหน่งของคางที่เหมาะสม จะช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้เข้ารูปมากที่สุด

Q : หลังผ่าตัดแล้วใบหน้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน?

A : หลังผ่าตัดรักษาคางยื่นไปแล้ว จะส่งผลทำให้ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงดูดีขึ้นจนมองเห็นได้ชัดเจน ใบหน้ายาวเรียว มีวีเชพมากขึ้น

สรุป

คางยื่น อีกหนึ่งปัญหากวนใจที่ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน โครงหน้าไม่ได้สัดส่วน หน้าสั้น หน้าหัก บั่นทอนความมั่นใจให้ลดลง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดและเป็นภายหลังจากอุบัติเหตุ แก้ไขได้ด้วยการการผ่าตัดจัดโครงสร้างกระดูกคางและขากรรไกรให้เข้าที่มากขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปทรงคาง อยากเสริมคางครั้งแรก หรือต้องการแก้ไขคางที่เคยทำมาแล้วให้ได้สัดส่วนมากขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Plastic Surgery ช่วยประเมินปัญหา เลือกวิธีการแก้ไข และออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล