ผิวที่มีริ้วรอยลึก ขาดความยืดหยุ่น ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย หลายคนจึงเลือกดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย เพื่อเข้ามาใช้แก้ปัญหาจากภายในที่การบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ทั่วไปเข้าไม่ถึงผิวชั้นลึก ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยแตกต่างกันไปในแต่ละรายบุคคล สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าวิธีการนี้คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาได้ถาวรไหม มีเทคนิคแบบไหนบ้าง เหมาะกับใคร ทำครั้งเดียวเห็นผลเลยไหม สามารถติดตามอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการนี้ได้จากเนื้อหาต่อไปนี้
ทำไมหน้าผากและคิ้วถึงหย่อนคล้อยก่อนวัย?
การดึงหน้าผาก ยกคิ้ว เพื่อช่วยลดหน้าหย่อนคล้อย สามารถช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณได้อย่างเห็นผล ซึ่งปัญหาผิวที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากและคิ้วเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน หากปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งแก้ไขได้ยาก เกิดขึ้นได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ปัจจัยจากอายุที่เพิ่มขึ้น นับว่าเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบกับผิวพรรณอย่างมาก เมื่ออายุที่เพิ่มขึ้นร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพลงไปตามกาลเวลา กระบวนการฟื้นฟูของเซลล์ผิวทำงานได้น้อยลงหรือไม่เต็มประสิทธิภาพ สูญเสียคอลลาเจน ผิวขาดความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากเริ่มเสื่อมสภาพเกิดความหย่อนยาน ทำให้ไม่สามารถดึงผิวหน้าผากให้เรียบตึงและไม่สามารถยกคิ้วขึ้นไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ตามปกติ ยิ่งในกรณีของคนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองหรือดูแลไม่เพียงพอจะยิ่งเห็นปัญหาผิวต่าง ๆ ริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ปัจจัยจากแสงแดดและมลภาวะ สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญกับมลภาวะ รังสี UVA และ UVB อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นตัวการทำร้ายผิวได้อย่างรุนแรง สามารถส่งผลทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย ผิวแห้งกร้าน ความชุ่มชื้นในผิวน้อยลง ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย ร่องลึก รวมไปถึงทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำได้อีกด้วย
- ปัจจัยจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ในส่วนของคนที่มีพฤติกรรมชอบแสดงสีหน้า อารมณ์ เป็นประจำ เช่น ขมวดคิ้ว ยิ้มเยอะ ย่นจมูก เลิกคิ้ว ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เป็นต้น สามารถทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยหรือร่องลึกถาวร ผิวหมองคล้ำไม่สดใส ดูแก่กว่าวัย
- ปัจจัยจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ หากดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ส่งผลทำให้ผิวเหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น กระบวนการฟื้นฟูผิวทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผิวแก่กว่าวัย หากดื่มน้ำน้อยเป็นประจำจะยิ่งส่งผลเสียในระยะยาว
ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว คืออะไร? เทคนิคมีแบบไหนบ้าง?
สำหรับการดึงหน้าผากและยกคิ้ว คือ การใช้เทคนิคผ่าตัด ดึงหน้า เพื่อเข้าไปดึงชั้นผิวบริเวณหน้าผากให้ยกกระชับขึ้น ทำให้ผิวเรียบตึง แก้ปัญหาคิ้วตก ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาสำหรับการดึงหน้าโดยเฉพาะ ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ผิวเรียบเนียน เต่งตึงมากขึ้น ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งแพทย์จะประเมินปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน เพื่อนำไปใช้ในการเลือกเทคนิคการผ่าตัดและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล โดยมีเทคนิคที่นิยมใช้ ดังนี้
Forehead Lift
เป็นการดึงหน้าผากแบบปกติ แพทย์จะเปิดแผลเลาะหนังศีรษะบริเวณไรผมหรือด้านในหนังศีรษะเพื่อเข้าไปตัดผิวหนังส่วนเกินออก ตัดแต่งกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งที่ทำให้เกิดรอยย่น ร่องลึก หรือรอยพับให้คลายลง ดึงคิ้วที่ตกให้ยกขึ้นกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับใบหน้า แพทย์อาจพิจารณาใช้เอนโดไทน์เข้าไปช่วยล็อกชั้นกล้ามเนื้อให้ยกกระชับขึ้น ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน เหมาะกับคนที่มีหน้าผากกว้าง มีปัญหาค่อนข้างหนักและเยอะ
Endoscopic Forehead Lift
เป็นการดึงหน้าผากแบบส่องกล้อง โดยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณไรผมและสอดกล้อง Endoscope เข้าไปเพื่อทำการผ่าตัดดึงชั้นผิวที่มีปัญหาให้ยกกระชับขึ้น คลายกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงรั้งทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึก นอกจากนั้นยังสามารถใช้เอนโดไทน์วัสดุทางการแพทย์สำหรับยกกระชับใส่เข้าไปล็อกผิวหน้าผากให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้หน้าผากเรียบตึงกระชับและแก้ปัญหาคิ้วตกให้ยกขึ้นได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่มีหน้าผากแคบ ไม่อยากมีแผลขนาดใหญ่
Temporal Lift
เป็นเทคนิคผ่าตัดเพื่อดึงขมับทั้งสองข้างให้ตึง ช่วยยกกระชับบริเวณหางคิ้ว ระหว่างคิ้ว ผิวรอบดวงตา รวมไปถึงบริเวณหน้าผาก โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณเหนือใบหู บริเวณหลังหู หรือบริเวณไรผมเหนือขมับ เพื่อตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินและกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ขึงให้ผิวตึงและเย็บไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ
Brow Lifting
เป็นการผ่าตัดยกคิ้วด้วยการเปิดแผลเหนือขอบคิ้วด้านบน สามารถทำได้ทั้งเปิดแผลแค่บริเวณหางคิ้วหรือเปิดแผลตั้งแต่หัวคิ้วยาวไปถึงหางคิ้ว เพื่อตัดผิวหนังส่วนเกิน ยกคิ้วให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและทำการเย็บแผลซ่อนไว้กับไรขนขอบคิ้ว ซึ่งแพทย์จะประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาเพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด เหมาะกับคนที่มีแค่ปัญหาคิ้วตก ไม่ได้มีปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณหน้าผากหรือใบหน้าส่วนบน
ยกคิ้วกับดึงหน้าผาก ต่างกันยังไง?
ระหว่างการดึงหน้าผากและยกคิ้ว มีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและความต้องการของคนไข้ ซึ่งแพทย์จะช่วยประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงหน้า เลือกเทคนิคการผ่าตัด และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีรับกับใบหน้ามากที่สุด โดยมีรายละเอียดความแตกต่างดังนี้
- ดึงหน้าผาก (Forehead Lift) เป็นการยกกระชับใบหน้าส่วนบนด้วยการเปิดแผลบริเวณไรผมหรือกลางศีรษะ ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก รอยพับ เพิ่มความตึงกระชับได้อย่างเห็นผล ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก เปิดดวงตาให้แลดูโตขึ้น แก้ปัญหาหนังตาตกบางส่วนได้อีกด้วย
- ยกคิ้ว (Brow Lift) เป็นการแก้ปัญหาคิ้วตก ด้วยการเปิดแผลเหนือขอบคิ้วด้านบน ทำให้คิ้วกลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยยกหนังตาขึ้นบางส่วน เปิดตาโตขึ้นในระดับหนึ่ง
ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว เหมาะกับใคร?
สำหรับกลุ่มคนที่เหมาะกับการดึงหน้าผาก ยกคิ้ว มีด้วยกันหลายกลุ่ม ซึ่งสามารถเลือกทำได้ตามความเหมาะสมของปัญหาและความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- เหมาะกับคนที่หน้าผากมีปัญหาเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ร่องลึก
- เหมาะกับคนที่คิ้วตก หางตาตก อยากให้คิ้วและหางตายกขึ้น
- เหมาะกับคนที่หน้าผากมีความหย่อนคล้อยจนทำให้คิ้วตก
- เหมาะกับคนที่ไม่กลัวการผ่าตัด
- เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังทำ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานหลายปี
ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
เทคนิคดึงหน้าผากและยกคิ้ว สามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณและใบหน้าได้อย่างเห็นผล จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีดังนี้
- ช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์
- ช่วยยกกระชับ ปรับผิวเรียบตึง
- ช่วยยกคิ้ว ยกหางตา เปิดตาโต สดใสขึ้น
- แก้ปัญหาหน้าบึ้ง ตาเศร้า
- ปรับรูปทรงตาให้มีความเฉี่ยวขึ้นด้วยการยกหางตา
ดึงหน้าผาก เจ็บไหม? ต้องพักฟื้นกี่วัน?
ระหว่างดึงหน้าผากจะมีการใช้ยาสลบจึงทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ โดยระยะเวลาในการพักฟื้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความไวในการฟื้นตัวของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เท่ากัน รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ในส่วนของคนที่ผ่าตัดยกคิ้ว ไม่ได้มีการดึงหน้าผากหรือดึงขมับร่วมด้วย แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดจึงไม่รู้สึกเจ็บ ผ่อนคลายระหว่างทำมากขึ้น การพักฟื้นไม่นานประมาณ 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนและการดูแลตัวเองหลังทำ
ดึงหน้าผากและยกคิ้ว ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม? ต้องทำซ้ำหรือไม่?
ผลลัพธ์หลังดึงหน้าผากและยกคิ้วจะสามารถอยู่ได้หลายปีประมาณ 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ เทคนิคในการผ่าตัดที่แพทย์ใช้ ความเร็วในการเสื่อมสภาพของผิวหนังและกล้ามเนื้อของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน โดยสามารถใช้วิธีการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุง งานหัตถการฉีดผิว รวมไปถึงเครื่องยกกระชับต่าง ๆ ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยในการดูแลผิวจากภายในได้เป็นอย่างดี
ดูแลตัวเองหลังดึงหน้าผาก
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้
- หลังผ่าตัดในช่วง 3 วันแรก สามารถใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมให้ยุบไวขึ้น
- งดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด
- ควรใส่ผ้ารัดกระชับ เพื่อให้บริเวณหน้าผากเข้าที่ไวขึ้น ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
- ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ ห้ามให้แผลโดนน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ และต้องทำความสะอาดแผลเป็นประจำตามแพทย์สั่ง
- ควรนอนหงายและยกศีรษะขึ้นสูง จะช่วยให้อาการบวมน้อยลง ไม่เกิดการกดทับบริเวณหน้าผากและแผลผ่าตัด
- ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการจ้องคอมพิวเตอร์หรือมือถือนาน ๆ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าเกิดอาการตึงได้
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าผากและแผลผ่าตัด ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- งดยกของหนัก ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก ๆ เพราะอาจทำให้แผลเกิดการกระทบกระเทือนได้
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดให้น้อยลง ช่วยให้แผลหายไว ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
- ควรไปตามนัดหมายของแพทย์ให้ครบตามกำหนด
ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ต่างจาก HIFU/Botox อย่างไร?
สำหรับการผ่าตัดดึงหน้าผาก มีความแตกต่างกับการทำ Hifu และ การฉีดโบท็อก ในหลายด้านด้วยกัน ทั้งกระบวนการทำ ผลลัพธ์ที่ได้ เป็นต้น โดยมีรายละเอียดของความแตกต่าง ดังนี้
- Hifu คือ การใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง High Intensity Focus Ultrasound ที่สามารถปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึก เข้าไปทำให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวส่งผลทำให้หน้ายกกระชับ ผิวเรียบเนียน กระตุ้นคอลลาเจน ผิวยืดหยุ่น สุขภาพดี โดยไม่ทำให้เกิดแผลบนใบหน้า สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเต็มในช่วง 1 เดือนหลังทำ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำและปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยหรือคิ้วตกไม่เกินระดับปานกลาง
- ฉีดโบท็อก เป็นการใช้โบทูลินัมท็อกซิน ฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหาเพื่อระงับการทำงานชั่วคราว ผิวจึงเรียบเนียนเต่งตึง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ประมาณช่วง 3 – 5 วันหลังฉีด และผลลัพธ์เต็มที่ใน 2 สัปดาห์ คงอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ ยี่ห้อที่ใช้ และปัจจัยเกี่ยวกับร่างกายของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป เหมาะกับคนที่มีระดับความรุนแรงของปัญหาอยู่ที่ไม่เกินระดับกลาง
- ผ่าตัดดึงหน้าผากและยกคิ้ว เป็นการผ่าตัดเปิดแผลเพื่อเข้าไปตัดแต่งหนังส่วนเกินออก คลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งผิวจนเกิดปัญหา สามารถคงอยู่นาน 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและร่างกายของคนไข้แต่ละคน เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและคิ้วตกในระดับปานกลางไปจนถึงค่อนข้างรุนแรง
ดึงหน้าผากทำคู่กับหัตถการอื่นได้ไหม?
หากต้องการทำหัตถการอื่นควบคู่ไปกับการดึงหน้าผากและยกคิ้วสามารถทำได้ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้งเพื่อให้แพทย์สามารถวางลำดับการรักษาได้อย่างแม่นยำและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น ดึงหน้าในส่วนอื่น ๆ เช่น ทำตาสองชั้น ฉีด Skin Booster ยกหางคิ้ว ยกหางตา แก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อก เครื่องยกกระชับ เป็นต้น โดยแพทย์จะประเมินปัญหาและความเหมาะสมของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกัน ซึ่งบางหัตถการอาจจะต้องรอให้แผลผ่าตัดและอาการบวมหายไปก่อนจึงค่อยมาทำเพิ่มเติมทีหลังก็ได้เช่นกัน
ราคา ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว เท่าไหร่?
ราคาของการดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย มีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ความรุนแรงของปัญหา เทคนิคที่ใช้ ตำแหน่งที่ทำ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคามีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ดึงหน้าผาก ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 90,000 – 120,000 บาท
- ยกคิ้ว ราคาทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย
หากใครที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบได้บ่อยไว้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q : ดึงหน้าผากกับยกคิ้วเหมือนกันไหม?
A : ทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกัน โดยการดึงหน้าผาก (Forehead Lift) จะเป็นการช่วยยกให้ใบหน้าส่วนบนบริเวณหน้าผากเรียบตึงมากขึ้น แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก รอยพับ และแก้ปัญหาคิ้วตกได้อีกด้วย ในส่วนของการยกคิ้ว (Brow Lift) จะเป็นการผ่าตัดเพื่อยกแค่บริเวณคิ้วเพื่อแก้ปัญหาคิ้วตกเท่านั้น ไม่สามารถช่วยยกกระชับหรือทำให้ผิวส่วนอื่นเรียบเนียนได้
Q : อายุน้อยทำได้ไหม หรือต้องรอให้มีริ้วรอยก่อน?
A: สำหรับคนที่อายุน้อยและอยากดึงหน้าผากสามารถทำได้ แต่ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยในคนที่อายุไม่มากนั้นยังไม่ค่อยมีเยอะเท่าไหร่ สามารถผ่าตัดเพื่อดึงเฉพาะจุด ใช้หัตถการงานฉีด หรือเครื่องยกกระชับช่วยได้ แต่ถ้าในกรณีที่ทำมาหลายวิธีแล้วไม่ได้ผล การผ่าตัดจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์
Q : แผลอยู่ตรงไหน? เห็นชัดหรือไม่?
A : แผลผ่าตัดดึงหน้าผาก แพทย์จะซ่อนเอาไว้ที่บริเวณไรผมหรือบริเวณกลางศีรษะ จึงทำให้แทบมองไม่เห็นรอยแผลหลังทำ หรือหากเลือกทำแบบส่องกล้องก็จะช่วยลดขนาดแผลให้เล็กลงได้อีกด้วย
Q : ต้องโกนผมบริเวณหน้าผากหรือขมับไหม?
A : สำหรับการผ่าตัดดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย ไม่จำเป็นต้องโกนผมเลย แต่แพทย์อาจจะมีการเล็มผมในตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่กระทบกับทรงผมหรือบุคลิกภาพ
Q : ทำแล้วจะดูหลอกตาไหม? หน้าจะตึงเกินไปหรือเปล่า?
A : ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และประสบการณ์ของแพทย์ โดยจะต้องมีการวิเคราะห์โครงหน้าและกำหนดสัดส่วนที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด
สรุป
วิธีการดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ลดหน้าหย่อนคล้อย สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่น ริ้วรอย ร่องลึก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตก เปิดตาโตขึ้น ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานประมาณ 5 – 10 ปีขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและปัจจัยส่วนตัวของคนไข้ที่ไม่เหมือนกัน สามารถทำได้กับทุกคนที่มีปัญหาหน้าผากหย่อนคล้อยค่อนข้างหนักหรือทำวิธีการอื่น ๆ มาแล้วไม่ได้ผลจนต้องพึ่งพาการผ่าตัด หากใครที่ต้องการปรับรูปหน้า ยกกระชับ ดึงหน้าผาก แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อให้ทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ช่วยประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล