vincent.jpg.png
vc_3.png
Vincent Clinic Bangkok Plastic Surgery
คลินิกศัลยกรรมความงาม ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit
บทความ
SMAS Facelift คืออะไร ทำตำแหน่งไหน ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร?
แชร์ :

SMAS Facelift คืออะไร ทำตำแหน่งไหน ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร?

SMAS Facelift คืออะไร? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง? ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร?
อยากรู้เรื่องอะไร? คลิกที่หัวข้อได้เลย!

SMAS Facelift เป็นเทคนิคการยกกระชับผิวหน้าแบบลึกที่ได้รับความนิยมในวงการศัลยกรรมความงาม เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานกว่าการดึงผิวชั้นตื้น หากใครที่ยังมีข้อสงสัยว่าเทคนิคนี้คืออะไร แตกต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจทำ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาที่ Vincent Clinic Plastic Surgery ได้รวบรวมเอาไว้ให้ต่อไปนี้ได้เลย

Key Takeaways

  • SMAS Facelift เทคนิคการดึงหน้าในชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่ช่วยยกกระชับใบหน้าและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ๆ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ
  • SMAS Facelift ช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำคอได้ โดยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการทำ
  • เทคนิคนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคหัวใจหรือเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยไม่มาก เป็นต้น
  • หลังดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS Facelift อาจต้องใช้ระยะเวลาการพักฟื้นประมาณ 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูร่างกายและการดูแลหลังทำของคนไข้แต่ละคน

เทคนิค SMAS Facelift คืออะไร?

เทคนิค SMAS Facelift คือ การ ผ่าตัดดึงหน้า โดยการเข้าไปดึงผิวในชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) นำไปเย็บไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หน้าแก่ จากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงจุดและแม่นยำ ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

SMAS Facelift เหมาะกับใคร?

SMAS Facelift เป็นเทคนิคการยกกระชับผิวหน้าแบบลึกที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด จึงเป็นเทคนิคที่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้ 

  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเห็นปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น 
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ได้ในระยะยาว
  • ผู้ที่แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยด้วยวิธีการอื่นไม่ได้ผล 
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้เข้ารูปมากขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ 

 SMAS Facelift ไม่เหมาะกับใคร?

เทคนิค SMAS Facelift อาจไม่เหมาะสำหรับบางกลุ่มผู้ที่มีปัญหาหรือเงื่อนไขทางสุขภาพที่อาจทำให้การทำหัตถการนี้มีความเสี่ยงสูง โดยผู้ที่ไม่เหมาะกับเทคนิคนี้ ได้แก่

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังบอบบางมากหรือมีประวัติเป็นคีลอยด์ 
  • ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เนื่องจากปัญหาความหย่อนคล้อยยังไม่มากสามารถใช้เทคนิคอื่นช่วยได้
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การทำศัลยกรรมในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือเกิดความเสี่ยงบางอย่างขึ้นได้ 

SMAS Facelift เหมาะกับตำแหน่งไหนบนใบหน้า?

SMAS Facelift เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยในหลายตำแหน่งบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีการหย่อนคล้อยลึกและริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ซึ่งมักจะเป็นจุดที่แสดงถึงอายุที่เพิ่มขึ้น สามารถช่วยยกกระชับผิวทั่วใบหน้าได้อย่างเห็นผล กรอบหน้าชัด ผิวเรียบเนียน ใบหน้ายกกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ จึงเป็นการผ่าตัดที่เหมาะกับการทำทั่วทั้งใบหน้าและผิวบริเวณลำคอ

อ่านเพิ่มเติม : ดึงลำคอคืออะไร ยกกระชับคอให้เรียบเนียน แก้ไขคอหย่อนคล้อย คอปล้อง

ข้อดีของ SMAS Facelift

ข้อดีของ SMAS Facelift

สำหรับเทคนิคการดึงหน้า SMAS Facelift สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน จึงเป็นวิธีการที่มีข้อดี ดังนี้

  • ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เนื่องจากเข้าไปยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ผลลัพธ์จึงอยู่ได้นานกว่าการดึงผิวชั้นตื้น
  • แก้ปัญหาได้ตรงจุด แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ ผิวจึงเรียบเนียน เต่งตึง
  • สามารถยกกระชับได้ทั่วใบหน้าและลำคอ แลดูอ่อนเยาว์
  • แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรงที่เกิดจากผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น
  • ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูปได้อย่างเห็นผลชัดเจน
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปี

ข้อจำกัดของ SMAS Facelift

เทคนิคดึงหน้า SMAS Facelift นอกจากข้อดี ยังมีข้อจำกัดที่ควรรู้ไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • อาจเกิดอาการบวมช้ำ หรือมีแผลผ่าตัด ซึ่งจะหายไปได้เองในช่วงประมาณ  1 – 2 สัปดาห์
  • ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน  
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 5 – 10 ปี ไม่คงอยู่ถาวร ขึ้นอยู่กับอายุที่เพิ่มขึ้น สภาพผิว การดูแลตัวเอง และปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคนที่ต่างกัน

เตรียมตัวก่อนทำ SMAS Facelift

การเตรียมตัวก่อนทำ SMAS Facelift เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ระหว่างทำไม่เกิดปัญหาและภาวะแทรกซ้อน โดยสามารถเตรียมตัวเบื้องต้นได้ดังนี้

  • เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหา สภาพผิวหน้า และประวัติการรักษาเกี่ยวกับใบหน้าที่เคยทำมา 
  • ตรวจสุขภาพก่อนทำการศัลยกรรม เช่น ตรวจเลือดหรือประเมินสุขภาพหัวใจ เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
  • งดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนรับบริการ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนการทำ เพราะอาจทำให้กระบวนการฟื้นตัวช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • หากมีโรคประจำตัวและยาที่ทานประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการ

ขั้นตอนการทำ SMAS Facelift เป็นอย่างไร?

ขั้นตอนการทำ SMAS Facelift ประกอบด้วยกระบวนการที่ละเอียดและมีขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้การยกกระชับผิวหน้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้

  • หลังจากรับการประเมินเบื้องต้น แพทย์จะกำหนดตำแหน่งในการผ่าตัดตามความเหมาะสมในแต่ละรายบุคคล 
  • หลังจากนั้นแพทย์จะใช้ยาสลบเพื่อช่วยให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ ผ่อนคลายระหว่างการผ่าตัด
  • หลังจากยาสลบออกฤทธิ์แพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ เข้าไปดึงชั้น SMAS ขึ้นมาเย็บไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วยวิธีการต่าง ๆ ขั้นตอนของแต่ละเทคนิคที่ไม่เหมือนกัน และทำการเย็บแผลซ่อนไว้ตามแนวไรผม หนังศีรษะหลังไรผม ตามแนวขอบหน้า หรือหลังหู เป็นต้น
  • หลังทำเมื่อฤทธิ์ยาสลบหมดแล้วสามารถกลับบ้านได้

หลังทำ SMAS Facelift ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังทำ SMAS Facelift ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS Facelift ควรพักฟื้นประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ แผลหายดี จึงจะสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับร่างกายและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

หลังทำ  SMAS Facelift ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

การดูแลหลังทำ SMAS Facelift เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงต่าง ๆ โดยสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้

  • ประคบเย็น ในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและฟกช้ำ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอ คอมพิวเตอร์หรือมือถือในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อหน้าเกิดอาการตึง
  • ควรนอนหงายและยกศีรษะสูง ด้วยการใช้หมอนรองคอเพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันแผลกดทับ
  • งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เช่น การยกของหนักหรือการออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้แผลได้รับการกระทบกระเทือน
  • ห้ามให้แผลโดนน้ำ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ 
  • ควรทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
  • ใส่ผ้ารัดหน้าหลังผ่าตัด ตามคำแนะนำของแพทย์ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อช่วยให้ใบหน้าเข้าที่เร็วขึ้น
  • งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ลดโอกาสแผลติดเชื้อ
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  • เข้าพบแพทย์ตามนัด เพื่อทำการติดตามผลหลังการทำหัตถการและตรวจสอบสภาพแผล

ผลลัพธ์ของ SMAS Facelift อยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์หลังทำศัลยกรรมดึงหน้า SMAS Facelift สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับอายุที่เพิ่มขึ้น การดูแลตัวเองหลังทำ และปัจจัยส่วนตัวของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถทำหัตถการอื่น ๆ เพื่อช่วยคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นได้

SMAS Facelift ต่างจากการดึงหน้าแบบอื่นอย่างไร?

SMAS Facelift และ ดึงหน้าทั่วไป ต่างกันในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของเทคนิคการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้ และการฟื้นตัว ดังนี้

SMAS Facelift 

SMAS Facelift เป็นเทคนิคการยกกระชับผิวหน้าโดยเข้าไปดึงชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถยกกระชับได้อย่างเห็นผลชัดเจน ให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปีขึ้นไป แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยหนัก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก 

ดึงหน้าทั่วไป 

การดึงหน้าทั่วไป เป็นการดึงผิวหนังจากชั้นผิวหนังด้านบนโดยไม่เข้าไปในชั้น SMAS เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรือเริ่มมีริ้วรอย การฟื้นตัวไว ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นาน แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้เพียงเล็กน้อย

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง SMAS Facelift กับการดึงหน้าทั่วไป

รายละเอียด SMAS Facelift ดึงหน้าทั่วไป
ชั้นที่ดึง ดึงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง) ดึงเฉพาะผิวหนังชั้นตื้น
ความลึกในการยกกระชับ ลึก และยกได้ทั่วโครงสร้างใบหน้า ตื้น เฉพาะชั้นผิว
ความชัดเจนของผลลัพธ์ เห็นผลชัดเจน ยกได้มาก ผลลัพธ์น้อยกว่า
อายุของผลลัพธ์ อยู่ได้นาน 5–10 ปี อยู่ได้ไม่นาน 1–3 ปี
เหมาะกับใคร อายุ 40+ มีปัญหาหย่อนคล้อยชัดเจน อายุยังไม่มาก หย่อนคล้อยเล็กน้อย
การฟื้นตัว ใช้เวลาพักฟื้นนาน (3–4 สัปดาห์) พักฟื้นไม่นาน (1–2 สัปดาห์)
ระดับความซับซ้อน ผ่าตัดใหญ่ ใช้ยาสลบ ผ่าตัดเล็ก อาจใช้ยาชาเฉพาะที่
รอยแผล แผลซ่อนบริเวณไรผมหรือหลังใบหู แผลเล็กน้อย บางครั้งไม่ต้องเย็บ
ราคา สูงกว่า เนื่องจากความซับซ้อนและเทคนิค ต่ำกว่า เพราะเป็นเทคนิคพื้นฐาน

SMAS Facelift เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรงและต้องการผลลัพธ์ชัดเจนในระยะยาว ดึงหน้าทั่วไป เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อย ต้องการฟื้นตัวไว และผลลัพธ์ระยะสั้นเทคนิค SMAS Facelift ราคาเท่าไหร่? 

สำหรับราคาการทำ SMAS Facelift มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความซับซ้อนของปัญหา เทคนิคที่ใช้ ตำแหน่งที่ทำ ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของแพทย์ เป็นต้น โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 300,000 บาท 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ SMAS Facelift

การทำ SMAS Facelift เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบบ่อยมาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ 

Q: SMAS Facelift เหมาะกับช่วงอายุเท่าไร?
A: โดยทั่วไปจะแนะนำกับคนที่มีอายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะใบหน้าช่วงล่างและแนวกราม ในส่วนของคนที่อายุน้อยแต่ความหย่อนคล้อยไม่มาก สามารถใช้หัตถการอื่นช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ยกกระชับหน้าได้

Q: ทำไมต้องเลือกเทคนิค SMAS แทนการดึงผิวแบบทั่วไป?
A: เพราะ SMAS Facelift ยกกระชับในชั้นลึก ซึ่งต่างจากการดึงหน้าทั่วไปที่ดึงเพียงผิวชั้นตื้น เทคนิคนี้จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ชัดเจน และคงอยู่ได้นานกว่า

Q: แผลผ่าตัดจะเห็นชัดหรือไม่หลังทำ?
A: หลังผ่าตัดดึงหน้า SMAS Facelift แพทย์จะซ่อนแผลไว้ตามแนวไรผม หนังศีรษะหลังไรผม หรือหลังใบหู เมื่อแผลหายดีแล้ว รอยแผลจะจางลงจนแทบมองไม่เห็น ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำของคนไข้แต่ละคน 

Q: หลังทำ SMAS Facelift ยังสามารถทำหัตถการอื่นร่วมได้ไหม?
A: หลังดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS Facelift สามารถทำหัตถการอื่น ๆ ประกอบด้วยได้ เพื่อช่วยคงผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้น โดยแนะนำให้เว้นระยะจนกว่าแผลจะหายดี หรือตามที่แพทย์แนะนำ 

Q: SMAS Facelift ต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: โดยปกติหลังทำผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำและปัจจัยส่วนตัวของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน จึงไม่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ 

Q: ทำ SMAS Facelift แล้ว หน้าจะดูเปลี่ยนไปมากไหม?
A: หลังทำหน้าจะแลดูยกกระชับและอ่อนเยาว์ลง อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ถึงกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เพราะแพทย์จะออกแบบให้เหมาะสมกับโครงหน้าเดิม ไม่ให้ดูหลอกตาหรือหน้าแข็งตึงเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติ

Q: สามารถดึงหน้าชั้น SMAS พร้อมกับดึงคอได้ไหม?
A: สามารถทำพร้อมกันได้ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ผิวตึงทั้งหน้าและลำคอ แลดูอ่อนเยาว์ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินว่าคนไข้สามารถทำพร้อมกันทั้ง 2 ตำแหน่งได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Q: หากเคยทำดึงหน้าแบบอื่นมาแล้ว ยังสามารถทำ SMAS Facelift ได้ไหม?
A: สามารถทำได้ แต่ต้องให้แพทย์ประเมินเป็นรายบุคคลไป เพราะจะต้องวินิจฉัยว่าสภาพเนื้อเยื่อ มีพังผืดหรือไม่ หากเคยทำมาแล้วแต่ไม่ได้ทำในชั้นลึกหรือผิวกลับมาหย่อนคล้อยใหม่ และแพทย์ประเมินว่าสามารถทำได้ ก็สามารถเข้ารับบริการได้เลย

สรุป

SMAS Facelift เป็นเทคนิคผ่าตัดดึงหน้าที่เน้นการยกกระชับในชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อชั้นกล้ามเนื้อที่สามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างเห็นผลชัดเจน แก้ปัญหาได้มากกว่าการดึงหน้าในชั้นผิวตื้น ใบหน้ายกกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ เป็นธรรมชาติ คงอยู่ได้นานประมาณ 5 – 10 ปีขึ้นไป หากใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับ อยากแลดูอ่อนเยาว์ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ Vincent Clinic Plastic Surgery เพื่อรับการประเมินโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีรับกับใบหน้าและมีความปลอดภัย

Scroll to Top
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
"><font style="vertical-align: inherit
"><font style="vertical-align: inherit